14 ธันวาคม 2546 10:30 น.

ตะวันตกดิน!

พุด


 ตะวันตกดิน!    
พุดพัดชา!  


ที่รัก
ผมกลับมาเกาะแสนรักของคุณอีกคราครั้ง..ในวันนี้

ทั้งๆที่ผมเพียรพยายามหนีใจตัวเองมาตลอดระยะเวลาหลายปี
ที่ผ่านมานี้..
ผมคิดถึงคุณทุกนาที ทุกสถานที่ที่คุณเคยไปกับผม

บนภูหินสูงเสียดฟ้า..ที่คุณบอกว่ามีบางมุมเร้นลับ
หากอยากสัมผัสงามดั่งสวรรค์ลอย..เลื่อน..เยือนหล้า

คุณจำได้ไหม..
ที่เราต้องจอดรถไว้แค่เชิงเขา
แล้วเดินลัดเลาะฝ่าดงหนาม
ฝ่าเข้าไปในเส้นทางงามเรียบง่ายแสนยากลำบาก
ที่คุณบอกว่าแสนมีเสน่ห์
แต่ผมกลับสงสารคุณที่ถูกหนามเกี่ยวเลือดซิบๆ
แต่คุณกลับหัวเราะและกระซิบบอกผมว่า
*
ในความยากลำบากในความยากไร้นั้น
ทุกเส้นทางไม่ว่าเส้นทางใจหรือเส้นทางจริงบนถนนแห่งชีวิต
จะมีคุณค่าเป็นบทเรียนสอนชีวิตให้เรียนรู้จักความอกทน
เพียรสู้เพื่อทนรอ..นาทีที่ยิ่งใหญ่
ที่มีบางสิ่งที่แสนงดงาม
ที่แสนดีมีค่ารอเราอยู่บนเส้นทางข้างหน้า
ก่อนที่เราจะฟันฝ่าดั้นด้นไปถึง..นะที่นั้น

คุณบอกผม..ก่อนที่ผมจะได้อ่านผ่านตาถึงหนังสือแปล
แสนมีค่าทางใจทางจิตวิญญาณเสียอีก..
หนังสื่อเล่มที่คุณส่งมาให้ผมอ่าน*อัฐิอาจารย์*

วันนั้น..
ผมได้แค่เดินตามหลังคุณ ใช้คำว่าปีนเขาไต่เขา
ตามหลังคุณที่คล่องแคล่ว.คงเหมาะกว่า
ผมไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงแสนบอบบางผิวละเมียดละไมอย่างคุณ
จะทนให้หนามไหน่เกี่ยวผิวใสใส จนเลือดซิบๆได้อย่างไร
โดยไม่สนใจ ไม่บ่นสักคำ..

คุณรู้ไหม..
นี่กระมังที่เป็นความพิเศษในตัวคุณ
ที่ทำให้ผมทึ่งผมประหลาดใจ
คุณ.บอกว่า..
ชีวิตคุณ จะเล่นบทไหนก็ได้ของชีวิต
สาวนักธุรกิจ...อาจารย์..เลขานุการ..หรือแม่บ้านผู้รับบทหนัก

แต่ที่คุณแสนถนัดคงเล่นบทนี้กระมัง
บทสาวไพรใจสู้ผู้รักผืนดินเกิด
และหวงแหนความงามเงียบเรียบง่าย
สงบสมถะทุกตารางนิ้ว
ที่คุณบอกว่ามันงามเสียยิ่งกว่าจะบอกเล่าผม
ผู้มาเห็นผืนดินมาทีหลัง..ห่าง
คำว่าแสงตะเกียงเจ้าพายุที่วับแวมในยามค่ำทั่วทั้งทุกหลังคาเรือน
ห่างกับคำว่า..กุ้งหอยปูปลามากมายว่ายแหวกราวไม่กลัวคน
ในท้องทะเลงามน้ำเขียวดั่งมรกตเนื้อดี..
และมากมีความทรงจำ
ที่งามงดหมดจดใจ

ผมจำได้...
ในยามค่ำริมฝั่งฝันทะเลงามยามหน้าหนาว
ยามเข้าไต้เข้าไฟ
ที่อาทิตย์ส้มแจ๊ดดวงใหญ่เท่ากระด้งฝัดข้าว
กำลังจะลาลับฟ้า
ที่เราก่อกองไฟเล็กๆให้อุ่นพอละมุนหัวใจ
ทะเลสวยใสที่นะบัดนี้ราวจะกลายเป็นทะเลหมอกแสนงาม
ที่หว่านสีหวานสวยเศร้าเคล้าเทาทึม
งามซึ้งตรึงใจด้วยส้มอมชมพูคละๆเคล้าๆกัน
ราวทองทาทาบอาบไปทั้วผืนน้ำยามอาทิตย์อัสดง

คุณนอนบนผืนทรายให้คลุกเคล้าร่างงามอะคร้าวดั่ง
ทาทาบด้วยสีเงินยวงละเลื่อมพราย
ผมสยายไปเบื้องหลัง
ผมตะลึงตัวชา..เห็นเสน่หาในเรือนร่างที่ไร้จริตมายานั้น
แต่ทว่าคุณคงกลับไม่รู้ตัว
ยังคงดื่มด่ำในภวังค์ฝันและฝัน
หลับตาเล่าเรื่อง
อดีตวัยเยาว์ที่ผ่านผันอันเป็นความจริงอันแสนหวาน
ผ่านหัวใจสวยใสงดงามอ่อนโยนของคุณ

คุณบอกผมว่าอยากให้ผมผู้มาใหม่
ได้รู้จักผืนดินที่ราวไข่มุกแห่งอ่าวไทยนี้
ให้ละเอียดละออทุกซอกทุกมุม
ให้คุ้มกับที่พระเจ้าประทานพร
ให้คนหัวใจสะออนอ่อนไหวอย่างผมได้มานอนนับดาว
เคียงเคล้าเคียงข้างคุณ ได้มาฟังเสียงคลื่นลมเคล้า
เฝ้าพนอหยอกล้อหาดขาวที่เนียนนุ่มราวแป้งเนื้อดี 

ที่ฝรั่งทั่วโลกอุตส่าห์บินฝ่าโศกฝ่าโลกสับสนวายวุ่น
ข้ามมาสัมผัสความสุขงามง่ายไร้มายานี้
ที่ดั่งมีมนตรา..จากฝ่ามือของพระเบื้องบนที่กำนัลให้แด่มวลมนุษย์
ผู้ยังมีหัวใจพิสุทธิใส ยังมีดวงตาดวงใจมองเห็นธรรม..ธรรมชาติ
อันสดสะอาดงามทุกอณูเนื้อใจ


มาตรแม้นว่าโลกอารยะกำลังกลายกล้ำมาล่วงล้ำรานรุกทำร้าย
ให้ทุกผู้คนหิวกระหายขายแผ่นดินแลกโลหะและคำว่า
การยอมรับในสังคมเล็กๆ..
คุณบอกว่า..
คนเรามีสิทธิ์ที่จะคิดและเลือกทางเดินชีวิต
บางคนอาจจะอยากนอนบนฟูกก่อนตาย
ได้เดินใช้เงินอย่างปรารถนาสักคราครั้ง
ซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้าอย่างเมามันส์

แทนความฝันที่จะมีชีวิตดิบเดิมติดดินถวิลไพร
ใช้เพียงหัวใจของความพอเพียงเพียงพอเสพงาม
แม้นเพียงชั่วโมงยามแห่งชีวิตก็สุขพอ..ตามอัตภาพ..

มิจาบจ้วงทำลายคิดขายสิ้นธรรมชาติ..ขายขายขาย
แลกเงินงามมาซื้อความสุขเปลือกนอก
ที่หลอนล่อหลอกใจไปวันๆให้ฝันร้าย
เพราะบานปลายจากความโลภจากขายแค่ผืนดินถิ่นเกิดเป็นขายชาติ
ขายยาเสพติด..ที่อาจจะระบาดไปทั้งเกาะสวรรค์
ให้พลันกลายเป็นเกาะนรกในชัวพริบตา ..
โอ้ว่าละหนอหัวใจมนุษย์ผู้ตกเป็นทาสเงิน!

*******
คุณพาผมมาถึงภูหินงามจนได้

บนชะง่อนผาสูง....คุณทำให้ผมตะลึงตะไล...
แทบลืมหายใจ...ไปกับทัศนียภาพรายรอบที่แลเห็น.......... 
จากลานหินกว้าง..ที่ข้างล่างคือถ้ำ 
จะมีทางเล็กๆ เลาะลัดเลียบทอดลงไป........ 
.แลไกลออกไป....คือโลกสีคราม...กว้าง...ไกล....สุดตา.....
เวิ้งทะเล..สีน้ำเงิน...เขียวมรกต.....
และโทนสีทะเลที่ค่อยๆไล่สีอ่อนจางลงมาตามลำดับ......... 
แทรกด้วยฟองคลื่นสีขาว.....เป็นระลอกงาม.............. 
เรือลำน้อย...ค่อยๆวิ่งฝ่ากระแสชลแตกฟองขาวนวล......
ตรงมายังอ่าวท่าเทียบเรือ......... 

.ตรงหน้าจะมีเกาะสมุย.....
ชิดใกล้ขนาบด้วย..เกาะแตนอก..แตใน..
ราวกับจะห่วงใยว่าเกาะพะงัน จะเหว่ว้า.......... 

แลลงไปเบื้องล่าง จะมองเห็น...
ทิวมะพร้าวสลับซับซ้อนเป็นหมื่นหมื่นต้น......... 
บ้านเรือนซ่อนตัวอยู่ในดงไม้..เงียบสงบ....
มีก็แต่ควันไฟลอยอ้อยอิ่ง ขับฟ้างามอย่างช้าๆ.............. 

บนหน้าผา..ชะโงกง้ำ..ลอยเลื่อน..ราวทายทักเมฆ....
จะมีหอระฆัง...และพระพุทธรูป.... 
ให้กราบไหว้...อธิษฐานจิต......
มีลั่นทมขาวออกดอกพราวไปทั้งต้น..บนชะง่อนผางาม.......... 
ส่งกลิ่นหวานเศร้า..อบร่ำให้ใจ..นิ่ง..เยือกเย็น..ล้ำลึก..
อวลมากับสายลมเย็น.......กับบรรยากาศ 
เงีบบงาม..ที่รายล้อม.......

ที่รัก....ผมกอดคุณไว้แนบแน่น....
ราวกลัวคุณจะหลุดลอยจากสรวงสวรรค์ตรงหน้า........ 
จากสวรรค์ในอก...ในอ้อมแขน..ในอ้อมใจของผม............... 

ผมหยิบลั่นทมทัดหู..ให้คุณ..
พร้อมพรมจูบไรผมงาม อ่อนหวาน อ่อนโยน 
เท่าใจที่ แสนสุขล้ำจะทำได้...
ผมพร่ำบอกคุณว่า...สวรรค์มีจริง.....
ด้วยใจทั้งดวงที่เต็มอิ่ม..จากทุกสิ่ง 
ที่สวรรค์หยิบยื่นและประทานให้ผม.....
ในนาทีของชีวิตที่ผมปรารถนาจะให้โลกทั้งโลกหยุดหมุน 

ผมจำ....... 
คืนวัน ที่มีคุณ..ไม่ว่าบนภูสูงแห่งนี้....
หรือแม้แต่....กลางทะเล....ในค่ำคืน.... 
ที่ร่างของคุณถูกแสงจันทราอาบไล้.....
นุ่มนวล..งามสล้าง..ราวกับเทพีจากแดนสรวง....*
..........
นะวันนี้
ผมกลับมาเยือนมายืนเดียวดายที่นี่
มายืนดูทะเลหมอกห่มทะเลเหว่ว้าหัวใจ
มายืนรอฟังเสียงหัวใจตัวเองเต้นว่าคิดถึงๆๆคุณ..ทุกนาที
....
หัวใจผมอ่อนไหวอย่างสุดทน
จนผมต้องหาทางเยียวยาใจดวงระบมไปวัดเก่า
ที่คุณเคยพาผมเข้าไปกราบพระในโบสถ์เก่าคร่ำ
คุณค่อยๆจุดเทียน..จากแสงรำไรๆวูบวับ
จับพระพักตร์พระพุทธองค์ดูผ่องผุด..
บริสุทธิธรรม..น้อมนำใจเราสองก้มลงกราบนิ่งนาน
อธิษฐานใจพร้อมกันอย่าง
ดำดื่มล้ำลึกในงามเงียบ
คุณจำได้ไหม..
ผมเพียรถามคุณว่าคุณอธิษฐานอะไร

คุณตอบผมว่า..
*ชาติหน้าชาติใดหากบุญกุศลใดที่คุณเพียรทำ
จงน้อมนำให้หัวใจคุณสะอาด สว่าง สงบ
พบชาติ..พระพุทธศาสนา..พระมหากษัตริย์ไทยแบบในหลวงทุกชาติไป 

ให้หัวใจมีทาน ศีล สมาธิ ปัญญา 
พาให้หลุดพ้นจากเหตุแห่งทุกข์
ได้พบแค่ทางสีขาวที่ว่างร้างไร้เงียบงามในทุกโมงยามแห่งชีวี
และได้มีชีวีที่เรียนรู้การ*ให้*
แบบไร้ร้องขอแก่ผองเพื่อนผองชนผู้ทนทุกข์ยาก
ในกระแสโลกย์กระแสวิบากกรรม..และที่สำคัญ
คุณบอกไม่อยากเกิดมาเพื่อรัก..อีกแล้ว*

ที่รัก..
ผมรู้และสวดมนต์ภาวนาให้คุณ
ตลอดมาทุกคืนค่ำและตราบชั่วนิจนิรันดร์กาลตลอดไป
ให้หัวใจแสนดีแสนงามของคุณหอมกรุ่นด้วยพลังแห่งการคิดดีคิดให้
ได้พบทุกโมงยามนำทางดวงชีวีคุณอย่างที่คุณต้องการ
ให้..กุศลจิตที่ดี
ที่คุณมอบที่ดินเป็นทานเพื่อแผ้วถางสู่แดนวิปัสสนากรรมฐาน

เป็นดั่งงามดวงใจใครจะรู้
แด่ทุกดวงใจเพื่อนมนุษย์นี้
ที่พร้อมพลีจิตวิญญาณและร่างอยากหลุดพ้นทุกข์
จากรักจากการพรายพลัดพรากจากวิบากกรรมเก่า

ให้เป็นจริงนะดวงใจ..นะคนดี
ที่ผมแสนรักเอยแสนรักในกมล
ที่หัวใจผมก็พร้อมพลีหลีกทาง..
แม้นจะอ้างว้างดายเดียวเปลี่ยวเหงา
ในหัวใจในลำพัง..สักเพียงใด..!ก็ตามที


*************

รจนาสด ต่อจาก*ตะวันลา*http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_33679.php
ภาคหนึ่ง..ค่ะ..
จะมีบทพรรณาตรงกลาง..ในผางามที่หยิบมาเติมเต็ม
ให้สมบูรณ์..ลงตัว..
บันดาลใจจากบางสิ่งในหัวใจ
ที่ยิ่งใหญ่แสนงามมานานวัน
และลาลับดับฝันไปตามกาลกรรมเวลา..ล่วงเลย..

พุดพัดชา..อ่อนล้าในดวงใจ..
ในทุกขณะนับนาทีพรากลาในโลกฝัน..

เพียงหวังและฝันรจนา..มามากมาย
หวังเพียงได้รับเมตตาน้ำใจรินรด
และทุกหยาดหยดสายน้ำใจ
จากสายไยรักจากทุกดวงใจ

เปรียบประดุจดั่ง
หยาดฝนพรำบนหัวใจดวงนี้
ดับแห้งผาก...! 

				
13 ธันวาคม 2546 16:35 น.

ตำนานรักตำนานฝันชั่วคืนจบลงแล้ว!

พุด


ตำนานรักตำนานฝันชั่วคืนจบลงแล้ว!
ไม่เหลือแววสิ้นไร้ใจหมดสิ้นหวัง 
เคยคิดว่าจะฝากฝังใจยามเซซัง 
กลับผิดหวังพบว่าแค่คำหวานผ่านผ่านไป!  
อยากพักพิงราวนกน้อยที่ปีกหัก 
อยากขอพักใจดวงร้าวคราวหวั่นไหว 
อยากมีใครสักคนใจซึ้งใจ 
อยากฝากไปบอกคนดี..ในวันนี้สะเทือนใจ..  
โลกไซเบอร์นี้จะเอาอะไรกันนักหนา 
ภาพลวงตาให้ใจนั้นได้หวามไหว 
แค่ภาพฝันหลอกล่อให้ยิ้มหวานผ่านทุกข์ใจ 
แค่หวั่นไหวเพียงพริบตาหาใช่จริง  
กลับมาเป็นผู้ชายธรรมดาธรรมดาคนเดิมงามเรียบง่าย 
ไม่วุ่นวายกับฝันไกลในทุกสิ่ง 
อยู่กับโลกสงบงามกับโลกจริง 
ใจใสนิ่งกลับสว่างสร้างงานกลอนไว้สอนใจ  
ฝากความรักแสนหวานผ่านม่านเมฆ 
ร่ายมนต์เสกความดีงามฝากหวามไหว 
ฝากบทเรียนใจดวงร้าวให้เข้าใจ 
โลกหมุนไป..ฤดีใครฤดีคน..ก็หมุนวน!..จนตามเล่ห์รักเล่ห์สวาทนั้นแทบไม่ทัน!


บันดาลใจจากอยากเป็นพระเอกค่ะ
พระเอกขี่ม้าขาวพร้อมจากจร!    

ฟ้ามืด..แต่พรายพราวด้วยดาวพราย
ลมดายเดียวพัดเปลี่ยวเหงา
เดินทอดน่องแหงนมองจันทร์คอยตามเรา
เหมือนเป็นเงา..พริบพราวเฝ้าปลอบใจ..

เอนร่างนอนนับดาวกลางทุ่งหญ้า
หอมละออดอกไม้ป่าจนหวามไหว
พระเอก..ที่ข้ารักเคยพักใจ
ยามนี้ไกลอยู่ไหนหนา..ฟ้าตอบที..

ฟ้ากว้างเมินหนีหน้าคนว้าเหว่
อย่าหลงเล่ห์คำลวงให้คิดหนี
ฟ้ารู้เห็น..ยอดดวงใจ..ไม่ไยดี
เสียเวลาที่เพ้อฝันให้หวั่นใจ...

บอกกับฟ้า..อย่าตอกย้ำให้ซ้ำเจ็บ
ใจหนาวเหน็บพอแล้วกับหวั่นไหว
แค่สร้างพระเอกในฝันไว้ปลอบใจ
รู้บ้างไหม?เขียนด้วยใจจบด้วยเศร้า..ให้พระเอกขี่ม้าขาว..พร้อมจากจร!  



				
13 ธันวาคม 2546 08:00 น.

ตะกร้าการะเวก!

พุด


ไพลตื่นมาตอนตีห้า
ขณะที่ดาวบนฟ้ายังสุกใสพริบพราว
ดาวประกายพฤกษ์ยังอ้อนอิ่ง
มิอยากทิ้งฟากฟ้างามให้หมองหม่นดายเดียวเดียวดาย!

ดารารายพรายแสง
เริ่มหรี่ลับดับแสงรอเวลาราตรีอีกครา..
แทนที่ด้วยอุษาสาง..ฟ้าใกล้สว่างรำไรๆ
เสียงนกไพรเริ่มร้องระงม..
แก้วปลิดใบเหลืองระทมพราวพร่างพื้น



และตรงหน้าไพลนะนาทีนี้คือ...

ตะกร้าการะเวกใบเล็ก
ที่ไพลเด็ดใส่ไว้ตั้งแต่ตอนหัวค่ำ
ที่ยังให้หอมพราวมาถึงยามย่ำรุ่งเลยทีเดียว
และ..
เพราะตะกร้าการะเวกนี่ทีเดียว
ที่ทำให้ไพลต้องเลี้ยวมานั่งเก้าอี้แดง
หน้าจอขอรจนาเรื่องสักเรื่องราวมีมนต์..ดลใจอีกครา!


ขอบคุณ
ตะกร้าการะเวก
ที่เสกสร้างดวงใจไพลให้ละไมละเมียดมานานวัน
ทุกคราครั้งที่ไพลเริ่มเบื่อโลกและผู้คนที่สับสนวายวุ่น
ให้หัวใจไพลพลอยวุ่นวาย..

ก็ยังมีหอมกรุ่นจากดวงดอกไม้
จากธรรมชาติรายรอบบ้าน
ให้สงบงามให้วาดฝันบรรเจิดใจ

ที่ไม่เคยให้พิษภัย..ไม่เคยทำให้ดวงใจช้ำตรม..

ที่ไพลหวังอยากให้เหมือนดวงใจมนุษย์นี้
หวังให้มีงามหัวใจดั่งกลีบดอกไม้..ให้รัก..
คืนกลับ..ให้คน..ให้โลก..ลดโศกตรม..
มิคิดร้ายมิหมายมุ่งทำลายกันและกัน
ทุกถนนสายฝันและสายจริงบนหล้าโลกบนผืนพสุธานี้!


และ..
นะนาทีนี้ดวงดอกไม้นานา

ดอกพวงชมพูดอกกระจิ๊ด
ทำให้ไพลคิดถึง..บทกวี

ชมพูประดับแก้มแต้มใจ...ของไพล

ชมพูพราวพรายโปรยสายสวย 
ชมพูรวยรักหวานปานเสกสรร
ชมพูพริ้งทิ้งต้นปลิดกลีบพลัน
ชมพูสวรรค์พลันพาโลกสีชมพู 

ชมพูรักชมพูโศกพาโลกสิ้นชมพูหวาน
ชมพูบานชมพูพราวราวไร้คู่ 
ชมพูงามแย้มกลีบบานคลี่ชมพู 
ชมพูหรูคู่ปากงามยามแย้มเยือน 

ชมพูไยมาประทับอยู่กับแก้ม
ชมพูแกล้มแถมรอยใครจะเหมือน 
ชมพูหวานบานท้าใจไม่ร้างเลือน
ชมพูเพื่อนชมพูพันฝันค้างใจ..

ด้วยรอยใจรอยจูบนี้สีชมพู้ ชมพู..

(หวังดวงใจทุกดวงใจในร่มรักเรือนไทย
มีดวงใจใครสักคนมาแนบแก้มแถมหอม
ฝากรอยรักนี้สีชมพูเคลียแก้มแถมใจนะคะนะคะ)

******

บทนี้ ไพลรจนา
เพราะว่าเกิดมาก็มีซุ้มพวงชมพูอยู่หน้าบ้าน

และชอบชื่อดอกไม้สีชมพูแสนหวาน 
ที่ชื่อพวงชมพู..


ที่นะวันนี้..
เช้าแสนงามวันหยุดนี้
ไพลขอมอบตะกร้าการะเวกและดวงดอกพวงชมพู
แทนดวงใจแห่งความหอมหวาน
มากำนัลรับขวัญทุกดวงใจให้มีวันที่แสนดี
และราตรีที่แสนงามอีกวันหนึ่งของชีวิตทุกชีวิต

ให้ดวงดอกไม้หวานหวาน
บานประดับใจทุกฤทัยที่เฝ้ารอ..รักนะคะ

และขอฝาก ความในใจแสนหวานนี้  
ผ่านม่านหมอกตรงหน้า กับฟ้าไกลใกล้ 
ให้อากาศยามเช้าแสนหนาวเย็น
ไปพัดพร่างให้ทุกกลางดวงใจเย็นชุ่มฉ่ำ
ดั่งมีหยาดละอองน้ำค้างพรายพรม
ห่มหัวใจให้พิสุทธิ์ใสงาม
มาสรรสร้างงานงามงดไปด้วยกันนะ 				
10 ธันวาคม 2546 07:18 น.

ถ้าชีวิตคือนิยายบทสุดท้ายขอมีเธอ

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2825

นิยายของชีวิต 
คือลิขิตจากใจข้า
เย้ยทั้งฟ้าท้าทั้งดินสิ้นเมตตา 
บอกใจว่า..ทำดีไม่ได้ดี...  

ข้าขอลิขิตชีวิตข้า 
โลกบ้าบ้าทอดทิ้งมาเมินหนี 
โลกในรักในฝันเคยภักดี 
มาวันนี้..สิ้นศรัทธารักศรัทธาใจ.....  

เมื่อสวรรค์ปรานีลอยมาหา 
ขอไขว่คว้ารักคงมั่นไม่หวั่นไหว 
ขอฟ้าดินรู้เห็นและเป็นใจ 
โลกใบใหม่เก็บซึ้งซุกสุขสองเรา......  

นี่คือนิยายรักในชีวิต 
ที่ลิขิตจากใจของคนเหงา 
คนดายเดียวเคยคว้าเพียงแค่เงา 
มามีเราและเราเฝ้าแบ่งปัน....  

วอนโลกไยไฉนไม่อวยพรให้ 
อย่าใจร้ายส่งคนดีมาปลอบขวัญ 
โลกลอยเลื่อนลาเลยลับกับตะวัน 
หวังและฝัน..มีคนดี..เคียงข้าง..ตราบสิ้นลม!

*****



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=300
เธอ.....   

ก่อนนั้น ทุกวันโลกเป็นสีเทา
เปลี่ยวเหงา เฝ้าแต่รอคอยเสมอ
เธออยู่แห่งไหน เมื่อใจฉันพร่ำหาเธอ
ใคร จะเสนอ มอบรักและ ความต้องการ
ก่อนนั้น ฉันมีชีวิตเพื่อใคร
ขื่นขม เท่าใดจะกลายเป็นหวาน
ทนอยู่ต่อไป เมื่อใจทนทรมาน
คืนวันผันผ่าน จนเราได้มาพบกัน
แปลก ใจ หนักหนา เธอมา ปลุกชีวิตฉัน
เธอมา มอบ รัก นิรันดร์
เธอมา อดีตพลัน มลาย
บัดนี้ ทุกนาทีเป็นแสงทอง
ที่เคย หม่นหมองกลับมีความหมาย
ฉันเพิ่งได้รู้ รักทำให้ความทุกข์คลาย
ยาอื่นไม่หาย ไม่เลือนเหมือนเธอเป็นยา
บัดนี้ ฉันมีชีวิตเพื่อเธอ
ได้เจอ คือเธอที่ฉันฝันหา
เธอที่คราวนั้น ฉันคอยกับรอยน้ำตา
เธอจึงมีค่า ตราตรึงหนึ่งดังหัวใจ

บัดนี้ ฉันมีชีวิตเพื่อเธอ
ได้เจอ คือเธอที่ฉันฝันหา
เธอที่คราวนั้น ฉันคอยกับรอยน้ำตา
เธอจึงมีค่า ตราตรึงหนึ่งดัง หัวใจ... 


				
9 ธันวาคม 2546 22:05 น.

พระจันทร์เดือนธันวา!

พุด


ดวงนั่งดายเดียวมองเดือนดวงงาม 
พระจันทร์งามพราวราวส้มสุกสีทอง
นวลผ่องยองใยอร่ามเรืองอย่างรัญจวนใจ..
กลางชานไม้ริมระเบียงเคียงชายคา
กระท่อมไม้สนที่หอมอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟหลากรส...
หอมตระลบไปทั้วทั้งร้านแสนงาม..
*******



ดอกพุดพิชญา ดวงดอกน้อยๆนวลนวลพราวกิ่ง
โมกห้อยกิ่งชูดอกหอมอวลแกล้มแถมมากับกลิ่นกาแฟ
กับสายลมค่ำแล้วในฤดูหนาว..

ดอกพุดพิชญา..มิใช่พุดพัดชา 
ที่เคยมีคนถามว่านามปากกา
นั้นดวงได้จากแรงฝันบันดาลใจได้แต่ใดมา
ก็ขอชี้แจงแถลงใจไว้ณ.ตรงนี้เสียเลยนะคะว่า



ดอกพุด เป็นดอกไม้งาม
พันธุ์ไม้ไทย ที่มีกลิ่นหอมละมุน 
ดอกสวยสะอาดตา ดูบอบบาง 
แต่อ่อนหวาน และอ่อนโยน.......... 

ในขณะเดียวกัน
มีเสียงคล้องเปรียบประดุจ....
พุทธะ..ประจำใจ
ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน 
ที่จะบานไสวอยู่ในใจของตัวเอง
เพื่อนำทางชีวิตให้สว่างไสว ตลอดไป...

และ....
จริงๆอยากใช้นามปากกาว่าพุดซ้อน
เพราะชอบดอกหอมแผก
ดอกนวลขาวพราวละมุนกรุ่นกลิ่นกลางกลีบ
บานหวานซ้อนซ่อนสุขซึ้งงามเป็นชั้นๆ
ที่ใครๆได้หอมได้เห็นงามแล้วคงอยากจะ
นำไปประดับใจประดับหวานให้หอมงามชั่วกาลเลยเชียว!




แต่คำว่าพุดซ้อน
ดูราวชีวิตต้องซ่อนซึ้งสุขซุกเศร้ายาวนานตลอดกัลลปาวสานต์

พุดพัดชาจึงได้มาโดยการหาคำมาเติมเต็มให้พุด..นั้น
ผันคำให้นิ่มลงไปเป็นอื่นที่หวานแหววแต๋วจ๋า
ฟังดูน่าจะเข้าท่าเข้าทีกว่า..ก็แค่นั้น..


จริงๆพุดพัดชาก็พัดช้าคิดช้า..
ก็เคยคิดอยากจะหานามปากกาใหม่
ที่เข้าทีดีกว่ากันเยอะๆเลย
มาตั้งใหม่ให้เป็นสิริมงคลนามแบบชั่วกาลนานนิรันดร 


แต่คิดไปคิดมา
ไม่ว่านามปากกาอะไรหากหัวใจไม่มีไฟฝัน
มีแรงบันดาลใจไม่มีกำลังใจจากท่านผู้อ่านแล้ว

ต่อให้นามปากกามลังเมลือง
วิจิตรตระการใจประเทืองใจยังไง
ก็คงไปไม่ถึงไหน
ไม่ถึงดวงดาวพราวรุ้ง
ที่อยากจะเอื้อมไขว่คว้ามาสู่อุ้งมืออ้อมใจเรา สักดวง!

ให้มีพลังสรรสร้างสิ่งแสนดีคำแสนสวย..
กำนัลทุกดวงใจให้ใสเย็นแสนหวานชุ่มฉ่ำรักตามๆกัน

และอีกเรื่อง



ก็คือเกรงใจปีกฟ้า..
ว่าจะหาเรื่องยากมากเรื่องมาให้ปวดศรีษะเพิ่มขึ้น

เพราะว่าแค่บรรดาปัญหามวลสมาชิกมากมายราวล้านกว่า
ที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเพิ่มเฟรนส์ไชส์
อาจจะต้องขยายสาขาเวบไซต์เป็นไทยโพเอม1 2 3...
เติบโตต่อไปแบบมิหยุดยั้งมิยั้งหยุด..
ก็ทำให้ปีกฟ้าหายหน้าไปเลย
ด้วยมากมีมากมายความวายวุ่นที่ต้องจัดการ



เหลือก็แต่ความหวังจาก*นักอยากจะเขียน*นักฝันค้าง
ต่างละเมอรอท่าว่าเมื่อไรละหนอละนี่
ที่ปีกฟ้าหรือว่ามีแมวมอง
มาจ้องขอลิขสิทธิ์งานเราไปตีพิมพ์รวมเล่ม 
อวดบนแผงสวย
ให้เราทุกดวงใจในร่มรักเรือนไทย
พากันไปแห่อุดหนุนกันเอง
แบบอัฐยายซื้อขนมยาย 
ให้ขายให้เกลี้ยงแผงชั่วพริบตาเดียวเลยค่ะ
****



อ้าว..นี่ย้วยยานจากเรื่องพระจันทร์
มาร้านกาแฟแห่มาถึงนามปากกาได้ไงนี้ 
เอาใหม่นะคะคนดี 
นั่นคิดว่าเป็นบทแทรกเรื่องรักหวานเศร้า
ตามประสาพุดพัดชาก็แล้วกัน
นะคะนะ
มาเว้ากันใหม่เลยดีกว่านะ
***



ดอกพุดพิชญา ดวงดอกน้อยๆนวลนวลพราวกิ่ง
โมกห้อยกิ่งกอหอมอวลแกล้มแถมมากับกลิ่นกาแฟ
กับสายลมค่ำแล้วในฤดูหนาว..
ที่หนุ่มสาวต่างพากันหาเนื้อนุ่ม
มาห่มแทนผ้าห่มให้หายหนาวกายใจ
ได้เรื่องใหม่มาแทนคือชุลมุนวุ่นรักหักอกแหกใจ.
ตามมาตามกติการักกติกาโลกโศกสุข
คลุกเคล้าให้ร้าวรวดและสมหวัง



ประกายดาวพราวพร่างเต็มอ้อมฟ้าสีกำมะหยี่
กลับพากันหรี่แสง...

มิบังอาจแข่งกับแสงนวลพราวเหนือดาวทุกดวง
.*.เทพีจันทร์ เทพีใจ*แทนใจคนในปฐพี
ที่ได้มีโอกาสฝากใจกับจันทร์ฝากฝันกับดาว

และทุกคราครั้ง..



ที่ดวงเต้นออกกำลังกาย 
ก่อนจะปิดท้ายด้วยจังหวะลีลาศ
ให้วาดลวดลายสวิงสวายเนิบช้า
และเร่าร้อนผ่อนหนักเบาไปตามจังหวะเพลง
มีทั้งตะลุง รุมบ้า ชะชะช่า แบบสามช่าสามโทน
ให้ได้สะบัดสะบิ้ง
ทิ้งเท้าทิ้งทวนแบบไฟแลบแปลบปลาบเลยทีเดียว



ดวง..จะมีความสุขมาก
ดวงใจจะชุ่มฉ่ำ
รับพลังหยาดหวานพรายจากสายน้ำผึ้งพระจันทร์
และ


ดวงตาผู้หญิงช่างฝันพลันก็จะมีน้ำรื้นเรียวตาในทุกครา
ที่แหงนเงยเห็นจันทร์เพ็ญเด่นดวงงาม
ที่คอยวิ่งตามแย้มยิ้มพริ้มเพรา

ราวหยอกล้อให้พะนอรักพะนอใจ อย่างเข้าใจอย่างรู้ใจ
เป็นการเต้นรำท่ามกลางแสงจันทร์โลมไล้ร่าง
ให้สล้างฝันสว่างไปถึงกลางดวงใจ
ให้สวยใสงามรับน้ำใจหวานๆๆๆจากจันทร์
ให้หลับฝันดีตลอดราตรียาวนานเลยทีเดียว
***



ดวงจะมานั่งพักเหนื่อยตรงริมชายคาแห่งนี้ 
ที่เจ้าของร้านใจดีแสนสวย
เธอให้เกียรติดวงให้ช่วยตั้งสะโลแกนร้านใหม่ของเธอ..
ที่ดวงแสนยินดีและเต็มใจจะคิดจะทำให้..
***


ณ..ชายคาแห่งนี้ที่พักใจ ทุกคาคบของพญาสัตตบรรณ 
ที่เริ่มสูงขึ้นเป็นช่อชั้นแฉล้มแต้มใจให้ร่มเงานั้น
จะงามบรรเจิดด้วยกอกล้วยไม้หลากสีสันชูช่อล้อลมไสว
เย้ยจันทร์ท้าใจอยู่ในนาทีนี้ที่ดวงรจนางาน..
และที่แสนน่ารักนัก..


จนดวงต้องทายทักตั้งชื่อ
คือบานหน้าต่างกระจกกว้างตลอดแนว
ให้ใหม่ว่า.*.หน้าต่างโมก*หยุดโลกหมุน....

ที่ทุกราวกิ่งดอกดก..
พราวนวลขาวหอมคอยหลอมละลายใจแขก
คอยกวักมือเรียกแขกผู้มีหัวใจยังใฝ่
ยังฝันยังอยากหามุมสวรรค์บนดินนั่งจิบกาแฟละมุนลิ้น
ท่ามกลางกลิ่นดวงดอกไม้ไทยหอมพร่างเคล้าราตรี
ที่มีพรายพระจันทร์อมยิ้มมาทายทักให้พักใจอยู่บนฟ้า
***


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2438
กล้วยไม้ 
 กล้วย ไม้ ของเราแต่เก่า ก่อน
อยู่ในดง ใน ดอน เจ้าซ่อนช่อ ซ่อน ใบ
ไกล ภู่ ไกล ผึ้ง
เจ้าอยู่ถึง ไหนไหน
ใครจะเด็ด จะดม ได้ เราไม่เห็น เลย
ใครจะเด็ด จะดม ได้ เราไม่เห็น เลย
โอ้ กล้วย ไม้ เอย
น่า ชื่น น่า เชย เจ้าไม่เคยชอก ช้ำ
เช้า สาย บ่าย ค่ำ
ชื่นบ่ช้ำ ชอก เลย

เดี๋ยว นี้ ดูรึ กล้วย ไม้
มาชูช่อ ชู ใบ บานอยู่ใน กระเช้า
ลืม ดง ลืม ดอน
ที่เคยอยู่ก่อน อยู่เก่า
ภู่จะคลึง ผึ้งจะเคล้า ให้เจ้าเฉา ลง
ภู่จะคลึง ผึ้งจะเคล้า ให้เจ้าเฉา ลง
โอ้ กล้วย ไม้ เอย
เจ้า ไม่น่า เลย ที่จะมาไหล หลง
เจ้าลืมสุมทุม พุ่ม พง
ลืม ดง ดอย เอย...
**************



และ..
ใจดวงหวนกลับไปถึง....

คืนหนึ่ง..ที่ยังซึ้ง  ตราตรึงอยู่ในใจดวงมานานเนิ่น..
ยามที่ดวงตื่นขึ้นมาในยามดึก 
ใต้ชายคากระท่อมไม้มะพร้าว
เคล้าเสียงคลื่นลมริมทะเลฝัน
ยามที่ดวงต้องรีบตื่นมาดูโลก

ที่ดูราวฝันไป...
ราวสวรรค์หวานที่มีจริงบนโลกจริง..
ที่มีพระจันทร์ดวงโตมายิ้มเผล่
จ๊ะเอ๋กับดวง..ตรงหน้ากลางทะเลกว้าง..


และ
สว่างพร่างแสงสีเงินยวง
ร่วงรายพรายพรมห่มผืนน้ำทะเล
ให้งามระยิบระยับ
ราวกับประดับด้วยประกายเพชรเก็จแก้วก่ำจรดฟ้าไกล...
ไม่สิ้นสุดในเรียวตา งามเย้ยหล้าสวยบาดใจ
พาใหลหลง หลงใหล 
ดั่งต้องมนตรานางพญาพรายน้ำกระพริบวิบวับใต้สมุทร
******



ดวงจะเดินเหว่ว้า เดียวดาย ร้างไร้ใครในยามดึกสงัด
มีเพียงเสียงลมคลอคลื่นพัดวู่หวิว
พลิ้วใบมะพร้าวซัดส่ายเสียดสีซอกแซกๆ
เสียงคลื่นคลอทราย ราวพ้อเพ้อตามลมละเมอ
*****



เป็นความสุขสงบงามเงียบ
แม้นจะเฉียบเย็นในดวงใจเป็นยิ่งนัก
แม้นจะดูราวสาวเจ้าจะอกหัก
หรือกลับกัน..หักอกใครไม่ไยดี
ยอมหนีหน้ามาเดินดายเดียวเปลี่ยวเหงา
ในเกาะร้างห่างไกลเพียงลำพัง..
******


นวลจันทร์เดือนธันวา ..
ทอทอดลอดลวดลายเมฆลงมา
ส่องกระทบหาดทรายขาวยาวเหยียดสุดตา
ให้เกิดประกายจรัสจ้าเรืองแสงเงินพร่างสว่างโพลนรำไรๆ
ใต้เงาดาวพราวนวลจันทร์...



ยามนั้น..
จะมีเพียงดวง...และ..รอยเท้าที่เหยี่ยบย่ำไปบนผืนทราย
ให้สายน้ำจากทะลผืนงาม..แผ่กว้างแตกฟองกระจาย กวาดรอย.!.

ไม่อาวรณ์อาลัยไม่ไยดี..
ให้มลายหายวับไป..



เหลือดวง..กับใจดวงเดิมดวงดีดวงเดียวกัน
ที่ยังช่างฝันยังดายเดียวเดียวดาย
คล้ายเดินโดยลำพังอยู่บนปลายโลกร้างกลางโลกสิ้นไร้รัก..



เป็นสุขล้ำ..สงบลึก  ทุกยามนึกถึงคะนึงครวญ
หวนหัวใจไปถึงคืนนั้นที่สวรรค์ล่ม
ที่อกดวงตรมกลัดหนองนานมา.
ทว่ากลับได้บางสิ่งมาแทน
ธรรมชาติแสนงามไงและธรรมดาใจผู้รู้ตน..
********



นั่นคือ..
คืนฝันวันพระจันทร์หวานผ่านเดือนธันวา
ที่ดวงจำแม่นยำทุกครา..
เพราะว่ามีพายุจริงแถมมากับพายุใจ
ให้ทะเลปั่นป่วนเป็นระลอก กระฉอกซัดฝั่งมิรั้งรอ.รีรอ.


หากทว่า...
พยับโพยมบนท้องนภาเวหาหนนั้น
ทะเลเมฆงามเกินกว่าจะหาค่าคำงามล้ำ
มาพรรรนามารจนาให้เทียมเท่าเล่าได้

ขอแค่ให้ลองติดปีกให้หัวใจบินไปตามใจฝันใจจินตนา
คิดถึงแค่คำว่าทะเลเมฆทะเลรุ้ง
ยามที่เราพุ่งร่างโผบินไปได้ราวกับนกก็แล้วกัน
นะทุกดวงใจในฝัน...
***********


ดวงขอกลับมา..
สู่งามจันทร์งามจริงในค่ำคืนนี้ในราตรีนี้อีกครั้ง

ที่เปรียบดั่ง..ดวงจันทร์คือ..เทพีนภา..!
เป็นพลังที่ฟ้าหยิบยื่นประทานให้โลกหล้ายามราตรี
มิต้องหม่นมัวหมองครองใจไปทุกค่ำคืน

ให้มวลหมู่มนุษยชาติใช้ใจดวงฉลาดแสนงามแสนดี
วาดหวังใช้พลังจันทร์เติมพลังใจในทุกยาม
ให้กับดวงชีวีอันแสนสั้นฝันมิยาวยืน...



ให้เราสร้างพลังบวกมิมอดสิ้น

จะพ่ายกี่ครั้งจะพลั้งจะแพ้กี่หน
เราทุกคน...ทุกคน..
ก็ยังมี....
ดวงตะวันในตอนเช้าเฝ้าหมุนมาใหม่ให้เริ่มต้น
มี
พระจันทร์เบื้องบนท้องนภาในยามราตรี
คอยโปรยหวานหยาดสายให้
ขอแค่ใช้ดวงตาดวงใจแหงนเงยฝากฝันฝากใจ...
เพียงนั้นเท่านั้น..



ธรรมชาติจันทร์..ธรรมดาใจ 
ที่โลกมอบให้มนุษย์ทุกส่วนเสี้ยวทุกซีกโลก
อย่างเท่าเทียมกัน..


สุดแต่ใจใคร...
จะใฝ่..จะฝัน...จะคว้าจันทร์..จะปองใจ
ได้ครอบครองดวงใจ
ได้จิตวิญญาณใครจิตวิญญาณคนนั้นคู่กัน

ตามกุศลผลบุญหนุนนำ
ที่ได้สร้างได้ตักบาตรร่วมกัน
ได้ฝันรวมใจกันมาแต่ชาติปางก่อน....



เสมือนดวงตาสวรรค์ 
ดวงดาราที่จะจรัสจ้า
ที่จะเป็นพลังใจเคียงข้าง...
มิให้อ้างว้าง..ว้าเหว่ใจ..ไม่ดายเดียวเดียวดาย..ลำพัง.
ตราบชั่วกาลนานชั่วนิจนิรันดร...				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด