11 ตุลาคม 2548 23:07 น.

ดวงบุหลันกับฝันงาม..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1873.html
(โลกแห่งความฝัน)
............


ดวง..
นอนนิ่งนิ่งบนระเบียงบน
ดู..จันทร์ครึ่งดวง หวานเจ่ม กำลังแย้มหน้ามาทายทัก

หลังจากดูรายการ*500วันกับ1500ไมล์*จนจบ
ด้วยหยาดน้ำตา...ของ..
ลูกผู้หญิงคนหนึ่ง
ที่ขอ..ฝากพลีซึ้ง
ถึง...
สุภาพบุรุษลูกผู้ชายหนึ่งในนวลกมลงาม
*ที่ชื่อคุณรัฐภูมิ อยู่พร้อม*
ที่...
หลอมละลายให้
ดวงใจแสนหวานแสนซึ้งเศร้าด้วยศรัทธาแลแสนรัก
มานานวัน..
นับตั้งแต่ได้ตามติดข่าวมา...



ที่*เขา*
ได้กล่าวคำแสนซึ้งค่าแสนน่าภาคภูมิใจ
จากหัวใจลูกผู้ชาย..*ชาติเสือหัวใจสิงห์*
ที่แกร่งกล้า..เกินคนเกินใคร..
ที่..
รักคุณแม่อย่างสุดหัวใจ
และ..
ได้กล่าวคำแสนโศกสะเทือนไว้อย่างเหลือแสน
จนยากที่จะกลั้นหยาดน้ำตาเอาไว้ได้
เมื่อเขาพายมาเป็นล้านๆพายได้จนครบหกเดือน



จนถึงจุดสุดท้ายแห่งชายฝั่งตะวันตก
ที่จังหวัดสตูล..ติดกับเขตน่านน้ำมาเลเซีย
ก่อนที่จะ..
เริ่มต้นพายใหม่..ทางฝั่งอ่าวไทยไข่มุกตะวันออก

สุภาพบุรุษลูกผู้ชายคนเก่งหัวใจแกร่ง
ก็ได้พลีหยาดน้ำตา..จากใจ
ได้กล่าวคำขอบคุณ..
ต่อฟ้าดิน...
ต่อทะเลและทุกสรรพสิ่ง
ทั้งพายุดินน้ำลมไฟ
มวลหมู่ดาว พราวพระจันทร์ 
แสงฉายฉันท์แห่งพระอาทิตย์



และ..
ทุกมวลชีวิตผองชนคนไทยริมฝั่งฝันอันดามัน
ที่ได้คอยช่วยเหลือเป็นขวัญกำลังใจ
ให้เขาพายพาเรือคยัค..วันแล้ววันเล่า
ผ่านความเหนื่อยยากลำบากแสนสาหัส

ที่เข้าใจและให้พลังใจ
ให้เขาฝ่าฟันทำฝันให้กลายเป็นจริงได้
ด้วยความสำนึกล้ำลึกแห่งพลังรักกตัญญูผู้มีพระคุณ..
จนพ้นผ่านทะเลแห่งความฝันได้สำเร็จ...
..............



และ
ในท่ามราตรี..
ที่ดวงบุหลันลอยคว้าง
อย่างแสนเศร้า..ในเงาเฆม
ให้เสกฝัน..ฝากงามจิต
ให้....
น้ำตาซึมนิดนิด
กับใจดวงน้อยน้อยที่แสนบอบบาง
ที่แสนอ้างว้างใจ..อย่างสุดทน..



ดวงนอนดูจันทร์ในกมล
พร้อมกับคิดถึงพระเอกในงานดวงจับใจ
*พระเอก.*
ที่ดวงฝากซึ้งฝากฝันไว้มากมาย
ในหลายราวเรื่องรักรจนา
ทั้งในนามสาวนาและแม่ดวงดอกพุดไพร

ที่มักจะรัก
วิถีชีวิตอันแสนเรียบง่าย
ได้ชิดใกล้สนิทแนบแอบอิงพึ่งพิงธรรมชาติ
และดวงมักกระซิบฝากไว้จากใจดวงนวลเอาไว้ว่า...



*กระท่อมสวรรค์ในฝันนั้นจะไม่ทาสี
ไม่มีผนังกั้นสายตาจากเขียวไพร
*เขียว*
ในรวงเรียวของทุ่งข้าวแลละลิบสุดตา
ที่จะได้นอนเหว่ว้านับดาวในยามดึกอย่างหนาวใจ
หากไม่หนาวกาย..
เพราะ
ดวงมักรจนา
ให้นางเอกพระเอกชาวดินชาวไพร
ที่ยังมีหัวใจใสใสพิสุทธิ์
ได้เคลียเคล้า
ได้ฝากรักอันแสนภักดีในอ้อมกอดกันและกัน...




เรื่องในฝัน..
พระเอกจะได้ยินเสียง..
อันแสนออดอ้อนอ่อนหวานของนางเอกขับขานบทกวี
ในยามค่ำคืน
ก่อนจะนิทราฝันไปด้วยกัน
อย่างแสนฉ่ำชื่น ชื่นฉ่ำใจ
ราว..
กับมีหยาดน้ำค้างไพรน้ำผึ้งจันทร์
มาหว่านสายหวาน
มาพรายพร่างลงนะกลางใจ



และ...
กับในนาทีนี้..
ดวงอยากกระซิบบอกทุกคนดีในดวงใจว่า...
แม้น..
ในยามตะวันอ่อนอุ่นเริ่มทอแสง
ด้วยดวงรัศมีแสง..อันแสนจรัสจรุงราวรุ้งพราว



ดวงก็จะรจนาให้นางเอก
ได้พ้อพลอดพระเอกในยามอุษาฟ้าสาง
กับเสียงดุเหว่าครางเรไรครวญ
และ..
ได้ชวนกันฝ่าดงหมอก
ที่กำลังหยอกรวงเรียวในเส้นทางสายข้าว
เพื่อชวนกันไปวัดในวันพระวันบุญ
อย่างพุทธศาสนิกชนที่ดี
ที่คือวิถีทุ่งวิถีทองวิถีไทย
ที่ทุกนางเอกดวง
มักได้รับบทอันแสนเงียบงามสว่างสงบใจที่ควรจักเป็น..



และ
กับ..บทกวีนี้..
ในยามเช้า
ที่นางเอกจะเฝ้าฝากคำรัญจวนใจ
ที่แสนงามล้วนในถ้วนทุกคำ
อันแสนล้ำใจนักในทุกยามนึกนะทุกคนดี...




*นิราศจักรวาลของคุณชัยพร ศรีโบราณ*

บทที่16..

ฉันลืมตาตื่นนอนตอนแดดอุ่น
รอบตัวคุ้นเคยกับสรรพสิ่ง
ฟูกที่นอนหมอนอุ่นละมุนอิง
สงบนิ่งหน้าต่างโน้นทางเทียว

นี่โลกเดิมยังคงดำรงหรือ
เสียงกระพือปีกผับขยับเหลียว
เหล่าวิหคเหินหาวอยู่กราวเกรียว
ใบไม้เขียวรับอรุณสุนทรีย์

หยาดน้ำค้างฉอเลาะเกาะใบหญ้า
นาฬิกาเข็มเวียนเปลี่ยนดิถี
เหลือคณาเรณูและธุลี
สถิตที่บริสุทธิ์อุทยาน

หมู่แมลงร่อนบินถิ่นทุ่งป่า
เมฆลีลาลมอ้อนดูอ่อนหวาน
มัศยาใหญ่น้อยลอยลำธาร
ดอกไม้บานประทับใจแม้ไกลตา

หรือเพียงฉันโชคดีที่พอตื่น
โลกก็ยื่นความรักประจักษ์ค่า
แต่เสียงเพลงเศร้าสร้อยแว่วแผ่วมา
จากขอบฟ้า-หรือรั่วจากหัวใจ

หรือภาพที่ดีงามเพียงความฝัน
กลบความจริงเพื่อฉันพลันเฉไฉ
ยังมีมุมมืดแฝงอยู่แห่งใด
เพลงของใครยังเศร้าร้าวทำนอง

ดวงตะวันดวงเดิมเริ่มหน้าที่
บรรจงคลี่ผืนนภาลบฝ้าหมอง
ราตรีผ่านลานหญ้าก็เรืองรอง
อวลละอองล่องละมุนอาบอุ่นไอ

ดูเล็กเล็กลอยล่องละอองคู่
นั่นเรณูธุลีที่ฝันใฝ่
ฉันชะงักพักคิดสะกิดใจ
นี่โลกใหม่หรือเก่าที่เรายล..

......................



และ...
คนดี...
กับราตรีนี้ กับเดือนดารากับฟ้ากว้าง
กับพร่างหอมแห่งมวลมาลีที่กำลังแย้มพราย
ดวงขอพลีจบ...
ด้วยบทเพลงอันแสนมากล้นความหมาย
แด่เรานะดวงใจ..ใช่ไหมเล่าคนดี..

..............





http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1873.html
โลกแห่งความฝัน ใหม่ เจริญปุระ

เมื่อชีวิต ยังรักที่จะฝัน
และบอกกับใจ ทุกวันที่ผ่านมา
ด้วยปีกแห่งฝัน จะโบยบินไปถึงฟ้า
หวังจะไปให้ถึงในซักวัน
กว่าชีวิต จะพ้นไปอีกวัน
อีกกี่ความฝัน ที่ฉันจะไขว่คว้า
อีกกี่คำถาม ที่รอคอย การค้นหา
แล้วถึงรู้ว่ามัน ไม่มีจริง
โลกแห่งความจริง
ฉันเป็นเหมือนคนตาบอด
โลกแห่งความฝัน
ฉันมองเห็นวันสดใส
แต่ในวันนี้ โลกแห่งความฝัน
ทอดทิ้งฉัน ไปไหน
โลกไม่สดใส เหมือนวันก่อน
กว่าจะรู้ ชีวิตคืออะไร
กว่าจะรู้ หัวใจคงอ่อนล้า
เฝ้ารอความฝัน
ให้ตกตะกอนช้า ช้า
เพื่อให้ฝันชัดเจน และเป็นจริง

โลกแห่งความจริง
ฉันเป็นเหมือนคนตาบอด
โลกแห่งความฝัน
ฉันมองเห็นวันสดใส
แต่ในวันนี้ โลกแห่งความฝัน
ทอดทิ้งฉัน ไปไหน
โลกไม่สดใส เหมือนวันก่อน
กว่าจะรู้ ชีวิตคืออะไร
กว่าจะรู้ หัวใจคงอ่อนล้า
เฝ้ารอความฝัน
ให้ตกตะกอนช้า ช้า
เพื่อให้ฝันชัดเจน และเป็นจริง...
				
10 ตุลาคม 2548 19:59 น.

ด้วยจงรักเพราะภักดี..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song85.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4.html
(จงรัก..เสียแรงรักใคร่)
................



เด็ดการะเวกวางให้ดอมในอ้อมรัก
พลีดอกภักดิ์มาทักถามถึงความหลัง
ฝากจำปีมาเตือนจิตลืมหรือยัง
ฝากสะพรั่งพุดซ้อนมาอ้อนใจ

ฝากดาวเดือนเกลื่อนฟ้าระย้าระยับ
ว่าเคยนับเคยนึกถึงกันไหม
ว่าเราเคยมีกันและยามหนาวใจ
ว่ามีใครแอบซึ้งซึ้งคิดถึงเธอ

ฝากเพลงเก่าเพลงก่อนเคยอ้อนหา
ฝากลีลาวสันต์พรำพรมแทนคำเพ้อ
ฝากลมหอมแทนอ้อมกอดเคลียเคล้าเธอ
ฝากใจเก้อเผลอหน่อยเดียวคิดถึงนัก

หลับฝันดี
มีใครหนอพะนอในอ้อมกอด
อย่าลืมพลอดลืมพร่ำคำฝากภักดิ์
แลกรสหวานปานน้ำผึ้งนะที่รัก
ให้โลกประจักษ์ก่อนสิ้นชาติสวาทวาย...!!!!!
...............





แม่ดวงดอกพุดไพรฟังเพลง
*จงรัก..*ค่ะ
เลยรจนาแบบภาษารักรัก.
ให้ทุกดวงใจ...ได้พบไสวพร่างสว่างเย็น
ด้วยความ
*จงรัก*ภักดี...มิให้ลาลบเลือนลืมค่ะ

ราตรีนี้ ..
เพิ่งเริ่มต้น...สำหรับคนนอนดึกคึกเขียนนะคะ
และ
สำหรับ..
คนชอบแชทให้ไฟรักสปาร์คๆค่ะ(แปลว่าไรไม่รุเหมือนกัน)




ไพล..
หนาวใจนิดหน่อย
เลยถอยจิตไปฟังเพลงไพเราะ
และ...อ่านบทร้อยเรียงในอดีตค่ะ
ที่..
กรีดหยาดเลือดรักรจนา..ไว้มากหลายเลยค่ะ
และ...
พาให้คิดถึงเรื่องราวย้อนรอยถอยวน..ไป..

ในวังวนแห่งเงางาม..
ในท่ามท่วมท้น..
ด้วยพลังเย็นแห่งปิติเกษม
ในเรียวแสงจากเรี่ยวแรงแห่งรัก..จากรวงรังแห่งรัก

ที่ล้วนพลีภักดิ์ให้ทุกน้องพี่..
ในร่มรักเรือนไทยเรือนทองทุกคนดี..
ขอฝากขวัญ..ฝัน
ฝากหวังหวาน หวานหวัง..มานานปี

อย่าง..
ที่ชีวียังมีเพียงความปรารถนาดี
ที่รจนายาวหลาย*ให้*..ด้วยรัก
และ..
จนจักกลายเป็นจางจืดจืดจาง...แล้วค่ะ
ให้ใจ...
ดวงอ้างว้าง
อยากร้างแรมลาร่มรักเข้าทุกทีๆแล้วละค่ะ



และนับ....
ตั้งแต่ไฟยังพร่าง..
ยามเริ่มเข้ามา...แรกรัก 
ได้รู้จักร่มใจเรือนใจแห่งมิ่งมิตรน้องพี่
ที่สถิตงามมานานปีนานเนาพอกัน
ได้ร่วมกันฝากฝันฝากใจ

ที่ได้เกาะเกี่ยวเดินเคียงไหล่
กุมมือกันไปในท่ามสวนขวัญสวรรค์ดวงดอกไม้งาม



ท่ามทุกราตรีทิวาวัน ณ..ที่แห่งนี้
ที่ได้อาศัย...ร่มเงาพักพิงอิงอุ่นจนกรุ่นร้อน 
ให้....
หัวใจดวงหวานสะออน ดวงอรชร
ได้ทำสิ่งที่รักค่ะ....

และ...
ได้พักใจ..อย่างแสนเงียบสงบงาม
ในท่ามโลกภายใน

ที่ใจดวงนี้...
มิเคยปรารถนาความวายวุ่นใด
จึงรักสงบ เพียรยอมสยบนิ่งกับทุกสรรพสิ่งค่ะ...



และ...
กับราตรีนี้...
ที่ฟ้าไร้ดาว..
กับคืนจันทร์เสี้ยวดวงเศร้า
ทอฟ้าให้แสนเหน็บหนาวในดวงใจ
ที่..
ได้อ่านข่าว..ดูข่าว...เกี่ยวกับมหันตภัยโลก
ทุกราวเรื่อง..

ไม่ว่าที่จีน ปากีสถาน อัฟกานิสถาน อินเดีย
ที่ราวกับมาสอนบทเรียนแห่งการสูญเสีย
ให้นึกสะท้อนย้อนรอย..สอนสัจจะใจสัจจะจริง..
ให้กับมากมนุษย์ผู้ประมาท



ที่ยังมัววิ่งวนอยู่ริมฝั่ง..รับวิบากกรรมมากมีมากมาย
ที่ยังคิดทำลายชาติ
ที่..
ยังมิคิดทำดีพลีเพื่อผองชน..
นอกจากกมล..ยังหลงเวียนวน
ยังทำร้ายให้ร้าวรานใจกันและกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด..




ว่า..ทุกสิ่ง..นั้น..
ไม่มีอะไรยึดมั่นถือมั่นได้
จง..
เลิกทำร้ายใคร
มีเพียง..
ให้ได้ใช้ทุกลมหายใจเข้าออกอันแสนดีมากมีค่า

ใช้เวลา..กับครอบครัวและกับทุกผู้เป็นที่รัก
ปานประหนึ่ง..โลกนี้..
กำลังใกล้จะมอดสลายกลายเป็นเถ้าธุลีแล้วค่ะ...



เรา..ควร
เพียงเพียรยื่นน้ำใจไมตรี
มากมีเมตตาอภัยปันแบ่งให้
ด้วย..
ดวงใจไม่แล้งไร้ ดั่งบัวแล้งน้ำ
เพียรฝากน้ำใจใสงาม
และ..
ไม่พิพากษาผู้ใด
ไม่ทำลายโลก..

หัดเพียงมอง..ดูชีวีตัวเอง
หัดเป็นกลาง 
หัดรู้วางว่างให้น้ำใจใสงามกระจ่างแจ่ม

คอยเอื้ออุ่นโอบงามเผื่อแผ่แด่ทุกมิ่งมิตร
อย่างสนิทแท้..
อย่างพื่อนผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย..ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นนะคะ



และ
จงเพียรใช้ดวงจิต
*เนรมิตพลังทิพยเกษม*
ให้ดวงใจเราเองอิ่มเอมปรีดา
และ...
เพียรสร้างสรรโลกหล้าแบบไร้ที่รักมักที่ชัง



จึ่ง..
มาขอพลีและฝากความหวัง
ด้วยดวงใจ...
พร้อม
ฝากกับบทเพลงนี้นะคะ

และ...
กับเรื่องที่แสนดีที่แสนรักที่เคยรจนานานมา
*หากตราบใดสายนทียังรี่ไหลค่ะ

หวังว่า..คงแทน
*จงรัก*ด้วยภักดีแด่ทุกชีวีดั่งพี่และน้องได้บ้างค่ะ
.............



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem62834.html
(หากตราบใดสายนทียังรี่ไหล..)

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4.html
จงรัก ...ศรีไศล สุชาติวุฒิ 


โปรด อย่าถาม ว่าฉันเป็นใคร
เมื่อในอดีตและโปรด อย่าถาม 
ว่าอดีต ฉันเคย รักใคร
รู้ไว้อย่างเดียว เดี๋ยวนี้รักเธอ
และรักตลอดไป รักมากเพียงไหน 
กำหนดวัดได้ เท่าดวงใจฉัน
อย่า เพียรถาม ว่าฉันจะรัก 
เธอนานเท่าใดฉันตอบไม่ได้ 
ว่าฉันจะรัก ชั่วกาล นิรันดร์
เพราะชี วิตฉัน คงไม่ยืนยาว
ไปถึงปานนั้นรู้แต่เพียงฉัน 
หมดสิ้นรักเธอเมื่อ ฉันหมดลม

อย่า เพียรถาม ว่าฉันจะรัก
เธอนานเท่าใดฉันตอบไม่ได้ 
ว่าฉันจะรัก ชั่วกาล นิรันดร์
เพราะชี วิตฉัน คงไม่ยืนยาว
ไปถึงปานนั้นรู้แต่เพียงฉัน 
หมดสิ้นรักเธอเมื่อ ฉันหมดลม.
				
8 ตุลาคม 2548 15:58 น.

เมื่อเธอทำให้ฉันอยากเป็น..แม่ชี..ชั่วชีวิต..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4603.html
(หัวใจถวายวัด)
............


เปรียบชีวีบางทีคล้ายอากาศ
อย่าหวังวาดขอสิ่งใดดั่งใจหวัง
มีหน้าที่อย่างเดียวคือนิ่งฟัง
อย่าคาดหวังสิ่งใดไม่ต้องร้อง..

อยู่นิ่งนิ่งทิ้งถอดใจเหมือนแม่ชี
อยู่ให้ดีอยู่ให้ได้อย่าหม่นหมอง
แค่กระโถนไว้ระบายตัวสำรอง
ตามครรลองคนเหนือโศกโลกบูชา

ทำชีวีให้ดีสิพิเศษ
รู้ขอบเขตแค่เอ่ยพร่ำคำหวานหู
คอยรับฟังเพียงอย่างเดียวนะโฉมตรู
ให้รู้อยู่รู้ทนบ่นทำไม

แล้ว..ถามจริงใครกันเล่าเฝ้าคาดหวัง
ให้เซซังไร้หวังใดเกินทนไหว
ให้นิ่งไว้ทนไว้เพียงเข้าใจ
ไม่เสียใจไม่ร้องไห้อย่าทายท้า

นี่ละหรือ..คือมิ่งมิตรสนิทฝันคอยปันแบ่ง
หรือแค่แกล้งให้ทนฝ่ายเดียวอย่าเหลียวหา
แม้น้ำใจไยดีเคยมีมา
ให้เวลาเหลือน้อยบัวคอยน้ำ

ลากันทีไม่มีแล้วซึ่งความหวัง
พิพากษาสั่งให้กลายชีหนีชีช้ำ
ลาวันนี้ลาดีกว่าหนีระกำ
เมื่อเธอทำให้ฉันอยากเป็น..เช่นแม่ชี..ชั่วชีวิต...!




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4603.html

หัวใจถวายวัด ...พุ่มพวง ดวงจันทร์ 

หลวงพ่อ เจ้าขา
ช่วยแผ่เมตตาลูกหน่อยได้ไหม
ลูกนี้อาภัพอับโชคหรือไร
มีรักครั้งใด หัวใจเหมือนไฟร้อนรน
หลายคน ที่พบ
พอเขาได้ซบต้องหนีหลบล่องหน
ขว้างทิ้งดังเศษดินข้างถนน
น้ำตาร่วงหล่น หาคนรักแท้ไม่มี
เข้าวัด ทุกวัน
ใส่บาตรทำทานบนบานขอให้โชค ดี
แต่ผียังตามหลอนหลอกย่ำยี
วันหยุดพักไม่มี บวชชีดีไหม
หลวงพ่อ เจ้าขา
ลูกหมดปัญญาเหนื่อยจังหัวใจ
สิ้นหวังรักทุกข์ครั้งสุดวุ่นวาย
จึงพร้อมมอบกาย หัวใจถวาย วัดเลย

หลวงพ่อ เจ้าขา
ลูกหมดปัญญาเหนื่อยจังหัวใจ
สิ้นหวังรักทุกข์ครั้งสุดวุ่นวาย
จึงพร้อมมอบกาย หัวใจถวาย วัดเลย...
				
8 ตุลาคม 2548 11:37 น.

น้ำกรดแช่เย็น..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4718.html
(น้ำกรดแช่เย็น)

.............

ผม...นั่งนิ่งนิ่งทิ้งตาโศกโศก
นั่งดูโลกชายทุ่ง..ริมปลายนากับฟ้ายามโพล้เพล้
ดูปลาตะเพียนฮุบเหยื่อกระโดดโผงผึง
จนเห็นเกล็ดจับแดดสีทองวะแวววับ


เคียงกัน
บัวดอกตึงตูมตั้งกำลังชูช่อในบึงกว้าง
ทั้งดอกสล้างดอกเริ่มผลิ
ดอกที่ตระการอวดงามเต็มที่กำลังรอราโรย
ให้โหยอ่อนคาบึง ...


ผม..มานั่งทอดตาซึ้งซึ้ง
เพียรภาวนาดึงจิตจับกับลมหายใจในขณะปัจจุบัน
และให้ธรรมชาติรายรอบอันแสนอ่อนโยนอ่อนหวาน
ได้ผสานไปกับความเป็นธรรมดาชีวาชีวิตผม


ทุกวัน...
ที่ผมจะพาตัวเอง
มานั่งใต้ต้นหว้าสูงใหญ่ใบดกหนา

ที่ดูไม่เปลี่ยวร้าง...เนื่องจาก มีดงตาลเคียงขนาน
มีดงดอกโสนสะพรั่งพราว เหลืองพราย
ขับให้เขียวข้าวเริ่มตั้งท้องละออละอองกระจ่างแจ่มราวแซมด้วยสีทองสุก


ผม...ชอบบุก*เส้นทางสายข้าว
*ที่มีโค้งใบครอบโอบกอดศรีษะผมไว้
ราวได้เล่นซุกซนซ่อนหาจากเพื่อนมากหน้าในวัยเยาว์ด้วยกัน
หนีจากโลกอันแสนสับสนอลวนวุ่นวายภายนอก

ที่หัวใจดวงใสภายในคอยย้ำบอกว่า
*มิพึงปรารถนา*มาได้แม้นเพียงสักชั่วครู่ชั่วคราว

เสียงนกกากำลังพิรี้พิไรกัดกินลูกหว้าสีดำ
กันอย่างเอมอิ่มปรีย์เปรมปากและขยอกเมล็ดไว้กราดเกลื่อน


ผม...ค่อยๆเอนตัวนอนลงพิงต้นหว้า
หลับตานิ่งๆ..
แล้วทิ้งใจให้ดำดื่มไปกับสรรพสิ่งรายรอบ
ความเป็นปุถุชนคนหนุ่มธรรมดาๆ
กำลังพาอารมณ์อาวรณ์ถวิลมากรายกล้ำล่วงล้ำแทรกซึม
ณ..กลางจิตว่างผม ณ..กลางใจดวงนวลของผม
ผู้ชายที่ยังมีเลือดเนื้อและลมหายใจของคนหนุ่มไฟแรง


แม้นผมจะกำลังเพียรพาจิต
ให้รู้หยุดคิดรู้เพียรภาวนา
รู้หาทางออกให้พบปัญญา
พาพ้นทุกข์ จากรัก 

ที่มนุษย์น้อยคนนักจักหลุดพ้นได้จริงจนแจ่มกระจ่าง
จนละวางได้หมด จนเลิกวกวนในโลกมายา 
ได้หันหน้าเข้าสู่แดนแห่งร่มกาสวพัตร์
อันคือรักนิรันดร์ 


อันคือเส้นทางสว่างสงบ 
พบโลกเย็น ดั่งธารธาราธรรม
ได้พายพาเรือชีวีอันแสนสั้นลอยลำข้ามหานทีสีทันดร 
เข้าเขตแดนวิมุตติ พบโลกุตระธรรม..
อันแสนใสฉ่ำเย็นเป็นเวิ้งว่างอนันตกาล


ผม..วาง..ว่าง ได้เป็นระยะ
และ
นั่น..ผมก็ถือว่าคือชัยชนะเบื้องต้น
จากเราพบผจญกับเกิเลสมาร
ทุกผลาญผัสสะทั้งรูป รสกลิ่นเสียง ที่ยากเลี่ยงได้
หากเพียงใช้ขันติธรรม คอยน้อมนำใจให้มีอุเบกขา


กลับมา..
เวลานี้ นาทีนี้
ที่หัวใจดวงดื้อ กำลังต้าน
กำลังเลือกเสพพิษหวานหากฝากรสขมไว้ณ..กลางใจ
แบบเศร้าลึก..ที่ยากใครจะหยั่งถึง
ในมโนนึก
ผมรำลึกนึกถึงบทเพลงนี้


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4718.html
หัวอกระทม ซานซมมาถึงที่นี่
ได้ฟังวจี แจ่มใสไพเราะชวนฟัง
ฝ่าแดดร้อน มาพบร่มไม้ใบบัง
เริ่มมีความหวังเริ่มมีชีวิต ชีวา
หวานชื่นน้ำคำ ยังจำประทับดวงจิต
เรื่องเบื่อชีวิต เลิกคิดมาหลายเวลา
ปล่อยเรื่องช้ำ ปล่อยทิ้งแม่น้ำคงคา
สองเราสัญญา ร่วมชีวาก่อร่างสร้างตัว
ที่แท้ ไม่มีแค่เพียงเราสอง
ยังมีหุ้นใหญ่หุ้นรอง
หลายสาขาเสียจนน่ากลัว
รักแสนรัก สุดหักใจจะถอนตัว
ใจร้าวระรัว สุดรักสุดหักให้หาย
น้องยื่นน้ำเย็น พี่เห็นก็คว้ามาดื่ม
ด้วยจิตใจปลื้ม ว่าร้อนคงถอนคงคา
กว่าจะรู้ ว่าน้องให้ของกินตาย
ทุรนทุราย ด้วยพิษร้าย "น้ำกรดแช่เย็น"

ที่แท้ ไม่มีแค่เพียงเราสอง
ยังมีหุ้นใหญ่หุ้นรอง
หลายสาขาเสียจนน่ากลัว
รักแสนรัก สุดหักใจจะถอนตัว
ใจร้าวระรัว สุดรักสุดหักให้หาย
น้องยื่นน้ำเย็น พี่เห็นก็คว้ามาดื่ม
ด้วยจิตใจปลื้ม ว่าร้อนคงถอนคงคา
กว่าจะรู้ ว่าน้องให้ของกินตาย
ทุรนทุราย ด้วยพิษร้าย "น้ำกรดแช่เย็น"...
....................


บทเพลงที่ผมแสนซึ้งตรึงตรมระทมระบมใจแต่เพียงผู้เดียว
ในทุกยามที่เหลี่ยวไปไม่พบร่างเธอ

คนที่ผมเผลอหลงในมนต์มายาพิสวาท
ที่ถูกหนามเสน่หา
ราวน้ำผึ้งพิษในดอกกุหลาบได้บาดเชือดดวงใจ
จนวิ่นไหวไม่มีชิ้นดี


หัวใจดวงไม่รักดีกำลังดื้อ
กำลังนอนสลึมสะลือ
คิดย้อนรอยถอยหลังไปถึงวันแรกเจอ *เธอ*
ผู้หญิงงามพราวราวดอกไม้ไทยกลีบบาง
เธอสวยพร่างราวดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมจรุงอย่างมิได้ปรุงแต่ง
ปากคอคิ้วคางแก้มใสที่บริสุทธิ์ใสราวดวงดอกไม้ป่า..


และ
ที่ผมรักเธอเสียเป็นนักเป็นหนา
คือเพราะเธอมีหัวใจดวงดี
ดวงที่ใสว่างกระจ่างงาม
มาตร แม้นภายหลัง
หัวใจดวงนั้นของเธอจะถูกฝานปันออกหลายเสี้ยว
ไว้จ่ายแจก ไปตามชายที่มาหมายปองเธอมากหน้า
อย่างยุติธรรม อย่างไม่เลือกที่รัก จักจนกว่าจะถึงเวลาตัดสินใจ
*ราวมาลัยเสี่ยงรักจากนางรจนา*ก็มิปาน

และ..
นี่คือที่มาแห่งความช้ำชอก
ที่ผมต้องบอบช้ำด้วยแรงกรรมเหวี่ยงวิบาก
ให้มาพบเธอเพื่อพรากลา
ให้ผมต้องมานอนเหว่ว้าใต้ต้นหว้า
ต้นไม้แห่งความฝันวันวัยเยาว์
ที่ยามผมเหงาใจทีไร
จักหอบหิ้วดวงใจมาร่ำไห้แม่หว้าฟังอย่างเซซังซมซาน
อย่างรานร้าวอย่างเศร้าสร้อยสุดถวิลเทวษ...เกินใครจะล่วงรู้ได้


มีเพียงฟ้าดิน..
ที่บางคราจะหยาดพลีสาย
คล้ายร่วมร้องไห้หลั่งน้ำตาแด่ผม..*ผู้ชายหัวใจขม*

หากผมก็พอใจ ..
และ..
ขอขอบใจทุกบทเรียนที่เวียนรักวนมาสอนสัจจะ
เพราะมิฉะนั้น ป่านฉะนี้ผมคนนี้คงยังไม่พบคำว่าร่มพระรัตนตรัย
อันคือที่พึ่งทางใจทางจิตวิญญาณ
*อันคือพลังปิติเกษมสูงสุด*..ของพุทธศาสนิกชนแล้ว


ฟ้าหลัว...ทุกที
ม่านราตรีกำลังคลี่คลุม
เสียงจิ้งหรีดเรไรกำลังประสานเสียงก้องร้องกังวานหวานแว่ว
ไปทั้งราวป่า กบเขียดในนาต่างพากันปรีดาร่ายรำยามตะวันรอน
ที่น้ำในหนองเริ่มอ่อนอุ่น คืนละมุนเย็น


ในเหงางามเงียบยามใกล้ค่ำย่ำสนธยา
ลมข้าวเบาค่อยๆพัดลอยล่อง
มากับฟ้ากว้าง..ที่เริ่มฉ่ำชื่นด้วยเมฆหมอก
แล้วไล่ระลอกสาดสายพรายพลิ้วพัดโบกโยกไหวให้ข้าวในนาไหวระบัด
ดั่งลอนคลื่นแพรไหม เขียวไพลขจีระรี่ระริก พลิกพลิ้วไปตามแรงลม


ผม..ลุกขึ้นอย่างช้าช้า
แหงนเงยใบหน้ารอรับหยาดฝนที่กำลังเริ่มพร่างสายระรินระริน
ในความสูญสิ้น
ในความอ้างว้างว่างใจ
ผมกำลังพบกับสัจจะใจจากธรรมชาติ
ธรรมะ ธรรมดาๆ
ฤดูกาลกับฤดีระกำ กับวิบากกรรมช้ำรัก
แท้ถ้วนแล้วไซร้ ก็แค่ผ่านมาผ่านไป


ในคลองจิตอันซึ้งเศร้า
ที่ผมหนาวแสนหนาวและแสนเจ็บปวดใจ
เมื่อ กระพริบตาผ่านไปเพียงไม่นาน
แค่กาลผ่านเลย
ก็คือไร้ ผมคนเคยมายืนนิ่งตรมระทมทอดอยู่ ณ..ที่นี่
และ..
บางที..
ทุกสรรพสิ่ง ที่มิเคยหยุดนิ่งเคลื่อนไหว
ก็จักอันตรธาณหายไปในบัดเดี๋ยวหนึ่งแห่งกาลเวลา...


ผม..แย้มยิ้มด้วยหยาดน้ำตากับสายฝนกับต้นหว้าแห่งรัก
กับโลกดินน้ำลมไฟ
กับทุกสิ่งรายรอบที่กำลังพร่างผสานไสว
ไปกับลมหายใจแห่งชีวิตนี้ที่แสนสั้นเป็นยิ่งนัก...


และ
กับรักนี้...ที่คือทุกข์พันธนา
ที่ผมเพิ่งเชื่อในคำสอนพระบรมศาสดาอย่างเข้าถึงแก่นธรรม
อันงามล้ำด้วยบทเรียนจากตัวผมเอง...ใช่ใคร...!
..........................
				
4 ตุลาคม 2548 23:44 น.

ฝากฟ้าลาดิน..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1931.html
(อายฟ้าดิน)



ผม..กำลังยืนตัวสั่นเทาริมชายคาตึก
หลบสายฝน....
ที่กำลังซัดสาดพรมพร่างพรูกรูกราวมากับสายลมแรง
อย่างหนักหน่วง..
 จนก่อเกิดม่านหมอกหม่นมัวเทาทึมไปทั่วทิศทาง
 


ร่างผม..เริ่มหนาวสั่น ขึ้นทีละนิดๆ 
เสื้อยืดสีขาวเริ่มเปียกชื้น
ด้วยละอองฝนที่ถูกแรงลมพัดหอบมามิพ้น

ผมเพิ่ง..ฟื้นไข้..
และเพียรไปออกกำลังกาย
เผื่อได้เหงื่อแล้วอาการจะดีขึ้น




แปลกดีจัง..
ในพลังฝนภวังค์ฝันอันเศร้าล้ำ..
ทุกยามฝนพรำ..

ผมจะรำลึกนึกถึงใครบางคน
*ผู้หญิง...*
ที่สอนกมลภายในให้ผม
ได้เรียนรู้ความอ่อนหวานอ่อนโยนในหัวใจ

ได้มากกว่า วันเก่ากาลก่อน
ก่อนที่...โลกยอกย้อน.
จะหมุนมาให้เราได้พบกัน..ได้รู้จักรู้ใจกัน..



กี่ปีแล้วนะ...ระหว่างเรา
ที่เธอ ซุกซ่อนอยู่ในความเหงางามเงียบ
ความละเมียดละมุนให้ไออุ่นอวลเอื้อ
เบียดแทรกราวเรามีเลือดเนื้อและใจดวงเดียวกัน 
ราวเงาขวัญเงาใจ กันและกัน



ผ่านคืนฝันวันหวาน 
ผ่านสัจจะสอนบทเรียน
ให้...รู้ค่าคำ..รักเมตตาอภัย

รู้ทำใจรู้หน้าที่
รู้ความดีรู้การพลีเสียสละ
รู้การให้ รู้ได้รับ 

 รู้จักเจ็บปวดยามพรากลา
รู้ค่าความเหว่ว้าดายเดียว
ยามเหลียวไปไม่มีกันและกัน..



ผ่านคืนฝันวันมายา
ที่รอท่า
ให้ทั้งสองดวงใจได้หลอมละลายฝ่าฟัน

ได้รู้ปันพลีที่จักเคียงประคอง
สร้างทางทองทางธรรม ดั่งพลังจิต
นิรมิต..
สะพานข้ามปราการมหานทีสีทันดร
ข้ามสิงขรพ้นพันธนา..



สร้างปิติเอมอิ่มภาคภูมิ..คืนโลกหล้า
ฝากผืนฟ้าพสุธาทองพสุธาไทย
ก่อนตะวันในดวงใจจะมอดดับ

ก่อนจะกระชับเกาะกุมมือพากันลอยล่อง
ท่องไปสู่แดนดิน
*แห่งความกระจ่างสว่างสงบไปตราบชั่วนิจนิรันดร์....*



ผม...คิดถึงเธอ..
และ...
ในความพลั้งเผลอมากมาย
ที่ฝากรอยรานร้าว
 
ให้ใจดวงงามเศร้าของเธอ
พบ...เพียงความระทม

อย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์



ผม..เคยตะโกนใส่หูเธอ..
ผมเคยเผลอ..
ตอกย้ำรอยแผลเป็น...ที่เธอซ่อนไว้ลึกเร้น
ให้ตายแตกดับแหลกยับไปกับตัว

หากผม..ก็เพียรที่จะสะกิด
สาดน้ำกรด..รดรินราด...ลงบนบาดแผล
ให้ใจดวงสลัวยิ่งหมองหม่นทุกข์ทนทบเท่าทวี



เธอ..คนดี
ที่..
ยินดีเมตตาอภัยให้ผมเสมอมา
 แม้นเธอ..
จะหลั่งน้ำตาเสียยิ่งกว่า*ฟ้าร้องไห้*อย่างดายเดียวลำพัง
มานับครั้งไม่ถ้วน...
กับ..
โศกสะเทือนใจ..
ที่ผมหยิบยื่นราวเพชฌฆาตใจ
คอยประหัตประหาร..



เธอ..
ที่รักผมอย่างหมดหวังใด
 ไม่..แม้อยากจะสนิทชิดใกล้
ไม่แม้นจะกรายกล้ำ..ให้ผมลำบากใจ



ผม...เสียใจ..เสียใจ..และแสนเสียใจ
ใน..
ทุกยาม ยิ่งได้ยินเสียงฝนครางฟ้าครวญ

และ...
กับหวนไห้โหยหา..ในยามนี้ ที่...สิ้นไร้ร่างเธอ..

ผู้หญิงที่เพ้อพร่ำคอยรำพันรำพึง
ฝากซึ้งคำหากแสนเจ็บ 
บอกผมเสมอมา..
*แม้นตราบวันตายอย่าได้มาชิดใกล้เธอ..*



ผู้หญิง..ที่ผมเผลอตะโกนก้อง 
*คุณไม่ใช่คนพิเศษ พิสุทธิ์*
*คุณก็มนุษย์ผู้หญิงธรรมดาๆ*

ที่จนณ..บัดนี้ 
จักกี่ปีที่ผ่านมา..
ผมก็ยังมิเคยพานพบ...ผู้หญิงที่เธอทายท้า
ให้ผมค้นหา ..
และ
มากล้นค่าน้ำใจ..สวยใสแสนงามเสียยิ่งกว่าเธอ

คนที่ละเมอพึมพำ...
อย่างรวดร้าวใจว่า*ฉันจะพร้อมพลีอวยพรให้*

และ...
กับ...วันฝนพรำย้ำรอยใจ
ที่ไม่มีเธอ อีกต่อไป...



ผมได้เพียง...
 ปล่อยให้หยาดน้ำตาลูกผู้ชายรินไหลอย่างมิสิ้นสาย

อย่างมิอายฟ้าดิน.
อย่างสิ้นแล้วทุกสิ่ง...ทุกอย่าง

อย่าง...คนหลงทางเหว่ว้า
อย่าง..คนที่..หาฝั่งฝันฝั่งใจ
มิมีวันได้พบเจอ...ตราบจนชั่ววันตาย...!!!!

...........................



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1931.html
อายฟ้าดิน พาวเวอร์แบนด์


จะบอกรักใครก็อายฟ้าดิน
ความหวังพังสิ้น ทางรัก มืดมน
เกิด มา ร่างกายเท่านั้นเป็นคน
แต่หัวใจปี้ป่น โดนรักขยี้แหลกราญ
จะเอ่ยรักใครให้เอือมระอา
เมื่อไร้คุณค่า จนมิ ต้องการ
ตราบ จน สิ้นคนมั่นรักยืนนาน
ต้องทุกข์ทรมาน ร้าวราน ฤดี
ชีวิตต้องสิ้น ความหมาย วิง วอน ไหว้
ฟ้าดินก็ไม่ปราณี เจ็บ ปวด รวดร้าว ชีวี
ดวงฤดี มีแต่ ซอกช้ำเรื่อยมา
ไม่อยากรักใครให้อายฟ้าดิน
กลัวเขาจะสิ้น ความรัก เมตตา
สู้ กลืน เก็บความซอกช้ำอุรา
ไม่รักใครดีกว่า เดี๋ยวเขาจะอาย ฟ้าดิน

ชีวิตต้องสิ้น ความหมาย วิง วอน ไหว้
ฟ้าดินก็ไม่ปราณี เจ็บ ปวด รวดร้าว ชีวี
ดวงฤดี มีแต่ ซอกช้ำเรื่อยมา
ไม่อยากรักใครให้อายฟ้าดิน
กลัวเขาจะสิ้น ความรัก เมตตา
สู้ กลืน เก็บความซอกช้ำอุรา
ไม่รักใครดีกว่า เดี๋ยวเขาจะอาย ฟ้าดิน....
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด