16 มีนาคม 2547 23:55 น.

คืนนั้น..มิใช่คืนนี้!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=197..จูบมัดจำ
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=195
(คืนนั้น..มิใช่คืนนี้
  
 ดวง..ตัดใจ..ตัดต้นไม้
ที่ราวพันธุ์พฤกษ์ไพร 
รายรอบบ้านในวันนี้
ให้..แสงแดดสีน้ำผึ้งจางจาง
ทอแสงหว่านสวย
ลอดผ่าน..รำไรรำไร..ทุกราวกิ่ง...


คนสวน.สอยมะม่วง 
ที่ไม่มีมดแดงแฝงพวง ลงมาอย่างง่ายดาย
ให้เจ้าของเอมอิ่มอมยิ้มแก้มตุ่ย
กับผลพวงอ้วนกลมป่องงอนเช้งสุกฉ่ำ
ได้ตั้งตะกร้ายักษ์ 


ที่ดวงล้างและพักไว้ในตะกร้าหวานสานสวยพอกัน
ให้ใจหอมกรุ่นกลิ่น และชื่นฉ่ำใจ
ในสีสันเหลือบแดงส้มอมไพล
อันงามสะอ้านแบบธรรมชาติ
มิใช่งามแบบมะม่วงตามตลาดวางขายราวพลาสติกปลอม
ที่ย้อมแย้มงามแสดส้มอมฉ่ำแก๊สบ่มรมร่ำจนหอมหาย..

ช่างเป็นความสุขเล็กๆเป็นความสุขน้อยน้อย
ห้อยมากับผล..พวง
ที่ผลิผลิตจากงามใจและจากสองมือ
รินรดน้ำใจรักละหลั่งรินมายาวนาน 
จนได้หวานชื่นฉ่ำชิมรสหวานมันส์วันนี้..ในวันนี้


เสียงกิ่งจำปี แตกเปรี๊ยะๆ ราวดรุณนารีแตกเนื้อสาว..
เสียงคมมีด เฉาะ เฉาะ ฉับๆๆๆ
พาให้หัวใจดวงระยับหวานเต้นระริก 
ราวจะแตกยับกับกิ่งจำปี

ที่ค่อยค่อยโค่นลงอย่างช้าช้า
อย่างอาลัยอาวรณ์


จำปีที่ให้ดอกดีดอกดก 
ร่วงกราวพราวเกลื่อนพื้นพร่างอย่างน้อยใจเจ้าของ
ผู้กำลังน้ำตารินร่วง
หวงเก็บกอบกำดวงดอกพราวอย่างทะนุถนอม
ค่อยค่อยวางไว้ในใบตองอ่อนเขียวไพลละออละอองอ่อน
ด้วยใจดวงอ่อนๆรอนรอนรานรานพอกัน


ห้อมฝันห่องามจากจำปีหักสะบั้น 
ที่เพิ่งแย้มหวานให้ดอกตูมตั้ง
ยังมิทันคลี่แย้มทันแซมผมแซมใจ 
ก็มาร่วงพร่างพรายกระจายกลีบ
รายโรยมิทันรื่นรมย์

ดวง..หวังเพียงขอดอมดมพรมจูบ
วางคู่เตียงเคียงหัวนอนในค่ำคืนนี้


และนั่นยังไม่พอพ้อพิไรร่ำตาม
ยังมีการะเวกงามที่เกาะเกี่ยวก้านกอ
ช่อไหวฉ่ำสดดวงดอกแตกแฉกเขียวใส
กลายเหลืองนวลสะพรั่ง
เหมือนสาววัยฝันสู่วัยอิ่มงามรอร่วงโรย


ดวงเห็นพวงผลการะเวก
ราวองุ่นเขียวห้อยกระจุกจ้อยห้อยซ่อนซุก
หลังเรียวใบงามแผกแปลกดี
ที่วันนี้ต้องใช้กรรไกร ตัด ตัด ตัด ฉับๆๆ
ราวยอมตัดสายใยรัก สายสวาทขาดชั่วครู่ชั่วคราว


จนกว่าสาวยวสันต์วันหวัง
จะคืนหลังมาหว่านโปรยสายสวยพร่างพรม
ห่มไพรอีกครา
ให้แตกช่อกอกิ่งกระจายพรายพราวสดฉ่ำ
ในอักไม่กี่วันกี่เดือนข้างหน้า
ที่ดวงพยายามปลอบใจดวงเหว่ว้าให้รู้รักรู้รอ


ช่างเถอะนะหัวใจ
แม้นหอมใจหอมไพรจะพรากบ้าง 
แต่ฟ้าก็ยังคงมีนวลจันทร์กระจ่าง 
มิร้างราให้ชีวีเริ่มต้นใหม่

มีตะวันอ่อนใสยามอรุณหมุนมาสอนว่า
กาลเวลาย่อมมีมืดแล้วสว่าง
หว่านหวังเศร้าเคล้าคลุก
ในทุกนาทีแปรไป ใจย่อมแปรผัน..แปรฝัน
และ..

นั่นไงลั่นทมขาว..พราวกิ่งกำลังผลิดอกร้าว
คลี่เศร้าระทมให้ดวงเด็ดมาเสียบแซมผม
เพิ่มตรมตรอมในดวงใจรัก..

กุหลาบก็ยังบานสะพรั่งพรึบ 
ที่ใครใครบอกว่าทำไมมือดวงปลูกอะไรก็
ให้ผลและดอกใหญ่ราวจานเชิง


และยังมีมวลดอกไม้มากมาย
ที่ยังผลัดเปลี่ยนเวียนกราย
มาบานล้อทอแดดไสว
ให้ใจกระจ่างงาม อิ่มงาม
ในทุกโมงยามอุษาสางอุษาโสก


บางราตรี..
ดวง..จะนอนนิ่งเอนอิงพิงเก้าอี้สีเหลืองมะนาวสด
ใต้ร่มเงาโมกสูงใหญ่ขาวนวลดอกพราย...หอมพราว
รับหยาดละอองน้ำค้างพร่างเย็น

ดูดาวระดะดวงเต็มอ้อมฟ้า
ยามที่ใจดวงปรารถนางามเงียบ


กล้วยไม้งามชูช่อล้อสายลมอ่อนๆในยามดึก
ดูงามขลัง คลาสสิค
ยามต้องแสงเทียนวูบไหว 
เหมือนผู้หญิงงามสง่า 
มีมาดมนตราน่าสิเหน่หาน่าใหลหลง


ทำไมนะ..ชีวิตดวงถึงสุขล้ำนัก 
ยามได้เอนกายพักใต้ร่มไม้ชายคารัก
ท่ามกลางระงมจั๊กจั่นกรีดร้อง
ท่ามกลางแสงดาวแห่งฝันมหัศจรรย์แห่งใจ
เดือนไสว..ดวงงาม..นะลานฝัน 
ยามนวลจันทร์ทอแสงหวาน
กับลานหินงาม..อุ่นเท้า..


กับแสงเทียนหวามไหว
กระทบไวน์แดง สะท้อนแสงราวทับทิมแดงปลั่ง
ราวมณีจันทราจับนัยน์ตางามเศร้า 
ซึ้งหวานปานหยาดเพชรรวง..

ดวงเฝ้ากระซิบกับตัวเอง 
กอดตัวเองไว้แนบแน่น แน่นแน่น
มิหวังรออ้อมแขนรักอ้อมแขนใคร


และนี่แหละคือโลกและใจ
คือบทเพลงแห่งชีวิต
ที่พระเจ้าลิขิตให้ยอมรับความจริง
มีทุกสิ่งคละเคล้าเศร้าสุขสดชื่น
ระทมตรมตรอมและพลันหอมหวาน


ตราบใดที่เนื้อใจยังไม่ด้านชา
ยังคงมีใจดวงเหว่ว้าดวงงามดวงดีดวงเดิมดวงดายเดียว


ก็คงมิมอดฝัน ขวัญ ให้มีพลังมิรู้จบรู้สิ้น
ยังคงถวิลหาสร้อยโซ่รักอักษราทอทอด.ถอดใจถักทอเรียงร้อย
เป็นสายสร้อยร้อยใจสายสวาท..
หวัง.ฝากฝันฝากใจใครสักคนเพียงสักใจไป.ตราบชั่วนิจนิรันดร 
 
************



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=195
 คืนนั้น   ทูล ทองใจ : : Key Ab  

หนาว เย็นน้ำค้างกลางดึก 
อก ใจ ระทึก
ดุเหว่าแว่วเตือน เมื่อใกล้จะสาง 
คืนนั้นเราสองคน เคียง ข้าง
ชิดเชยจูบนวลปราง
กอดนวลนางชิดเคียง กัน
คืน ทั้งคืนหวานรื่น ชื่นฉ่ำ 
พร่ำพรอด น้ำคำ
ร่วมทางสุขล้ำในแดน สวรรค์ 
ยามเมฆลอยคล้อยบัง แสงจันทร์ 
น้องออดอ้อนคืนนั้น ไม่ลืมจันทร์ ไปจนตาย
เดือน ลับ ลง ขอบ ฟ้า 
เป็นเหมือน สัญญา 
ว่าใกล้รุ่งรางแสนเสียดาย
ใจหายดุเหว่าแว่วร้อง
จำพราก จากน้อง จำจาก  
ฝากรอยจำจารึก ทรวงใน
คิด ถึงคืนนั้นยังฝังจิต คร่ำครวญ หวนคิด
กลิ่นเนื้อแนบชิดยังเตือนติดใจ 
คืนทั้งคืนหวานชื่นจำได้ 
เสียงดุเหว่าทีไร ยิ่งพาใจ รัญจวน... 

				
13 มีนาคม 2547 17:07 น.

แสนสุขเสมอใจ..ในวิมานไพลวิมานดิน

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=65
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2607

*********
ลมสงบ..ฟ้าชิงพลบหม่นเศร้า..
ไพลทิ้งตัวนอนดายเดียว
บนเตียงโบราณ
ม่านลูกไม้สีขาวพรายพลิ้ว 
ราวฉากในหนังทวิภพ

มองเห็นมะม่วงปลายงอนช้อย
ห้อยย้อยเริ่มสุกปลั่งงามจับตา
น่ารับประทานเป็นยิ่งนัก
หาก
แต่ไพลกลับมองผ่านเหมือนสำนึกคำ
*อดเปรี้ยวไว้กินหวาน*
หรืออดหวานให้กระรอกกินแทน ก็คงใช่

ฟ้าโพล้เพล้..ตะวันเหว่ว้า ว้าเหว่พอกัน
ไพล..ชอบนอนนิ่งนิ่งทิ้งใจฝันฝันฝัน...
ไปกับพลังงามเงียบของสรรพสิ่ง
นอนหลับตานิ่ง..
ฟังเสียงจั๊กจั่นเรไรร้องระงมในฤดูนี้
ที่ฝนลา  ฟ้าสะเทือนโศก
และโลกในใจไพลก็เป็นสีไพลตามไปกับฟ้า..ไร้ฝน..


เสียงอะไรน่ะ..ดังกร๊อดๆๆตลอดเวลา
อ๋อมาจากกระรอกน้อยหางห้อยพวงพู่นั่นเอง
ที่คู่มะม่วงป่ายปีน..ให้ไพลแย้มยิ้มตาม
ยามสายัณห์ตะวันรอนรอน

ให้หัวใจดวงสะออนอ่อนหวานของไพล..
ไหวรักไปตามกิ่งกอละออดอกดวงจำปีพราวต้น
ที่กรายกลีบกล่น ร่วงหล่นเกลื่อนพื้นพราว
ให้กวาดเช้าเย็น

จำปีราวสอนใจให้จำจด
ว่า..
ปีและเดือนไซร้ก็แค่ค่าคำจำนวนนับ
ที่มิอาจจะหมุนวน กลับใจกลับจาก
หากใครจะพรากลาล่วง ลาลับ มิหวนกลับคืนมา
และเวลาก็แค่ลม..ลมพรมใจจำเจ็บ
หากจะเก็บไว้จำ..ในสิ่งระกำระทมทุกข์ถมทับใจ
ไว้ใต้หล้าโลก มิให้จบโศกสิ้นเศร้า..
หนาวเหน็บราวถูกทับไว้ใต้หล้า


ให้ใจดวงล้าล้า...บอบบางดวงหวานหวาน
พอกันกับกลีบดอกไม้..ราวใกล้สลัดกลีบร่วงราโรย..
ในค่ำนี้..กับมวลมาลีหอมอวลหอมเศร้ารายรอบบ้าน

ที่พากันบานสะพรั่งพรึบให้หอม
แล้วพลันก็รอร่วงโรยลา...
ให้มวลผกาดอกใหม่ใหม่สวยใส
คลี่กลีบแย้มหวาน บานแต้มโลกสวยสด
ให้งามงด แตกกิ่งใจ แตกช่อกอฝัน  
ปันช่อรักไสวประดับหล้าแทน


ใจ..ดวงรอนรอนอ่อนอ่อนแสงงาม
ราวแสงตะวันลา
ใกล้พรากฟ้าสู่ท้องนที
ที่เฝ้ารอรับมานานเนานิรันดร์
จากวัยฝันวันเยาว์ถึงวันนี้ยามนี้
ที่ยังคงเฝ้ารอนางนวลนางใจนางในฝัน
ให้ไหวครวญคืนหลัง
ทิ้งร่างใจฝังฝากชลชั่วกัปป์กัลป์นิรันดร....


ไพล..หลับตาฝันฝันฝัน..
ถอดใจพาร่างปลิดปลิวไปนั่งนิ่งงัน
ริมทะเลอันงามแจ่มกระจ่าง
กับพร่างงามของแสงสวยสีทองสาดส่องผืนน้ำยามตะวันลา
เอนร่างลงนิทรา
เหนือหาดทรายขาวยาวเหยียด
ละเอียดละมุนละไม
กว้างไกลสุดตา
กับ..
แสงตะวันใกล้ค่ำเหว่ว้านัยน์เรียวตา
กับ
ฟ้ารำไรๆร่ำลาอาวรณ์ออดอ้อนอาลัยผืนฟ้า
รอท่าอรุณรุ่งอีกครา

แสงตะวันลางามจนเย้ยหล้า ให้ไพล
โหยหามายาวนานทั้งหวานระทมคลุกเคล้าใจ
กลายเป็น..เนียนเนื้อใจดวงนี้ที่ดายเดียว..ลำพัง


ชีวิตราวเหมือนฝัน
ในวันเยาว์ไร้ร้างห่างไกลแสงสี
ห่าง ชีวีวกวนของคนเมือง..ลวง.

ได้แต่นอนนับพวงดาวพราวอ้อมฟ้า
นอนดูเดือนเหว่ว้าร้างแรมไร้
คล้ายอาศัยปลายโลกร้าง..กลางเกาะมหัศจรรย์
ที่พระเจ้านั้นเมตตา..ขวัญ..
สรรส่งสวรรค์ให้เป็นผืนดินเกิด.


ไพล..ชอบปลีกใจปลีกกาย
ราวไร้ตัวตนไร้ร่องรอยมาตั้งแต่เด็ก
ทุกผิดหวังเสียใจ 
ทุกฤทัยแปลกแยก

ไพลมีผืนหิน..เนินผา 
มีป่าดงดิบในเทือกเขา
มีลำเนาไพร
ที่แน่นด้วยดอกดวงปวงบุปผชาติดาษดา
มีไม้ป่าเป็นร่มใจ 

มีนกไพรมวลภมรบินว่อนร่อนร้องรับเหงางามเงียบ
เป็นเพื่อนไพรเพื่อนใจและ
มีดวงใจใสเย็นเยียบ
ราวหยาดละออละอองของน้ำค้างยามดึก
พรมพฤกษ์พร่างใจรับห่มงามหอมใจหอมไพรพิสุทธิ์..
ไร้หนามใจ หนามคน วนแวะมาข้องเกี่ยว
ไหวเกี่ยวให้เปลี่ยวเจ็บ..จำ..


โลกนี้..ช่างน่าขำ..น่าจำ..จด
ให้บทเรียน..
เหมือนบทเพลง
บางสิ่งอยากลืมกลับจำ อยากจำกลับลืม..*


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2607

อยากลืมกลับจำ   เรนโบว์ คลอรัส : : Key G  

บางสิ่ง ที่อยากจำ
เรากลับ ลืม
บางสิ่ง ที่อยากลืม เรากลับ จำ
คน เรานี้ คิด ให้ดี ก็น่า ขำ
อยากจำ กลับลืม อยากลืม กลับจำ
อดีต ที่ ผ่านไป ไม่ กลับมา
ไม่ กลับ มา
ช่างเจ็บ ปวด อุรา เรา กลับจำ
คน เรานี้ คิด ให้ดี ก็น่า ขำ
อยากจำ กลับลืม อยากลืม กลับจำ
ถ้าลืม ความ หลัง ได้
ใจ จะเปี่ยม สุข
ไม่มี ความทุกข์ คอยปลุก คอยตำ
คน เรานี้ คิด ให้ดี ก็น่า ขำ
อยากจำ กลับลืม อยากลืม กลับจำ
ยาม อ่าน ท่องหนังสือ เรากลับ ลืม
เรื่องโศก เรื่อง เศร้าซึม
เรา กลับ จำ
คน เรานี้ คิด ให้ดี ก็น่า ขำ
อยากจำ กลับลืม อยากลืม กลับจำ

ถ้าลืม ความ หลัง ได้
ใจ จะเปี่ยม สุข
ไม่มี ความทุกข์ คอยปลุก คอยตำ
คน เรานี้ คิด ให้ดี ก็น่า ขำ
อยากจำ กลับลืม อยากลืม กลับจำ
ยาม อ่าน ท่องหนังสือ เรากลับ ลืม
เรื่องโศก เรื่อง เศร้าซึม
เรา กลับ จำ
คน เรานี้ คิด ให้ดี ก็น่า ขำ
อยากจำ กลับลืม อยากลืม กลับจำ
คน เรานี้ คิด ให้ดี ก็น่า ขำ
อยากจำ กลับลืม อยากลืม กลับจำ...
 
**********..

และ..
จริงแท้แล้วไซร้..
พระเจ้าไยให้มาแล้วเรียกคืน...
ไพล..ช่างไม่เข้าใจเสียจริงๆ..กับทุกสิ่งแสนดี ที่ไพล
มิอาจเรียกร้อง..ได้แต่ปองใจฝัน..ฝัน..อาลัย
ในงามใสงามสวยล้วนในวัยเยาว์พิเศษพิสุทธิใจ..

.
ไพล..
กำลังฝันไกล..ไกล..ย้อนรอยกาล
หวังหวาน..ไร้..ย่ำเหยียบ
จากใจคนใจใครผู้ใจดำ
ผู้หาญกล้าทำตนดั่ง..ผู้บรรลุธรรมะ ธรรมชาติ

แต่จริงแท้มิใช่เลย..
ด้วยมิอาจหวังวาด
หากแล้งไร้น้ำใจ..
สักหยาดหยดรดรินใจ
*ให้*กับคนที่แสนรักใกล้ตัวใกล้ใจที่รักปรารถนาดีห่วงใย


ช่างเถอะนะ 
หัวใจกับใครกับคนลวงที่..
ยังหลงห่วงตัวตนอัตตา..
และกับโลกนี้ 
ที่แสนเหว่ว้ากับทุกนาทีที่มนุษย์มากมี
รู้ให้แค่หอมคำ แค่คำ..แค่จำจำกันมา..
หาใช่จากการกระทำจริงไม่
แค่ใจแสดงไปตามบทลวงโลก..ว่ารู้โศกรู้สึก..

*******.
.

ไพล..รจนาบทนี้นาทีต่อนาทีด้วยใจดวงนี้
ในวันนี้ที่มองเห็นธรรมะจากธรรามชาติ
และถอดใจวาดเวิ้งกลับไปสู่ดายเดียว
ไร้คน ไร้ใคร แลเหลียวเหลียวแล
ให้ใจนิ่งสงบพบเงียบงามลำพัง
ในทุกนิยามฝันวันเยาว์..แสนสุขเสมอ..ใจ..
********


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=65
 
ความรักไม่รู้จบ   จิตราวดี จิตตเกษม : : Key Ab  

ถึงจะอยู่สุดหล้าฟ้าดิน
แม้จะสิ้นสิทธิ์และเสรี
แต่วันนั้น ใจฉันยังคงที่
ความรัก ความภักดี ไม่มีสิ้นสลาย
ถึงโลกแตกแหลกเป็นผงคลี
รักเต็มปรี่ ไม่มีรู้คลาย
ชีพถูกฝัง ความรักยังเวียนว่าย
เคียงคู่เธอมิคลาย
ฝากวิญญาณ ไว้เตือน
ด้วย ความรักไม่รู้จบ
แม้ผืนดินกลบ ยากเพราะความรักเลือน
จะเนิ่นนาน กี่วันกี่ปี กี่เดือน
ดินฟ้าจะคล้อยเคลื่อน ใจมิเลือน รักเธอ
ทุกทุกอย่างบนทางรักจริง
ทุกทุกสิ่งบนทางรักเธอ
จะสมหวัง หรือพบความเพ้อเจ้อ
เป็นที่ใจของเธอ จะจริงจังฉันใด

ทุกทุกอย่างบนทางรักจริง
ทุกทุกสิ่งบนทางรักเธอ
จะสมหวัง หรือพบความเพ้อเจ้อ
เป็นที่ใจของเธอ จะจริงจังฉันใด... 

				
10 มีนาคม 2547 23:18 น.

ฤทธิ์กามเทพ!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=319
*********

นอนนิ่งนิ่งซุกซบโซฟาขาว
ฟังเพลงเศร้าบรรเลงบทเพลงฝัน
มองจันทร์เสี้ยวเดียวดายพอพอกัน
ดาราฝันแตกดับลาลับดวง..

กุหลาบขาวพราวหอมเกสรรัก
ไร้อ้อมตักไร้ใครคอยห่วงหวง
รินน้ำตาเงียบเงียบเย็นเยียบทรวง
ดาวยังร่วงสังเวยเผยบ่วงรัก..

ลมหอมเอยไยเฉยไม่พรมพัด
จำปีสลัดกลีบพราวราวร้าวหนัก
การะเวกเสกหวานหว่านเล่ห์รัก
หลงเพ้อภักดิ์เพียงฝันนิรันดร์รอ...

รักแตกกอช่อซ้อนอ้อนใครเล่า
พุดบานเศร้าซ้อนช้ำพร่ำเพ้อพ้อ
เพียงลมฝันลมรักลมภักดิ์รอ
ออดอ้อนขอนานกี่ชาติสวาทวาย

วาสนาไร้ดอกชอกช้ำตามเจ้าของ
หลงวาดปองเพียงฝันสวรรค์สาย
กล้วยแตกกอรอหวีไหวกี่เคลือราย
ก็ห้อยตายกลายลงหม้อรอบวชชี..!

*********



ดวงใจรักฉันนั้นขึ้นอยู่กับใจเธอ....

อย่าคิดนะ...ว่าฉันรักเธอมากเกินไป
อย่าคิดนะ...ว่าฉันวิงวอนอ้อนออดร้องขอรักจากเธอ
อย่าคิดนะ...ว่าฉันผูกมัดรัดร้อยใจเธอเอาไว้
อย่าคิดนะ...ว่าฉันต้องการคำมั่นสัญญา
อย่าคิดนะ...ว่าระหว่างเราจะต้องมีคำสาบาน
อย่าคิดนะ...ว่าใจเราสองดวงต้องมีพันธะ
อย่าคิดนะ...ว่าฉันจะรักผูกพันหากใจเธอนั้นไม่ห่วงหาจากความรู้สึกจริงๆ
อย่าคิดนะ...ว่าฉันจะอยู่ไม่ได้ถ้าเธอพรากลาจากไกล
อย่าคิดนะ...ว่าลูกผู้หญิงคนนี้จะทำใจไม่ได้ ถ้า..ใจเธอไม่มีให้ฉัน
อย่าคิดนะ...ว่าฉันจะรักเธอจนตาย ถ้าหากเธอนั้นไม่รักฉันจริง อย่าหวังเลย
อย่าคิดนะ...ว่าฉันจะอ่อนแอและแปรใจไม่ได้ 
                   เพราะโลกนี้มันควรมีความยุติธรรมมิใช่หรือ 
                   ขอเพียงให้รู้ว่า..เธอนั้นเปลี่ยนใจ เปลี่ยนไปแล้ว

อย่าคิดนะ...ว่าฉัน..จะไร้ศักดิ์ศรี 
                  แม้ฉันนี้จะเคยเผลอใจเอ่ยคำว่า..
                  รักเธอจนหมดหัวใจสิ้นจิตวิญญาณ
อย่าคิดนะ...ว่าโลกนี้ถึงแม้จะมีผู้ชายอย่างเธอเพียงคนเดียว
                  ที่พิเศษพิสุทธิ์..แต่ฉันก็หยุดรักเธอได้
                  เพราะผู้หญิงอย่างฉันนั้นคงไม่โง่งมงาย...
                  ทำใจไม่ได้...ทำใจไม่เป็น..ไม่เห็นยากเลย
                  ขอเพียงบอกฉันอย่างตรงไปตรงมาแค่นั้นว่า..
                  เธอ...ไม่มีฉัน ในหัวใจอีกต่อไปแล้วและ...

อย่าคิดนะ...ว่าชาตินี้ชาติหน้าเราจะได้พบกันอีก...ไม่มีทาง!.....

************ 


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=319
ฤทธิ์กามเทพ ...  

หน้า ตาเขาดูซื่อซื่อ
นี่ คือ ผู้ชายอกหัก
แอบไปรู้ว่าถูกผู้หญิงตัดรัก
ก็เลยสงสารเสียหนัก อยากฟูมฟักอุ้มชูใจ
ท่า ทีเขามีเสน่ห์
หน้า ตาเก๋ชวนฝันใฝ่
ยิ่งตอนยิ้มไม่ว่าจะยิ้มกับใคร
ลอบชมแล้วถอนใจใหญ่
เผลอใจเป็นสุขจริง
อยาก เป็นเพื่อนปลอบยามเหงา
หาก ตัวเขาไม่เกลียดหญิง
ใช่จะหวัง ให้เขามาเป็นคู่อิง
เพราะว่า ใจจริง สงสารเขาเป็นยิ่งนัก
แต่ พอเขาคลอเคียงคู่ กับ ใครฉันไม่รู้จัก
แปลกไฉนจึงเกิดหมั่นไส้ ยิ่งนัก
แอบไปร้องไห้เสียหนัก รักเขาหรืออย่างไร

แต่ พอเขาคลอเคียงคู่ กับ ใครฉันไม่รู้จัก
แปลกไฉนจึงเกิดหมั่นไส้ ยิ่งนัก
แอบไปร้องไห้เสียหนัก รักเขาหรืออย่างไร... 

************


เพราะบันดาลใจจากภาพด้านบน
ราวฉากจริงในเรื่อง
*น้ำจรดฟ้า*
ที่พุดพัดชา
เคยไปเดินดายเดียวเปลี่ยวเหงามานาน
ขอฝากให้อ่านเอาเศร้าเดียวดายตามนะคะ
และหากอ่าน
ยามราตรี..จะดีมากค่ะ
มิใช่เที่ยงวัน..
ที่เพิ่งทานข้าวมา..
งานงามฝันของพุด
จะกลายเป็นยานอนหลับ..คร่อกฟี๊ๆให้เจ้านายเหล่..ค่ะ

************


http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_32552.php

น้ำจรดฟ้า.....

ใจของดาหลา กำลังระบมด้วยพิษรัก....
ทะเลตรงหน้าที่เคยมองว่าแสนงาม 
มาวันนี้..ไม่งามเหมือนดั่งเก่า.... 

ดาหลาเช่าเรือลำเล็กๆ ออกมา กลางทะเลกว้าง......
มีเด็กชายผิวคล้ำ เกรียมแดด เป็นนายท้ายเรือ....
ดาหลาไว้ใจประสบการณ์ทางทะเล
ของเด็กชายคนนี้ที่มีมากกว่าอายุจริง 

ดาหลานุ่งโสร่งผ้าปาเต๊ะ 
แบบสาวชาวเกาะ 
พันทับชุดว่ายน้ำ เนื้อตัวดาหลาคล้ำแดด ไม่แพ้กัน 
ดาหลาออกมาท้าทายสายลมร้อน..และแสงแดดกล้า..
กลางทะเลมาเป็นอาทิตย์แล้ว 
ใจที่ร้าวระบมด้วยความรานร้าวใจ....ค่อยๆลดออาการลง......... 

ผืนน้ำทะเลสีเขียวเข้มราวมรกต....
ตัดกับขอบฟ้าสีน้ำเงินเข้ม....ไร้ขอบเขต...... 
ความเวิ้งว้างของโลกสีคราม ..กับ..ความอ้างว้างทางใจ..
ผสมปนเปกลมกลืนกันไป ภายในใจ 
อันบอบช้ำดวงน้อยของดาหลา....


ความนิ่ง...เงียบ..ของผืนน้ำรายรอบ...ทำให้ใจดวงร้าว 
ค่อยๆสงบลง.....อย่างช้าๆ....... 

โลกตรงหน้าเหมือนมีดาหลาเพียงผู้เดียว.............. 

ดาหลามาที่เกาะเล็กๆแห่งนี้..มีเต้นท์ ..
และเสบียงมาพร้อมที่จะค้างคืน......... 
ทอดสมอเรือแล้ว..
เด็กชายตัวน้อยจะเป็นผู้ช่วยทำทุกอย่าง.....
กางเต้นท์... และเตรียมฟืนไว้สำหรับ
ก่อกองไฟในยามค่ำคืนที่กำลังจะมาเยือน......


ดาหลาเดินย่ำเท้าไปเรื่อยๆ
ตามริมหาดทรายขาวยาวเหยียด.....

รอยเท้าบนผืนทรายที่ดาหลา เดินโดยลำพังนั้น...
จะค่อยๆถูกน้ำทะเลซัดสาดหายไป...หายไป 
ทุกอย่างดูเหมือนไร้ร่องรอย 
.
ธรรมชาติกำลังสอนใจดาหลา ..บำบัดเยียวยา
ให้ใจดวงงามพลิกฟื้นตื่นขึ้นมายอมรับ 
ความจริงของชีวิต อันแสนสับสนนี้........ 

คืนวันเดียวดายที่เกาะร้าง..
ค่อยๆลบความระทมขมขื่น
ให้ใจจางหายจากบอบช้ำ....... 
เสมือนคลื่นที่ลบรอยเท้าบนผืนทราย....


ดาหลาเป็นลูกทะเล 
เกิดมาก็เห็นทะเลงามตรงหน้า.....
และไม่ว่ายามเศร้า....หรือสุข 
ใจก็ร่ำร้องหาทะเล บางเวลาเมื่อดาหลา มีความรัก..
ทะเลก็เป็นฉากรักอันงดงามตราตรึงใจ......... 
ดาหลาเคยใช้ทะเลเป็นพยานรักกับคนที่ดาหลารักปานชีวิต .....
ท่ามกลางแสงจันทร์โลมไล้.....

ทะเลต้องจันทรานั้นงามสุดจะบรรยาย....
รัศมีจันทร์ส่องกระทบผืนน้ำ..ราวกับทาทาบด้วย เกล็ดเพชร 
แสงเงาเลื่อมพรายพราว..วิบวับ..วิบวับ....งามจนน่าไหลหลง............ 

หนาวน้ำทะเล... กลับอุ่น เมื่อมีอ้อมกอดคนที่รัก
ตระกองกอดใต้ฟองคลื่น...เล้าโลม.. 
ทั้งใจ..กาย..นุ่มนวล..อ่อนหวาน......... 
ในค่ำคืนแห่งความทรงจำอันงามงดนั้น..
ทะเลช่างแสนงามจับตา ..จับใจ จนยากที่จะเลือนลืม 


แม้บางเวลาทะเลจะดูน่ากลัว ....ยามมีพายุร้าย....
เหมือนชีวิตดาหลา......
ที่ถูกพายุใจหอบพัดพาจนใจกระเจิงมาถึงที่เกาะแห่งนี้............... 

.ดาหลาบอกให้เด็กนำเรือออกกลางทะเล.....
เพื่อดำน้ำดูฝูงปลา......... 
โลกสีคราม....สวยสุดใจ......
ฝูงปลามากมายหลายหลากสีแหวกว่าย..ราวไร้ทุกข์ร้อน....... 
โลกสีคราม มีมนต์สะกดใจของดาหลาให้..
นิ่ง..เงียบงัน..สงบสุข....ล้ำลึก.......


ฝนก่อตัวตั้งเค้า.......สายฝนบางเบาเริ่มพราวพร่าง....
.เรือลำน้อยค่อยๆฝ่าฟองคลื่น 
บ่ายหัวกลับมายังเกาะที่ดาหลาเตรียมจะค้างคืน................ 

ท่ามกลางสายฝนพรำ....ดาหลาหนาวสั่น.........
ร่างกายที่หนาว..ยังไม่เท่าใจที่สะท้านเยือก 
ด้วยความอ้างว้างสุดใจ .....

ท่ามกลางทะเลใจ
ที่แสนระทมเปล่าเปลี่ยว....ร้างราผู้คนดังอยู่ลำพัง 
กับเรือน้อย ในทะเลจริงแห่งชีวิตที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้............... 

น้ำตาปนกับสายฝน 
ดาหลาสะอึกสะอื้นร่ำไห้ราวจะขาดใจ.......
ทำนบน้ำตาพังทลายสิ้น..ในนาทีนั้น.....
ด้วยใจที่สะเทือนไหวสุดจะทานทน....อีกต่อไป..... 

ท่ามกลางเสียงครวญคร่ำของใจ พร้อม สายฝนพรำ..
.ดาหลาได้ยินเสียงเพลงจากท้ายเรือ.. 
ดังแว่วมา.....ประโลมใจ...... 

*รักก็เกม......ก็เกมอะไรสักอย่าง....
เจ็บช้ำครวญคราง...ไม่นานก็หาย........* 
................................. 

สายพิรุณใส....ค่อยๆรินไหลผ่านใบหน้า.
ราวแทรกซึมเข้าไปร่ำไห้ให้กับใจที่แหลกสลายยับ 

ดาหลาแหงนหน้าขึ้นปล่อยให้เม็ดฝนกระทบต้องใบหน้า.....
ทุกๆหยดฝนพราวเตือนใจ ให้ดาหลา....มีสติ ...
รู้ยอมรับความจริงของชีวิต...

ใช่แล้ว...รักก็เกม ...ก็เกม..อะไรสักอย่าง..
เจ็บช้ำครวญคราง ไม่นานก็หาย.....

ธรรมชาติจากสายฝนเย็นฉ่ำ..
กำลังให้บทเรียนสอนใจดาหลาอีกบทหนึ่งของชีวิต............... 
ดาหลาเอามือลูบหน้า...
ลูบไล้ราวกับจะให้ความใสสะอาดของหยาดฝน..
ช่วยชะล้างใจ ให้สดสว่างโดยพลัน.................. 

ม่านฝนเริ่มสร่างซา.....
พร้อมเปิดม่านตาและม่านใจของดาหลา..
ให้สว่างกระจ่างใส 
ไปพร้อมกัน........



สายฝนในใจของดาหลาค่อยๆ..หยุดรินไหล.....

ดาหลาได้ใจดวงเดิมที่แสนงามกลับคืนมา 
พร้อมพลังใจที่จะยอมรับความจริงของชีวิตว่า.........
ชีวิต..มิได้เป็นดั่งฝัน....เสมอไป....
 				
9 มีนาคม 2547 23:25 น.

กระท่อมหวานรอหวัง..

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=193
**********

วสันต์หนึ่ง..
แพม..พาตัวเองขี่จักรยาน
ไปตามเส้นทางสายชนบทหวานงาม
แสนรกเรื้อ..

ที่มีดงตาลเคียงขนานคันนาสองฟากฝั่ง
ลึกเข้าไปยังไร่ที่ถูกทิ้งร้าง

ที่ที่แพมกลับรู้สึกไม่ไร้ร้าง อ้างว้างใจตาม
แต่กลับรู้สึกอบอุ่น 
เมื่อมองเห็นนาข้าวสุกปลั่งสุดลูกหูลูกตา
และมีบึงบัวขุดไว้พร้อมเลี้ยงปลานานาพรรณ 
ในท่ามกลางดงไม้...
ต้นไม้ไทย ดอกไม้ไทย
ที่เขียวสด หอมพร่างหลังสายวสันต์ละหลั่งริน


ไหนจะมีสวนผลไม้รายรอบล้อม
แถมมีเสียงไผ่กอซัดส่ายเสียดสีซู่ซ่าๆรับแรงลม
คล้ายกับว่าจะยินดีต้อนรับทุกแขกผู้มาเยือน..

แพม..ใช้เวลาไม่นาน..
ที่จะตัดสินใจซื้อที่ดินผืนนี้
ที่ใครใครพากันคัดค้าน
เพราะแพม.มักเห็นงามในบางสิ่ง
แผกไปแผกใจแผกใครเสมอมา..
และสิ่งสุดท้าย
ที่จูงใจดึงดูดใจดื่มด่ำใจ ประทับใจ
ให้แพม..ตัดสินใจ..


คือกระท่อมหิน..ก่อด้วยอิฐเก่า 
แฝงตัวสงบนิ่งเงียบงาม 
ในท่ามกลางเถาวัลย์พันรกเรื้อ
เหนือโค้งขอบประตูไม้บานใหญ่ราวโรงนา
ที่แพมต้องรีบพาตัวเองผลักเข้าไป
สำรวจดูสภาพโครงสร้างภายในแล้วถึงกับตะลึงงัน
ฝันแทบปลิดปลิวย้อนยุคสู่..*ศตวรรษที่18 ตามบ้านแบบทัสคัน*
ที่ก่อด้วยหินทั้งก้อน..


แพม..เข้าใจแล้วว่า..ทำไมกระท่อมหินเก่าหลังนี้ถึงดูดี..
เพราะก่อนหน้าที่แพมจะเข้ามาดูนั้น
นายหน้าผู้เสนอฝัน
หาสวรรค์กระท่อมกลางไร่งามง่ายให้แพม..ในละแวกนี้
ได้เล่าถึงที่มาที่ไปว่า..มี
กระท่อมกลางไพรหลังหนึ่ง
ออกแบบโดยสถาปนิกหนุ่มผู้งามดวงใจ
ผู้มีความรักหนักแน่นมั่นคง
ผู้หลงใหลงามดิบเดิม
ตั้งใจจะออกแบบให้หอมกรุ่นอุ่นไอรัก
เป็นเรือนหอรอรัก ยามที่จะตามแม่ยอดรักมาพักใจ
มาแสวงหาอารมณ์ไพรตามยอดดวงใจที่เป็นนักรักรจนา


แต่ฟ้าดินมิทันเมตตา
ก็มาพรากลาเธอคนดี
ที่แสนรักไปกับอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียก่อน

เขาจึงมิอาจจะทนอยู่ในกระท่อมฝันอันดายเดียวได้โดยลำพัง
ที่มากความทรงจำประทับใจในทางโศกตรม 
จึงตัดสินใจทิ้งระทมขายอดีตอันงดงามนี้
ให้ห่างหายหวานหอม
ที่ตามหลอนลวงใจให้เพ้อไหวครวญมิเป็นอันกินอันนอน..


แพม..เข้าใจในนาทีนั้น
ถึงพลังใจที่*เขา*คนดีเททุ่มถอดใจออกแบบ
ให้กระท่อมนี้ดูงาม
ราวกระท่อมรักกระท่อมฝันอันแสนหวานแสนสงบสุข

กระท่อมที่หลังคามุงสวยด้วยแผ่นไม้เรียกว่า*แป้นเกล็ด*
ให้เข้ากับสภาพดงไม้ไทยรายล้อมหอมหวาน


กระท่อมที่เพดานสูงตระหง่าน 
งามด้วยโครงเคร่าไม้ธรรมชาติกลมกลึงหนาหนัก
รับกับระเบียงเดินไปสู่ห้องนอน 
ที่มีราวจับราวโรงละคร โรงโอเปร่า..
หากมองลงมา..จะเห็น..โถงกลางโล่งว่าง.
ที่งามสล้างส่องประกายเติมความอ่อนหวาน
ด้วยพื้นหินโบราณแผ่นโตระยิบ..ดิบเดิม..


มีเตาผิง..ก่อไว้ยามเข้าไต้เข้าไฟ..
ให้มีบรรยากาศ..วูบๆไหวๆ
ไปตามเปลวไฟในอารมณ์รักอารมณ์โรแมนติก
จากเสียงแตกปะทุและกลิ่นไม้ฟืนหอมๆ

มีห้องอ่านเขียนหนังสือ
ที่โต๊ะ  ชั้น หิ้งวางหนังสือ
ทำจากไม้กระดานจากสะพานเก่าทั้งแผ่น
ดูดิบดิบแบบธรรมชาติ..
อันอ่อนหวานตามอย่างชนบทหมดจดใจ..


โคมไฟ..ระย้า
หากทว่าแปลกตางามระยิบระยับจับใจ
ด้วยมีที่วางเชิงเทียนให้พร่างไหวนับร้อย
จากโครงไม้ผสมเหล็กอ่อนช้อย 
ด้วยรายละเอียดแกะสลัก
ลายผีเสื้อเกาะกลางเกสรกลีบดอกไม้เริงร่ายระบำเริงร่า


นะวันนี้
แพม..คิดว่า
แพม..แสนโชคดี..ที่ตัดสินใจไม่ผิด..
ที่ซื้อไว้และได้มาพัฒนา
ให้กระท่อมในฝันสวรรค์หวานในชนบทแห่งนี้ 
พลันมีชีวิตชีวา..


แพม...ผู้ดายเดียวเหว่ว้า 
ได้หันหลังหนีเมืองหลวงเมืองลวงบ่วงใจ
มาฝากร่างไร้รัก..ไร้ใครเคียงข้าง
มาฝากจิตวิญญาณรักรจนาฝัน 
ได้มานั่งหอมฝันกลางลานนับดาวเดือน
ฟังเสียงไก่เถื่อนร้องสะเทือนไพร
ฟังเสียงนกไพรโผผินบิน
จากรวงรังสู่ฟ้ากว้างยามเรื่อรางอุษาสาง
ฟ้าสว่างงามรำไรๆ


ฟังเสียงนกเขาขันก้องร้องปลุกระงมรับอรุณรุ่ง
ฟังเสียง..ยามย่ำรุ่ง..ดุเหว่าร้องหวานแว่ว
แผ่วมากับละอองน้ำค้างกลางกลีบดอกไม้ป่าพร่างระริน
พร้อมกลิ่นดอกไม้ไทยหอมหอม..
กับเกสรบัวพรายพรมห่มงามใจ


กับบางราตรี..
ที่ฟ้าหนาวไร้ดาวเดือนเป็นเพื่อนด้วยเมฆหม่น
แต่อาจจะได้ยินเสียงขลุ่ยลอยลม
ข้ามลำประโดงโค้งข้ามขอบฟ้าไกล
มาจากอ้ายผู้เปลี่ยวดายดวงใจพอกัน


เช้าดูตะวันชักรถอ้อมดงตาล
หว่านหวานรังสีแตกพร่าง
กลางทะเลเมฆเป็นช่อชั้นราวสวรรค์ชะลอให้ฝันกระเจิง

ให้หอมรินร่ำ ข้าวใหม่ในนาสีทองอุ้มท้องออกรวงเรียวรอเคียวคม
ยามลมล่องข้าวเบา ฟ้าเขยิบสูง..ถึงยางสูงใหญ่ไหวเทียมเมฆ


แพม..เลิกหนาวใจ..เหว่ว้า 
ยามนัยน์ตาซึ้งเศร้าเฝ้าแลเหลียวเห็น..
ฟ้าราวสายไหมหลากสีพร่างสายสวย
ด้วยรุ้งเรียวทอรัศมีจรัสจรุง..ใจ
..

และมาตรแม้นว่ากระท่อมงามแห่งฝันนี้
จะดังต้องคำสาปให้แพม..ดายเดียวพอกันในบางวัน
เหงาในบางคราเหว่ว้าในบางราตรี..
ที่ไร้คนดีที่รักคู่เคียงคลอใจ


และในความเหงา..นั้น
กลับให้งามฝันงามใจงามชีวี
งามจิตวิญญาณพร้อมพลี
แม้ไร้ร้างรัก..
เป็นว่างเปล่า..ลำพัง..


กับพลังใจมิสิ้นหวัง
ที่กลับฉายฉานโชนแสง
แห่งความทรงจำกระจ่างใจ

ในทุกละมุนใจ
ในทุกรายละเอียดละเมียดละไม
กับความเงียบสงบใจ 
ผ่านค่าคำรัก..รู้รอคอย..ในรอยกาล.

กับหวานหวังมิรู้สิ้นรู้จบมิลบลาลืมตราบนิรันดร์

ตราบหมดสิ้นไฟฝัน
จนถึงวันลมหายใจสุดท้ายพรากจาก..
************

				
8 มีนาคม 2547 23:16 น.

สายสร้อยร้อยใจ!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=255
(สายสร้อยร้อยใจ)
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=45
(บุพเพสันนิวาส)

สายสร้อยร้อยใจสายใยสวาท!. 

สายเอยสายใจ......
สายใยสายรักสายเสน่หา
สายแสนสาย สายแค่ไหนวันผ่านมา
สายสวาทที่ว่าไม่ขาดประหลาดใจ..

สายเอยสายขวัญ..
สายสวรรค์ลอยเลื่อนมาท้าหวามไหว
สายชีวิตฟ้าลิขิตพบช้าไป
สายดวงใจชาตินี้ที่รักกัน..

สายแค่ไหนยึดสายใจต่อไยรัก
สายใจภักดิ์สวรรค์สร้างทางสายฝัน
สายไยรักถักทอใจทุกคืนวัน
สายไม่หวั่นรอสวรรค์เมตตา หวังชาติหน้า ถ้ามีจริง!
***********


โอ้ยอดรักอย่าจากฉันไป! 

ไฉนเลยกาพย์กลอนของข้าจึงเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา...
มีคุณค่าเพียงความเจ็บช้ำดายเดียว
ไฉนเลยจันทร์เสี้ยว แขวนฟ้า จึงแสนเศร้าในคำนึง
มิว่าจะราตรีหนึ่งนี้..หรือกี่ทิวาวารผันผ่านมา

ทุ่งดอกหญ้ายังไหวเอน ตามแรงลมระบัด
ทะเลยังสงัดปราศจากคลื่นลมเห่กล่อม
ดาวบนฟ้ายังกระซิบอ้อน..พราวพราย
ฝัน..ขวัญยังเศร้าโศกาหนาวเปียกปอน
น้ำค้างวอนวะวับวาวเย็นเยียบจับขั้วหัวใจ

เรไรยังร้องร่ำลาราวไขว่คว้ารักลาลับที่เลยล่วง ให้หวนคืน
ฟ้าสะอื้น หลังฝนพรำหลงฤดู
เมฆระบัดพัดผ่าน บนราวฟ้า ราวมายาลอยล่อง
ให้เราผอง จินตนาการภาพงาม ตามใจฝันชั่วคืน
แล้วพลันมลายหายวับไปกับตะวัน..ในยามเช้า..แผดเผาใจ

โอ้ดวงใจ โอ้ยอดรัก อย่าจากข้าไป ..
โอ้สวรรค์ อย่าลอยเลื่อนลา..ให้ข้าดายเดียวช้ำตรมอีกเลย!

**************


http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_37078.php
หาดทรายสายลมไม่มีสองเรา..พุดพัดชา
********

ทะเล...เขียนเรื่องนี้ใต้ต้นหางนกยูง
ที่ดวงดอกแดงเจิดจ้าพราวไปทั้งต้น 
ตรงหน้า..คือทะเลสีน้ำเงินแกมมรกตสวยใส 
เวิ้งว้าง กว้างไกลสุดตา 

มองเห็นฟองคลื่นขาวนวลม้วนตัว..
เคลียเคล้าแตะแต้ม พลิ้วพราย 
พาทะเลนวลละมุนไปด้วยริ้วรายราวเรียวเมฆโลมไล้
ไล่ระริกระริ้วไหว ไปตามแรงลม...กระทบฝั่งเสียงซ่าซ่า.. 

ทะเล..เดินไปหยุดยืนเหนือเนินทราย..
ที่ร้างไร้ผู้คน มีเพียงหาดทราย..กว้างสุดตา..
และทะลตรงหน้าที่แสนสวยใส 
แต่ทว่าคงกว้างสุดใจ..จนยากจะหยั่งถึง 

ดงดอกหญ้ารายรอบพลิ้วไหวเอน... 
สายลมบางเบาพัดแผ่วผ่าน ทิวสนซัดส่าย ซู่ซ่า 
สอดสลับรับเสียงเกลียวคลื่นที่ซัดสาด เซาะทราย 
กระซิบกระซาบวอนเว้า ราวดนตรีเห่กล่อม..  

ลมทะเลปะทะใบหน้า..
เส้นผมปลิวสยายไปเบื้องหลัง 

ทะเล..ยืนนิ่งงัน ต้านลมพายุไหว 
ที่พัดไกวผ่านร่างของผู้หญิงช่างฝันคนนี้
ราวโลมเล้าละมุน ใจดวงเงียบงาม 
หวามไหวราวต้องมนต์ขลังให้ฝันควะคว้าง 
ปลิดปลิวไปตามแรงลม..  

ใจดวงงาม.... ในยามนี้
กับเรื่องราวมากมีที่รายเรียงมาท้าทาย 
ให้หัวใจบอบบาง รานร้าวไหว..

กับฟ้ากว้างสีส้มอมชมพูปนเทา
โศกสะเทือนทาทาบ บางเบา..นุ่มนวล ชวนฝัน 
ราวสายไหมหลากสีสันสล้างเลื่อมพรายพราว
ราวประภัสสรเฉิดฉันท์ แจ่มจ้า 
ราวสรวงสวรรค์นฤมิต..

หรือไม่ก็คงเป็นลิขิต
ฝีมือของศิลปินช่างฝันสาดสีทิ้งทีแปรง.. 
แต้มแต่งกลมกลืน..ดั่งภาพฝัน แสนงาม 
ให้ดวงใจดื่มด่ำ อิ่มฝัน อิ่มใจ จนเต็มตื้น..  

แค่เพียงหลับตา..พริบวิบเดียว..
ที่รัก..คุณตามติดมาในฝัน สล้าง 
ให้อิงไหล่กว้างเคียงข้างชมทะเล 
ในภาพฝันเคียงใจนั้น 

ทะเลอ้อยอิ่งพิงไหล่
ดอมดมพรมจูบคุณด้วยรักภักดี มิรู้เบื่อ..  
ช่างน่าขันนัก..ใจหนอใจที่ไร้พ้อไร้เพ้อ 
เพียงแค่ละเมอ หวั่นไหว..
ว่ามีคนดีเสมอมา ในทุกนาทีคะนึง.

ทะเลเอนร่างลงนอนช้าช้า..
พลางหรี่ตาดูสรรพสิ่งแสนงามของธรรมชาติรายรอบในโลกจริง.. 
มองผ่านหางนกยูงดวงดอกแดงเจิดจ้าอีกคราครั้ง 
ที่ตัดฉับกับตะแบกม่วงพราวหวานเศร้าเต็มต้น เคียงกัน..

ราวสุขเศร้า..กับฟ้ากว้างงามเข้มที่สวยใส 
ไม่ไยดีรับรู้กับหมองหม่น 
ของคนนับพันล้านบนผืนโลกนี้
ที่วนเวียนเวียนวนมิสิ้นสุด 
ตราบใดที่ยังไม่ยอมหยุดหัวใจรัก  หัวใจฝัน...  

ทะเล..ติดปีกให้หัวใจรัก ปล่อยใจฝัน แสนงาม
ให้โบยบิน ข้ามฟ้ากว้าง ข้ามทะเลไกล 
มาซุกกายซุกใจอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของคุณแล้วนะ..
ในนาทีนี้นะดวงใจ.. 

คิดถึงบทเพลง เพลงนี้
ที่ทำให้ใจทะเลเลิกหนาวร้าวไหว..
ไปกับลมทะเลที่พัดตึง! ..........

******************
 


ถึงฟ้าจะกั้น ให้ฉันและเธอไกลกันสุดตา 
หรือว่าภูผาทอดยาวขวางหน้าบังตาแค่ไหน 
แม้นมีทะเลเหลือหยั่งคะเนมากั้นเราไว้ 
อย่าได้ตกใจ..ถึงห่างแค่ไหนก็ไม่สำคัญ..
อำนาจใดใดที่ในโลกนี้ไม่มีความหมาย 
แม้แต่ภูผาก็อาจทะลายมิอาจขวางกั้น
รักเรามีปีกบินหลีกข้ามฟ้าไปมาหากัน 
ขอให้รักฉันแน่นอนเท่านั้น..ฟ้าดินเกรงกลัว... 
.............
  เงาไม้   
นภา หวังในธรรม : : Key C  

แสง จันทร์วันนี้นวล ใครชวนให้น้อง เที่ยว
จะให้ เหลียวไป แห่ง ไหน
ชล ใสดูในน้ำ เงาดำนั้นเงา ใด
อ๋อ ไม้ ริม ฝั่ง ชล
สวยแจ่ม แสง เดือน
หมู่ ปลา เกลื่อนดู เป็น ทิว
ฉันชม ลม ริ้ว
จอด เรือ อาศัย เงา ไม้ ฝั่ง ชล

สวย แจ่ม แสง เดือน
หมู่ ปลา เกลื่อนดู เป็น ทิว
ฉันชม ลม ริ้ว
จอด เรือ อาศัย เงา ไม้ ฝั่ง ชล... 



ตั้งชื่อทะเล..เป็นนางเอกนอนระทวย
เห็นไพเพราะแปลกดี..
ฉะนั้นและฉะนี้เมื่อคนดีอ่านทุกดวงใจ
ก็อย่าหวามไหวคิดว่า
คือพุดผู้หยุดรักแล้วเลยอีกนะคะ..ที่รักทั้งหลายคะ
ทั้งๆจริงๆแล้วก็อยากนอนระทวยแบบนั้นแหละ 
แต่กลัวฉลามมางาบไปกิน...! 



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=255
 สายสร้อยร้อยใจ   
ม.ร.ว. ถนัดศรี สวัสดิวัฒน์ : : Key Dm  
สายสร้อยร้อยใจสายไยสวาท
หมายขาดหลุดสุดหนทาง
รักจางตรอมตรมไม่หาย
โอ้ใจเอ๋ย ไหน เลย มาหน่าย
ฟ้า ดินแม้สิ้นสลาย รักมิคลายรักสุดบูชา
สายจิตร้อยทรวงไยลวงหลอกหลอน
อกสั่น หวั่นรักรอน ยามกินยามนอนผวา 
ภาพความหลัง นั้น ยัง เตือนตา 
น้อง คงมิปรารถนา จึง ลาระทมตรมใจ
พี่ แพ้ เจ้าไม่แลเหลียวมองมาเลย 
อก เอ๋ย ไปชื่นชมหลงคารมใคร 
พี่ รัก ใช่หลอกลวงรักเต็มทรวงใน
รัก ซ่อนซ้อนใจ ห่วงหรือไรทิ้งพี่ให้ตรม
สายโซ่คล้องใจสายไยสวาท
พี่อยู่ ก็เหมือนคน ไม่กายไร้ใจชื่นชม 
สร้อยใจหาย รัก กลาย เป็นลม 
เหลือรอยสายสร้อยขื่นขม 
ร้อยอารมณ์ระทมตรมทรวง... 


				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด