7 เมษายน 2549 14:17 น.

ไพโรจน์จำรัสรัศมีบุญ..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song607.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song275.html
(สงกรานต์น้ำตา..อยุธยาเมืองเก่า)


 
ฤดูร้อน
ฟ้าสดกระจ่าง สว่างไสว
ด้วยระยับแดดเรียวเมฆสีเงินยวง
ส่องผ่านปวงดวงดอกไม้นานาพรรณ
ทั้ง..
ลั่นทมริมทาง 
คูนพร่างสี..เหลืองพราว
ตะแบกขาวปนม่วงอรชร
หวานละอออ่อนชมพูพันทิพย์...
.................


เธอ..กำลังจะออกจากนิวาสสถาน
ไม่ลืม..หยิบหมวกสานฝีมือละเมียดภูมิปัญญาชาวบ้าน
ที่...
สำหรับเธอแล้ว
ช่างให้ความรู้สึกงามงดอย่างเหลือเกิน
เธอ..เพิ่งได้มาจากวันที่ไปแถว*หน้าพระลาน*
ในวันที่เธอไปน้อมนมัสการ*พระแก้วมรกต*
ในวันมาฆมาศ ที่เพิ่งผ่านมา...
ด้วยใจดวงใสใสแสนสุขเกษม....
..............



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song607.html

สงกรานต์น้ำตา สายัณห์ สัญญา 

เขามาทำบุญ
ในวัน สงกรานต์
เขากลับมาบ้าน
สรงน้ำหลวงพ่อในโบสถ์
เขา กลับ มา หา
และมา ขอ โทษ
เขาวอนพ่อโปรด
ได้คิด เมต-ตา
เขามาทำบุญ
ในวัน สงกรานต์
เขากลับมาบ้าน
อาบน้ำคุณลุงคุณป้า
เขา กลับ มา พบ
เขา มา ขอ ข-มา
ที่ เคย พูด จา
ล่วง ล้ำ เกิน เลย
ประเพ-ณี สงกรานต์
ที่บ้านนอกเรา
ดูใครๆเขา น่าชมชื่นเชย
เรา คอย ห่วง หา
ทุก นา ที เลย
โอ้ทรามเชยเขาไยไม่ มา
พอเขาก้าวมาในวัน สงกรานต์
พร้อมข่าวแต่งงาน
หลั่งน้ำสังข์ในเดือนหน้า
วันนี้เรานั้น สงกรานต์ น้ำ ตา
หนุ่มน้อยบ้านนา
โศกาอาดูร
พอเขาก้าวมา
ในวัน สงกรานต์
พร้อมข่าวแต่งงาน
หลั่งน้ำสังข์ในเดือนหน้า
วันนี้เรานั้น สงกรานต์ น้ำ ตา
หนุ่มน้อยบ้านนา
โศกาอาดูร...
.....................


เสียงบทเพลงในรถหวานแว่วแผ่วมา
คลอเคียงกับท้องนาดงตาล
ในเส้นทางสายสวยสงบงาม 
ทางผ่าน...ที่เธอกำลังจะพาร่างไปวัด..
เพื่อถวายปัจจัย 
ที่จะร่วมสร้าง*ฉัตรทองคำ*กางกั้นพระบรมสารีริกธาตุ


จิตดวงสะอาด กำลังสว่างพร่างพราย
คล้ายตระการรับพลังรัศมีจากสายแสงสุริยา 
ดั่งดวงดอกบัวทองผ่องช่อบูชา...ชูพ้นน้ำ..
บานฉายฉานรับพลังบุญ 
อันคือ..
*ทุนธรรม* ดั่งเสบียงจิตตามติดไปได้ 
ใช่เพียงสะสมวัตถุใด 
หาก..
ฝากพลีไว้ในร่มรัตน์ฉัตรแก้ว
ให้สมกับที่ได้เกิดมา
พบพระพุทธศาสนาแล้ว 
และ..
มิขอคลาดแคล้ว
ที่จักเดินตามรอยเบื้องพระบาทพระบรมศาสดา 
อันคือสายธาราเกษม..ที่จักจะหยาดเย็น
ให้เป็นสุขสงบ
พบ..
ความสว่างกระจ่างแจ่มไปตราบชั่วนิจนิรันดร์


เธอ..นั่งเรือข้ามฟาก 
ในคลองตาคลองใจ..
สายธารใสเจ้าพระยาแสนงาม..กำลังไหลล่อง
บ้านเรือนสองฝั่งคลอง ราวกับภาพโบราณ
ย้อนกาลสมัยกลายกลับมาฉายชัด

ภาพวัดวาอาราม งามสงบสงัด..โผล่เจดีย์งามจรัส
สีทองผ่องพรายพรรณรายระดะ ไปทั่วทั้งกรุงศรีอยุธยา 
ก่อนวันที่พม่าจะยาตราทัพ
มาเหยียบย่ำ  
มาฝากรอยระกำสร้างทุกข์โทมนัสจนยากจะทำใจ

 
น้ำใสใสกำลังหยาดริน ในห้วงใจ ณ..นาทีนี้
เมื่อรำลึกย้อนไปในวันนั้น
ภาพไฟควัน..ตะวันแดงเดือด 
ภาพเลือดท่วมท้องทุ่งเนืองนอง
ภาพผองบรรพชนคนกล้า
ที่..
ยอมพลีดวงวิญญาญ์ปกบ้านป้องเมือง
ถูกสังหารด้วยคมหอกศาตราวุธอย่างเหี้ยมโหดสุดบรรยาย
ทุกร่างชายชาติอาชาไนยชาตินักรบ 
เลือดไท ผู้มีใจดวงเหี้ยมหาญ
ยอมพลีร่างเพื่อผืนปฐพี.. ดีกว่าจะยอมไร้สิ้นอิสราเสรี...
ให้ใครเข้ามาย่ำยีดวงใจ..ดั่งทาส..
...............


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song275.html

อยุธยา เมืองเก่าของเราแต่ก่อน
จิตใจอาวรณ์ มาเล่า สู่กันฟัง
อยุธยา แต่ก่อน นี้ยัง
เป็นดังเมืองทอง ของพี่น้อง เผ่าพงศ์ไทย
เดี๋ยวนี้ ซิเป็นเมืองเก่า
ชาวไทยแสนเศร้า ถูกข้าศึกรุกราน
ชาวไทย ทุกคนหัวใจร้าวราน
ข้าศึกเผาผลาญ แหลกราญ วอดวาย
เราชน ชั้นหลังฟังแล้วเศร้าใจ
อนุสรณ์ เตือนให้ ชาวไทยคงมั่น
สมัครสมาน ร่วมใจกันสามัคคี
คงจะไม่มี ใครกล้า ราวีชาติไทย

อยุธยา เมืองเก่าของเราแต่ก่อน
จิตใจอาวรณ์ มาเล่า สู่กันฟัง
อยุธยา แต่ก่อน นี้ยัง
เป็นดังเมืองทอง ของพี่น้อง เผ่าพงศ์ไทย
เดี๋ยวนี้ ซิเป็น เมืองเก่า
ชาวไทยแสนเศร้า ถูกข้าศึกรุกราน
ชาวไทย ทุกคนหัวใจร้าวราน
ข้าศึกเผาผลาญ แหลกราญ วอดวาย
เราชน ชั้นหลังฟังแล้วเศร้าใจ
อนุสรณ์ เตือนให้ ชาวไทยคงมั่น
สมัครสมาน ร่วมใจกันสามัคคี
คงจะไม่มี ใครกล้า ราวีชาติไทย...
..



นั่น..คือร้าวรานในมโนนึก
ในยามนี้ 
ที่เธอคิดนึกแค่ชั่วครู่

จิตดวงตามรู้  
บอกให้เธอ ละวางทุกราวเรื่อง
ที่มีทั้งทุกข์..สุขงดงาม 
จำต้องผ่านลาเลยราวสอนสัจจะใจ
ไม่มีสิ่งใด ยั่งยืนนาน...ผ่านกาลกัป์ปสมัย

ทุกสรรพสิ่ง ฝากสัจจะใจจริงแท้ 
แค่มีเกิด ดับ นับอนันต์อสงไขยในวัฏสังสาร


และ
แด่เราผู้ผ่านภพมา
ควรจะตระหนักชัดถีงกฏอนิจจังอนัตตานี้
ที่ควรพร้อมพลีจิต
ให้ถึงพร้อมด้วยทาน ศีล ภาวนา 
และหาหนทาง

เพียรวิปัสสนาพาพบสติปัญญาอย่างถูกทาง
ก่อนที่..
ลมหายใจแลร่างจักมลายหายไป 
ซึ่ง..
มวลมนุษย์ในหล้าโลก
คงไม่มีใครหลีกหนีพ้นโศก
แห่งการพรายพลัดพรากจากจบได้แม้นสักคนเดียว..
.............


สายฝนเริ่มพรายพรมลงไปในสายน้ำ
สายลมเย็นพัดพร่างร่างเธอจนเย็นฉ่ำชื่น
เธอยืนทอดตานิ่งสงบกับฟ้าในยามพลบตรงท้ายเรือ
และ...
ในม่านมัวสลัวของสายฝน
กมลเธอ..คนดี..กลับช่างแสนว่างงาม....!!
............
				
4 เมษายน 2549 20:23 น.

วิมานบัว..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4258.html


เขา..ชายหนุ่มผิวคร้าม ร่างเพรียว
นัยน์ตานิ่งสงบราวแฝงมรกตน้ำงามสีอำพัน อันแสนล้ำลึก
กำลังเอนกายนอนในเก้าอี้หวายสานละเมียด
เคียงนอกชานวิมานนาวิมานบัว
ในยามฟ้าสลัวโพล้เพล้
ที่..
ทั่วทั้งฟากฟ้าท้องนภาเบื้องบนนั้น
พลันแปรสีกลายแสง
เป็นสีส้มอมชมพูหวานแอร่มแสนแจ่มจรัสเจรืองใจ

แสงสุริยากำลังโลมไล้จับร่างนั้น 
ให้ผิวสีสุกปลั่งดั่งสีทองแดงเช่นเฉกเดียวกัน...


เขา..ทอดตาเศร้าซึ้งเงียบงัน ราวตกในภวังค์ฝัน
ไปยังบึงบัวไสว 
อันกำลังอวดดอกพร่างพราวสีขาว นับพัน ประชันชูช่อ
บ้างแย้มนวลลออหวานบานตระการ
บ้างคลี่กางกลีบเกสร 
ราวรอมวลหมู่ภู่ผึ้งภมร มาว่อนบินภิรมย์ ผสมพันธุ์

เคียงกันคือนาข้าว 
ที่กำลังผลิรวงเรียวระย้าย้อยห้อยพวงทอง
ผ่องพรรณรายพรายแกมเกร็ด*เพชรน้ำค้าง*วะวาววับ
ราว*อัจกลับ*อัญมณีใส
จากหยาดน้ำตานางฟ้าผู้ใจดี
ที่เพิ่งพลีรินสายหยาดลา
ฝากลีลาวสันต์อันแสนงามในท่ามความแล้งไร้ คล้ายหลงฤดู


จิตเขาดิ่งด่ำกำซาบ ในวาบนึก *บทเพลง ลาวม่านแก้ว*
สะท้อนรู้สึกอ่อนหวานผ่านแว่วมาในคลองใจ
ให้..
ดื่มล้ำรับพลังสดฉ่ำเกษมเอมอิ่ม
อย่างไร้ผู้ใดจะเข้าใจ ในโลกอันแสนวายวุ่น
กรุ่นด้วยความไร้รักสามัคคี 
ที่กำลังหมุนเกรียวเร็วรี่เร่าร้อนในวันนี้


เสียงจื้งหรีด..จักจั่น  เรไร 
มโหรีไพร มโหรีธรรมชาติ
กำลังวาดวงบรรเลงตามมา
กับ..
ฟ้าใกล้ค่ำ ตะวันต่ำเตี้ยเคลียแมกไม้
รับสายลมอ่อนโอบ 
ที่กำลังระบัดโบก
ให้ผืนไพรแพรนาเริงร่าร่ายรำระบำฟ้อน
มาบรรเทาความอ้างว้างวังเวงในห้องหัวใจ
ในยามเข้าไต้เข้าไฟ...ให้ยิ่งแสนได้บรรยากาศ


เขา..แสนอิ่มเอมเปรมปิติ กับชีวีในวันนี้
ที่สามารถแปรฝันให้พลันจริงได้
คล้ายเทพเสริมฟ้าส่ง 
ให้เขามิมัวพะวงลังเลที่จะตัดสินใจ
ที่จะซื้อที่ดินผืนนี้ 
หลังจากที่...
เขารวบรวมเงินก้อนหนึ่งได้มา
จากงานเขียนบทกวีรักรจนา 
ที่เพียรอุตสาหเททุ่มถอดใจ
ราวใช้หยดเลือดจากดวงใจถ่ายทอด เนรมิตผลิผลิตผลงาน
อัน..
คือพรสวรรค์บวกพรแสวง
ที่เขาใช้เวลาแสนนานหลายปี 
กว่าจะเป็นที่ยอมรับในโลกบรรณพิภพ
จบด้วยได้รับรางวัล อันแสนยิ่งใหญ่


และ...
รางวัลนั้น 
มิใช่แค่...เพียงความรู้สึกภาคภูมิ เป็นดั่งพลังใจ
หาก...
หมายถึงน้ำเงินงาม
ที่ถึงมาตรแม้นเขาใช่จะหลงยึดมั่นก็หาไม่
แต่..
ก็คือใบเบิกทาง 
ให้เขาได้นำร่างใจ ค้นพบทางออก
มิทนหลอกตัวเอง 
อาศัยแบบนกหลงไพร ปลาผิดน้ำ ในท่ามมนต์เมืองอีกต่อไป
ที่..
สำหรับเขาแล้วแสนเปลืองเปล่าเวลา
ไร้สุขแสนทุกข์ถนัด ไปวันๆ 
แค่ให้ผ่านคืนวันประกอบอาชีพพอมีพอกิน
ใช่ถวิลหลงแสงสี 
หรือมี...ความทะเยอทะยานอยากได้ใคร่ดีในสิ่งใด


ใช่แล้ว...
ณ..วันนี้ เขามีวิมานนา กระท่อมโรงนาหลังคาจาก
ที่ชาวนาดั้งเดิม ใช้อิฐหยาบเป็นผนังอันแสนมีเสน่ห์
และ..
ปลูกเป็นกระท่อมโล่ง...
หลังคาสูงเทียมแมกไม้ แถวนั้น
เพื่อ..
สร้างไว้เป็นโรงสีข้าวและไว้สำหรับเก็บเครื่องมือการหว่านไถทำนา
ที่ได้ปล่อยไว้ร้างรา...แลดูแสนทรุดโทรม


หากทว่า..
สำหรับเขา กลับแลเห็นงามในท่ามความโทรมทรุดนั้น
ด้วยดวงใจเต้นแรง
ค่าที่แฝงฝังตัวอยู่ในร่มไม้ใหญ่นานา
ทั้ง..
ดงพุทรา ตะขบป่า 
ต้นไทรใหญ่ไหวกิ่งระย้าย้อยระบึงบัว ที่น้ำใสไหลเย็น
จนแทบมองเห็นตัวปลาก็มิปาน  
ไหน...จะมะม่วงสามฤดูที่ออกผลแดงระย้าไปทั้งต้น
ในวันที่เขาดั้นด้นเข้ามาสำรวจ


หัวใจเขาพองโต
และ..
ทันทีนั้น
ราวกับเขาได้ยินเสียงจากเจ้าที่เจ้าทาง
ที่พร่างผุดขึ้นมาในโนนึก จากจิตใต้สำนึกของเขาเอง
*ที่ตรงนี้ เป็นที่ของเจ้า 
ที่เฝ้ารอเจ้าเข้ามาแสนนาน
ผ่านกาลกัปสมัย..
ที่..
มาตรแม้นใจเจ้าเอง ใช่ยึดมั่นถือมั่นในทุกทรัพย์สิน
หากทว่าแผ่นดินทองดั่งสวรรค์หล้า  ณ..ที่ตรงนี้
จะเอื้อโอบให้เจ้าคนดี ได้พลีชีวิตจิตวิญญาณรจนางานงาม


ฝากไว้ให้เป็นดั่งตำนาน แด่โลกหล้าแลผองชน
ให้กมลพวกเขา..
ได้รู้รักความละเมียดละมุน
ได้..
น้อมนำน้ำพระอมฤตธรรมมาดับร้อนร่ำในดวงใจ
ให้รู้รักวิถีธรรมวิถีไทยวิถีทุ่งวิถีทอง
ที่..
คือครรลองแห่งความเรื่องรุ่ง ทางจิตวิญญาณ
อันคือ..งามอมตะตระการ..ดั่งบัวบานเหนือน้ำเหนือโลก
ที่จักสิ้นโศก แสนสงบงาม 
ใช่..ติดตม ตามโลกวัตถุนิยม
ที่..
พาชีวีผู้คนให้แสนตรมตรอม
ด้วยความร้อนแห่งกิเสลแผดเผา
ให้มีแต่ทุกข์ไร้สิ้นสุขเย็น ที่จะเห็นงาม ในท่ามธรรม ธรรมชาติ
ขอให้จิตร่างเจ้า ได้พบ 
ความสว่างสะอาด แสนสงบสุขไปตราบชั่วกาลนานนิรันดร์*

..........


และ..นั่นคือพลังจิต
 ที่เขาคิดบวกเพิ่ม เสริมให้ดวงชีวี
ได้มีไฟฝันพลังหวังหวาน 
ได้รังสรรค์งานสร้างแรงบันดาลใจ
เพื่อ..
รจนางานงามจิตภายใน 
ที่นับวันมนุษย์สุดอนันต์นับยังขาดพร่อง

และ...
ณ..แดนดิน ถิ่นวิมานนา วิมานบัวนี้
คือที่ที่เขา..เฝ้าเพียรเนรมิต
เพื่อ
จะได้ฝากชีวิตสถิตแนบสถาพร

ให้หัวใจดวงอ่อนโยน รักความละเมียดละมุน
ได้รับอุ่นไอ ให้ได้ใช้ชีวิตจิตใจยิ่งชิดใกล้ธรรมชาติ
..........


โรงนา ยังคงปล่อยเปลือยเปิดโล่ง 
มี..เพียงโถงกว้าง
ที่เขาใช้วางตั่งไม้ ไว้นั่งนอน เขียนหนังสือ
กับเตียงไม้ไผ่สี่เสา
ที่มีเพียงเสื่อผืนหมอนใบ 
ม่านมุ้งคอยกันเหลือบยุงริ้นไร

ไม่มีไฟฟ้า 
เพราะเขาใช้แสงเทียน และแสงตะเกียงเขียนหนังสือ
ที่สำคัญคือ..
ทุกเนื้อดินทอง นั้น
 เขาได้ปันแบ่งให้เกิดประโยชน์โภคผล
จากทรัพย์ในดิน แทบทุกตารางนิ้ว  อย่างซึ้งค่าอย่างรู้ค่า
ที่มีทั้งนาข้าว 
บึงบัวที่บานแข่งกันนับพันไว้ให้เขาตัดจำหน่ายได้ทุกวัน
มี..
บึงปลา แม่ไก่พันธุ์  เลี้ยงไว้กินไข่
ไหนยังปลูกพืชผัก สวนครัว สมุนไพร 
ที่นำมาใช้ปรุงอาหารได้
ไหนจะผลไม้ พื้นบ้านสารพัดสารพัน
ที่เก็บกินผลัดเวียนได้ทุกฤดูกาล

............


เขา...ลุกขึ้นเดินช้าๆ 
ก่อนที่จะพาตัวเดินไปรึมบึงนาดูตะวันดวงสีไพล
ในม่านแสงสีสวยส้มจัด
ที่..
กำลังรุกไล่พรายพร่างเรียวรวง...
จนงามจรัสสุกปลั่งดั่งทองทา
เขาเห็น...นกกา ผกโผผิน ได้ยินเสียงปลาฮุบเหยื่อ 
กระโดดผึงผึ่งเกล็ดวะแวววับเหนือน้ำ 


ตะวันกำลังจะลับฟ้า ลมหลังฝนโชยมาให้ชื่น
เขา ....ยืนดื่มด่ำกับทัศนียภาพตรงหน้า
และ
ตั้งใจว่า 
จะเด็ดบัวถวายเป็นพุทธบูชา ในค่ำคืนนี้
และ
พร้อมพลีตั้งจิตอธิษฐาน 
กราบกรานเทพยดาฟ้าดิน
สิ้นอินทร์พรหมยมพญา
พร้อมมหาบุรพกษัตริย์เจ้าแห่งแผ่นดินสยามนามไทใจรักอิสราเสรี
ทั้ง..
บรรพชนผู้มีจิตใจเหี้ยมหาญ


ผู้ผ่านศึกสงคราม..ปกบ้านป้องเมือง
ที่
ยอมพลีชืพ..
จนเลือดนองเนืองท่วมท้นทั้งแผ่นดิน
ให้..
ยังมีผืนดินไทย แผ่นดินธรรม 
อันแสนร่มเย็นมาถึงทุกวันนี้
ให้..
ปวงเราลูกหลาน
ยังได้มีแผ่นดินหยัดยืนอย่างทรนง
ได้คงกตเวทิตาคุณต่อผืนดินเกิด 
ได้..ใช้ชีวีอย่างประเสริฐ
สมกับที่...ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา
ได้มาอาศัยอยู่ใต้ร่มฟ้า 
ร่มรัตน์ร่มฉัตรเพชร อันแสนสงบงามแล้ว
และ..
ขอได้มีจิตดวงผ่องแผ้ว
ดั่งแก้วงาม เลิกแบ่งแยกแตกสามมัคคีกัน
ให้รู้หันหน้ามาปรองดองสมานฉันท์สามัคคี ก่อนที่จะสายเกิน...

..................


และ..
สำหรับเขา..คนดี
นี่คือโลกชีวี นักเขียน เพียรสร้างฝันสร้างสรรค์ ปันพลี
ความสุขนิรันดร์นี้ ที่เขาได้เลือกแล้ว...
.........................



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4258.html
ญ ...ดังมี สิ่งใดมาดลใจฉัน
ดังใจ โอ้เอยเฝ้าคอยเธอนั้น
นานแสนนาน ฮืม
จึงมาเจอกัน
คล้ายบางสิ่งผูกพัน
ร้อยใจเราร่วมกัน
ช ...ดังมี สิ่งใดมาดลใจฉัน
ดวงใจ โอ้เอย มีเพียงเธอนั้น
นับวัน ฮืมจนแรกเจอกัน
ใจฉันเพียงต้องการ แต่เธอตลอดมา
ช ...ฝากคำสัญญา ฝากวาจา
รักเธอไม่เสื่อมคลาย
ญ ...หมื่นพันสัญญา
ร้อยวาจา หนึ่งเดียวที่เข้าใจ
ช ...รอคอย ผ่านวันเนิ่นนานเพียงไหน
ญ ...คืนวัน ผ่านไปไม่มีความหมาย
พร้อม นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป

ช ...ฝากคำสัญญา ฝากวาจา
รักเธอไม่เสื่อมคลาย
ญ... หมื่นพันสัญญา
ร้อยวาจา หนึ่งเดียวที่เข้าใจ
ช ...รอคอย ผ่านวันเนิ่นนานเพียงไหน
ญ.... คืนวัน ผ่านไปไม่มีความหมาย

พร้อม... นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป
นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป.

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด