17 มิถุนายน 2546 00:56 น.

รักคุณมาก

พุด


รักคุณมาก
อยากบอกเพียงแค่นี้
เพราะคุณคือคนดี
มากมีด้วยน้ำใจ

คุณอาจหล่อมาก
อยากบอกว่านั่นก็ใช่
แต่ความหล่อหรือความใด
เปลือกนอกไซร้ยังแพ้ใจที่งดงาม

รักความคิดของคุณ
อบอุ่น อ่อนโยน ไร้คำถาม
คุณค่าของคุณอยู่ที่ใจแสนงาม
ให้ความสงสารเข้าใจ

อยากกอดคุณ
โอบละมุนอุ่นรักไม่ไปไหน
อยากกระซิบรักด้วยหัวใจ
ว่าคุณคือดวงใจดวงตา..

รักคุณและรักมาก
แค่เพียงอยากจะบอกว่า
จากนี้ไปตราบชั่วชีวา
คุณคือเทวดาเดินดินที่สถิตอยู่กลางใจ!
				
16 มิถุนายน 2546 22:50 น.

ลมหวล

พุด


ค่ำคืนนี้..ท่ามกลางราตรีนิ่งงัน..อบอ้าว
ฉันจุดไฟพราว..แขวนใต้ราวก้านกิ่งแก้ว..ที่ไร้ร้างราดอก..
ด้วยขาดหยาดฝนพรมพรำพร่างพรายให้ชุ่มฉ่ำฉ่ำชื่น..และ
ราวระทมพร้อมไปกับลั่นทมขาวที่ยังอวดดอกพราวหวานเศร้าละมุนชูช่อ
ที่นับวันรอ..ใครบางคนที่จากไปไกลสุดหล้าให้คืนหลังกลับมา..มิช้านาน!

มะม่วงมัน..บัดนี้บางลูกร่วงหล่นสู่พื้นพลัน เพราะมัวซ่อนลูกบังใบ..
เข็มขาว ข้างครัว กำลังชูช่อ..อีกคราครั้งทุกก้านกิ่ง..ที่ฉันทิ้งไว้ไม่หักราน
ให้บานคาต้น..คาใจ..
เล็บมือนาง..ยามนี้เคลียรั้วเลื้อยพันล้อเล่นกับจำปี ที่ฤดูนี้ดอกยังละออพราว
หอมอวลไปไกล ไม่ว่าใครเดินผ่านมา..ทนเสน่หาของดอกดวงแทบไม่ได้
ต้องแอบเหลียวหา เแอบอิ่มอกอิ่มใจถวิลในงามนั้น.....

ฉันเดินลอดซุ้มการะเวก
ราวถูกเสกด้วยมนต์หอมให้เอื้อมเด็ดดอมเบามือมาอิงใจ

ในกอบกำ..นั้นฉันจะวางไว้ตามมุมต่างๆ..
โต๊ะเขียนหนังสือที่วันนี้มีดอกหน้าวัว
หลากสีในโถแก้วทรงสูง 
เหนือขึ้นไปเป็นเฟิร์นกระดาษ 
ที่แผ่ใบเขียวสวยระบัดใบให้เขียวเกิดกลางใจ 
กลางนัยน์ตา กลางบ้าน..

นอกนั้นจะแบ่งปันวางไว้..ริมหมอนให้เคียงข้างละมุนฝัน 
ในคืนค่ำที่หลับไหล
ด้วยคิดถึงใครบางคนสุดหัวใจ..
ในห้องน้ำที่ทุกยามเช้าจะหลงเหลือกลิ่นหวานเศร้า
ขับกลิ่นอบอ้าวให้อวลด้วยอารมณ์ดีเอิบอาบไปตลอดวัน..
เพื่อสู้ฝัน สู้โลก..มิพักลงทุน..

เพิ่งได้..พุดเวียตนามมา..
สาวกลีบบางแต่งามดอกดกมากกว่าพุดซ้อนแม่สาวอรชร
ซ่อนกลีบเป็นชั้นช่อละออหนากว่า..
ที่ฉันนี้รักนักรักหนา และแทบขาดไม่ได้บนโต๊ะอาหารยามเช้า..
ให้บรรยากาศเขียวใสให้ใจงามไปทั้งวันเฉกเช่นกัน

ยามนี้..ฉันชงกาแฟ..มานั่งนิ่งๆจิบแกล้มไปกับใจนิ่งงาม..
กับแสงเทียนวะวับแวม
กับฟ้ากว้าง กับดาวพร่างสุกใส 
และกับดวงใจนี้ที่สุดลึกหวานเศร้าร้าวๆยังไงไม่รู้!
บางที..ด้วยเหตุแห่งใจดวงนี้ที่คิดถึงยอดดวงใจของฉัน
ที่อยู่ไกลกันคนละซีกโลก
ที่เล่ามาว่า..อากาศที่นั่นหนาวตับหด..
และคงผิดกับที่นี่ที่บ้านเราที่ยามนี้คงร้อนจนตับแลบ..

อากาศหนาวที่ชวนเศร้าร้าวไหวให้ใจโหยหา..บ้าน..ของเรา..เมืองไทย..
วิมานดิน..

โลกเรานี้หนอ..มักจะมีอะไรแตกต่างตราบเท่ายังหมุนวน 
ไม่ว่าอากาศหรือชีวิตผู้คน
บนผืนโลกนับพันๆล้านที่จะต้องพานพบทั้งเศร้า..สุข ..ดีร้าย มืดแล้วสว่าง..
คนละด้านคนละสิ่งไปจนกว่าชีวิตจะสิ้นจะลาลับดับไปไม่..รู้ร้อนหนาว..ราวร้าง..ใจอีกต่อไป

ฉันเปิดเพลง..พี่แจ้..กำลังครวญคร่ำ..
เริ่มจาก..อย่าไปเลยบางกอก..
เพลงนี้ฟังแล้ว..เพราะไม่เชื่อจึงเหมือนเรือเกยตื้น
เหมือนปลาผิดน้ำยังไงยังงั้นเลยกับชีวิตชาวกรงในวันนี้..

ตามมาด้วย..ฝนเดือนหก..
รอและคิดถึงฝนหลงฤดู..คิดถึงคุณม้าก้านกล้วยพิลึกยามนี้       
อยากอ่านกลอนดีดี..ที่แทงทะลุใจ..
ใสใสงามๆของกวีที่เขียนถึงชีวิตพื้นบ้าน       
ได้บานเบิกใจและเข้าถึงหัวใจเสียไม่มี..
ที่เพ้อบอกมาว่าพอหน้าฝนกมลนักกลอนจะบรรเจิดจ้า
ราวรอท่าหยาดฝนชะโลมใจ..
ให้อาวรณ์อาลัยถึงใครบางคนที่ลาจากไปท่ามกลางสายฝนพรำ..
กับหยาดน้ำตาที่คงให้อารมณ์ถวิลหาถึงใจกว่ากัน..ใช่ไหมเอ่ย...

เศรษฐีน้ำตา..เพลงนี้ขอมอบให้ตัวเอง..ละกันนะ..
อยากรู้ว่ารวยน้ำตายังไงไปหามาฟังเอง..

และคนหลายใจ...ที่ฟังทีไร..อยากร้องไห้นะ...
เลยคาให้ฟังให้คลอเคล้าใจรานร้าวไปด้วยกัน
กับสายลมอ่อนอุ่น 
ราวฝันฝากใจที่อยากกระซิบปลอบประโลมใจทุกดวง              
ในไทยโพเอมนี้ที่ผิดหวังช้ำตรม..กับโลกกับคนที่หลายรัก!.หลายใจ..
........

ใต้ฟากฟ้า..สุราลัย  
เหนือหัวใจปรารถนา
อิ่มความรักแล้วเอย กลับเมินเลยลับตา
ไม่นำพาก็คงสาหัวใจ..
เพิ่งจะรู้คู่เธอมี เหมือนธุลีขาดลอยไป
เลือกปองมาหลายคน
เจอะแต่คนหลายใจ
ช่างกระไรเจ็บจำน้ำจิตคน
เธอมีคู่ครองมองเห็นอยู่กับตา
บาดอุราเหลือทน
คิดดูรึเปล่าอกเขาก็คนจะทนอย่างไร
เกิดมาแล้วเพื่อจะรัก
หลงภักดีจะมีไหน
เจ็บระกำช้ำตรม สุดจะทนแล้วใจ
จะโทษใครก็ใครใช้เล่าเอย...

ตามมาด้วยเพลงนี้อีกเพลงนะคนดี..ที่โดนใจ..
ลม..หวล..ชวนให้คิด..ถึงความหลัง
พะวัง..จิตคิดขื่นขมระทมใจ..
ตัวใครเป็นคนผิด..อยากถามนัก..
รักไยใจจึงกลับ ดั่งลมหวล
ใกล้เรา..กล่าวถ้อย ในที่รัก
เจ็บนัก..พอถึงอื่นก็คืนคำ
มาทำชิดสนิทใหม่ ใครจะเชื่อ
เบื่อแล้วไยจัก มารับกลับคืน!..




เสียงเพลงหวานเศร้า หวานแว่วนี้
 พ้อเพ้อไปกับฟ้ากว้างกับสายลมระริน..
ด้วยมนต์ขลังแห่งความถวิลหาอาวรณ์อาลัย..ของใจผู้พ่ายรักมากมายในโลกนี้
ที่ยังคงมากมีทุกข์ระทม ขมขื่นใจ 

ตราบเท่าที่โลกยังหมุนวนหมุนไป..มิมีวันสิ้นสุดหยุดรัก..
ทุกสรรพสิ่ง..ราวหยุดนิ่งเงี่ยหูฟังและเอาใจช่วย
กับยามนี้ ที่ดวงใจของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังหลอมละลายนิ่งงัน
นิ่งเงียบกับฟ้างาม..และกับเสียงเพลงจากใจของตัวเองนี้ที่กำลังสะอื้นไห้!
				
14 มิถุนายน 2546 03:49 น.

หนาวหัวใจไยซบหน้า..น้ำตาซึม!

พุด


เขียนกลอนฝันกับจันทร์ในยามดึก
มองไพรพฤกษ์น้ำค้างพรมลมพัดไหว
ความเงียบงามยามดายเดียวก่อกลางใจ
นี่คือไฟใหม่สดซึ้งคิดถึงเธอ...

เขียนจากใจคนอย่างฉันคนฝันค้าง
คืนไร้ร่างไร้ใจใครให้เพ้อ
วันหมุนวนคนหมุนเวียนเปลี่ยนจนเก้อ
ลมละเมอพัดใจฉันฝันกระเด็น..

หนาวหัวใจในละครโลกโศกซ้ำซาก
โลกไยฝากแต่รอยร้าวราวมิเห็น
ไม่รับรู้เรื่องราวปล่อยให้เศร้าทุกเช้าเย็น
พระพรหมเล่นลิขิตซ้ำย้ำรอยใจ..

ดอกไม้ใจไหวกิ่งก้านบานรอฝน
พร่างกมลคนเขียนฝันเลิกหวั่นไหว
เส้นทางฝันวันแสนงามอีกยาวไกล
แล้วทำไมไยซบหน้า(คาแป้นคอม)..น้ำตาซึม!



				
14 มิถุนายน 2546 02:45 น.

คว้างขวัญ!

พุด



ฟ้ารำไร รำไร เริ่มไรแสง ราวรุ้งจับขอบฟ้า ทั่วนภางค์ใกล้สว่างแล้ว...
หมู่นกกา ร้องระงม ราวฝันไป ว่าอยู่ในดงดอนราวไพรที่ไหนสักหนแห่ง
หนาวน้ำค้าง เผาะ เผาะ จับยอดไม้ใบหญ้า 
ร่ำลาจันทร์เต็มดวงสว่างนวลที่แขวนฟ้า รอตะวันฉายใกล้อรุณเรือง......

หอมกลิ่นกรุ่นของลั่นทม...
พริ้งพวงพราวทิ้งเศร้าร้าวราโรยหล่นเกลื่อนพื้น.....
จำปี..สลัดกลีบเรียวยาว ค้างคาบนร่มคันใหญ่เหลืองละออ
ที่กางไว้ใต้ต้นใบบังไว้นั่งผ่อนพักใจ ในยามอ่อนล้า...หางามนัยน์ตา..
หาหวานในใจ ปลอบประโลม.....

จำปีหนอ..จำปี..ยังมิทันไรใจน้อยมิทันได้ดอมดมเชยชมให้สาสะใจ 
ไยพลันทิ้งกลีบเหี่ยวเฉาโรยรา ..ถอดใจ แค่ชั่วคืน.......

แก้วเหงา..คอยใครกันนะ..ให้กลับมาเป็นแก้วตาขวัญใจ  
ในยามนี้ที่เงียบงาม..อย่างเหลือเกิน..
นกตัวน้อย เกาะก้านกิ่ง กอใบโยกไกวจิกกินลูกแก้วสวยส้มสุก 
ในจะงอยปากงาม....

มะม่วง..พวงริมหน้าต่าง ให้อารมณ์มันส์ 
กับฝันสวยแสนดีที่แทบจะเอื้อมมือปลิดได้ ปล่อยให้สุกช้าๆ
ดูงาม ดูพัฒนาการให้ธรรมชาติบ่มงาม ยอมอดเปรี้ยวไว้กินหวาน  
อย่างอยากให้ชายเชยหญิงงามซึ้งค่า..เฉกเช่นกัน...

ยามเช้าแสนดี ......
ที่แสนสุขใจ เปิดเพลง บรรเลง....ไพเราะ..คลออรุณ......

ทำข้าวต้มอุ่นๆหอมอวลไปทั่วทั้งครัว....
ตัดใบตอง..มาเจียนงาม วางชามข้าวต้ม 
ให้ได้อารมณ์อิ่มอุ่นที่เป็นธรรมชาติธรรมดาๆ
ที่น่ารับประทาน...แกล้มมะละกอสุกสดชื่นชื่นคอ...
ดื่มน้ำแอปเปิ้ลหวานอมเปรี้ยวปะแล่มๆบาดลิ้นเย็นชื่นใจ.......

นอนไม่หลับ..จึงลุกขึ้นมา รับอรุณให้แอร่มแจ่มใสแจ่มใจไปทั้งวัน..
หลังจากนอนฝันร้ายมาทั้งคืน.......
เพราะหัวค่ำดูหนัง ที่ระกำทรวงประท้วงถามใจ โดนใจ สะเทือนใจ..นิ้ดๆ สะท้านใจหน่อยๆ

ชื่อเรื่อง..The vanilla Sky 
แปลเป็นไทยไปคนละความหมาย หมายความได้ว่า
ปมรัก ปมมรณะ ไม่มีเอี่ยวค่าโฆษณา เลยบอกได้แค่ว่าไปหาดูกันเองนะ
และหากใครกำลังเกิดปมรักปมพิสวาส ในใจที่ยังแก้ไม่ออก 
ก็ตัวใครตัวคุณแล้วกันนะคะ
ชอบคำว่า..วานิลลาสกาย...
คงนึกออกนะคะว่าฟ้าจะสวยสักแค่ไหน คงสวยหวานเศร้า
ราวสีน้ำ ราวสีลูกกวาด ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น.....

ชอบเพลงประกอบในหนัง ไพเราะมาก 
อยากเปิดแล้วให้ใครบางคนได้ยิน
ได้ฟัง แต่ยั้งๆใจไว้ เพราะเขาคงไม่ อิน ไปกับเรา 
ในเมื่ออยู่คนละที่ คนละทางคนละบรรยากาศ 
ไหนจะวาดฝันเพริศแพร้วมลังเมลืองหวานไหวตามใจเราทัน..นะ
ที่กลับมานอนฝันร้าย เพราะ คิดว่าชีวิตตัวเอง
ฝันร้ายคล้ายๆกันกับเรื่องราวบางฉากตอน

เถอะนะ ก็แค่หนัง..สร้างให้หวั่นไหววาบหวาม 
ชีวิตรักชีวิตจริงบางคนเน่าสนิทนิ่งยิ่งกว่านิยาย
หรือหนังเป็นร้อยเท่าพันทวี...

เพียงแต่ชีวิตจริงไม่รีบจบลบระทมไปง่ายๆยังขอค้างๆคาๆไว้
ให้เป็นหนามแหลมทิ่มแทงใจเล่นๆ .......ไปวันๆ...ไว้คาใจ....
ได้หนังสือคิดว่าดี..มาสองเล่ม.....
แกล้มฝันสล้างให้ไกลห่างโลกจริงที่ทดท้อระทม..ระทวยกายใจเสียไม่มี..

อยากให้ลมหนาวหวนมาอีกครั้ง ของคุณอภิชาติ 
นักเขียนหนุ่มไฟแรง ชอบมาตั้งแต่เรื่องกล่องไปรษณีย์
สีแดงที่เขียนถึงบ้านเกิดเราเองไง..
กับอีกเล่ม..ธรรมดาที่ไม่ธรรมดาของโรเบิร์ต ฟูลกั่ม 
ที่ติดอกติดใจ อ่านไปมาจนไปซื้อซ้ำมาอีก....
นักเขียนเรื่องธรรมดาๆใช้ภาษาเรียบง่าย แต่น่าอ่าน 
จนเกิดงามในใจให้พิเศษพิสุทธิ์สว่างวาบไหว....
อยากมอบให้... มวลมิตรรักนักกลอนทุกท่านจังเลยค่ะ.....
และอยากบอกว่า..รักทุกดวงใจในเวทีฝันแห่งนี้..ที่สุดแล้วค่ะ

				
14 มิถุนายน 2546 01:58 น.

บ้านเล็กในป่าใหญ่

พุด


บ้านเล็กในป่าใหญ่พงไพรกว้าง
แม้อ้างว้างเพียงใดใจไม่เหงา
มีลำธารผ่านโขดหินสะท้อนเงา
ในลำเนาเขาเงื้อมโงกเป็นโตรกธาร..

ดอกไม้ป่ายามสนธยาส่งกลิ่นหอม
นกขับกล่อมเพลงธรรมชาติฝากเสียงหวาน
จุดตะเกียงเคียงหัวนอนเขียนกลอนกานท์
นอนนอกชานหวานแสงดาวพราวแสงจันทร์..

หนาวน้ำค้างพร่างพรมลมบาดผิว
ปีบร่วงปลิวทิวไม้ไพรไหวปลอบขวัญ
แม้นเดียวดายคล้ายโลกสิ้นแสงตะวัน
แต่ในฝันในใจไกลระทม..

มีท้องฟ้าพาดวงใจติดปีกฝัน
สร้างสวรรค์กลางใจไม่ขื่นขม
ทุ่งดอกไม้ไหวเอนล้อเล่นลม
ลืมระทมท่องธรรมชาติวาดหวังใจ..

พลิ้วรวงข้าวราวพรมทองผ่องโอบหล้า
มองนภาคราเมฆหมอกหยอกเย้าไหว
ฟ้าเปลี่ยนสีเวทีฝันจันทร์เย้ยใจ
ให้ดวงใจใครนิ่งงันวันหมุนเวียน.

โลกพงไพรสอนใจในทุกสิ่ง
คือความจริงยิ่งกว่าจริงสิ่งอยากเขียน
ตะวันลาพาอรุณหมุนวนสอนบทเรียน
คนช่างเขียนคนช่างฝันรอวันละครชีวิตปิดฉากลง..กลางพงไพร..ไม่หวั่นเลย!

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด