7 มีนาคม 2547 21:41 น.

พลีน้ำตาลาผืนดิน!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=34
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_33905.php
(ขอฝาก*เพชรพะงัน*ในอ้อมใจอ้อมจิตวิญญาณ
ทุกดวงใจแห่งร่มรักเรือนไทยแห่งนี้ที่พุดแสนรักพอกันค่ะ)

**********
ลาก่อนเกาะพิสุทธิ์ใสกลางใจขวัญ
ลาคืนฝันตะวันรอนอ่อนแสงเศร้า
ลาแสงตะเกียงริบหรี่เคยคลุกเคล้า
ลาดงมะพร้าวสะบัดไหวกลางใจนวล..

ลาก่อนหาดทรายขาวราวเนื้อแป้ง
ลาไร้แล้งน้ำใจเคยไห้หวน
ลาผืนดินถิ่นเกิดนกนางนวล
ลาธรรมชาติล้วนแสนงามนามพะงัน..

ลาภาพเก่ากับแสงเทียนในโบสถ์คร่ำ
ลาพิกุลก่ำฉ่ำหอมหลอมใจฝัน
ลาทองหลางแดงโดดกลางตะวัน
ลาพระจันทร์ดวงโตโผล่พ้นน้ำ..

ลาปะการังหลากสีปลาแสนสุข
ลารานรุกทำลายใจขยี้ย่ำ
ลาดายเดียวนอนนับดาวราตรีร่ำ
ลาระกำเกาะงามรอนอ้อนแสงตะวัน


ลาและลาเกินคำว่า*เสียใจยิ่ง*
ลาทุกสิ่งลืมเงียบงามนิยามฝัน
ลาและลาโลกบ้าบ้าหลงวัตถุกัน
ลาสวรรค์ลงนรกตกทาสเงิน...

ลาผืนดินยินคนแย่เกินควายคิด
ลาชีวิตแข่งกันรวยลมสรรเสริญ
ลาโลภหลงตรงกระแสความเจริญ
ลาเพลิดเพลินเปลือกนอกหลอกแข่งกัน..
******
ลืม..สวรรค์เมตตาส่งมาเกิด
ลืมเสียเถิดเกาะเงียบงามราวสวรรค์
ลืมความรักน้ำใจเคยแบ่งปัน
ลืมงามจันทร์งามใจในรอยกาล..

ลืมทะเลสวยใสสีมรกต
ลืมงามงดธรรมชาติคนบ่มรอยหวาน
ลืมชีวิตดิบเดิมอดีตนาน
ลืมฤดูกาลก่อนเก่าฝากเราจำ

ลืมกุ้งปูปลามากมายใต้ทะเลนี้
ยังไม่มีเทคโนโลนี่คอยห้ำหั่น
เอามาขายแลกน้ำเงินมารินร่ำ
ทาสระกำตามตะวันตกวกทำลาย

เงินเงินเงินงงงงงงหลงลืมคิด
โลกชีวิตงามเงียบดิบเดิมแตกสลาย
ขายจนสิ้นจิตวิญญาณไทยมลาย
ขายและขายภูมิชีวิต*จิตแห่งไท*

******


ทุกคราครั้งที่คืนหลังสู่ผืนดินเกิด..
*เกาะแห่งฝันมหัศจรรย์รักมหัศจรรย์ใจ*
เกาะในดวงใจ..รัก..
ดวง
ต้องร่วงน้ำตาพลีผืนดินมิรู้สิ้นมิรู้สาย
ระรินหลั่งชโลมให้..งามอดีต..ลาเลย..ลับมิหวนคืนกลับมา..
ให้กับถวิลเหว่ว้า..ในงามดวงใจใครจะรู้นี้..
ให้กับรอยทรงจำวันเยาว์..งามงด..
หมดจดเกินใจเกินรจนารำพัน..

ที่ล้นทะลัก..หนัก..อก..แน่นใจ..สะเทือนไหวสะเทือนใจ
เกินจะจารคำออกมารินร่ำแจงใจ..
ทั้งที่เคยตั้งใจฝากรจนา
งามเลอค่า*ไข่มุกกลางอ่าวไทย*
พลีเนื้อใจพลีจิตวิญญาณฝากฝังไห้ผืนดิน
จนถึงนาทีนี้..ที่เหลือเพียงรอยถวิลให้อาวรณ์..
***
เพื่อนผู้แสนรัก..
ผู้พรากลา..มิกลับคืน
เคยบอกดวงว่า..
อย่าหวังทายท้ากงล้อโลก
ที่หมุนบ่าตามกระแสน้ำเงิน..มิใช่น้ำใจงาม..อีกต่อไป

ในทุกยามที่ดวงเหว่ว้า..ดายเดียว..
ยามคืนหลัง
กลับฝั่งฝัน*บ้านเกาะแสนรักแห่งเรา*
กับใจดวงร้าว  รานร้าว เศร้า
กับนานาอารยะที่ทำใจยอมรับไม่ได้
ในทางที่ไม่สร้างสรร แต่คล้ายทำลาย
ราวค่อยๆกลืนกลายอย่างเลือดเย็น
ทั้งวัฒนธรรม ประเพณี และธรรมชาติที่ถูกจาบจ้วง

จากผู้ที่บุกรุกอุกอาจ
ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากทั่วทุกมุมโลก
โดยการใช้เงินผล่าผลาญหว่านซื้อ 
ให้คนไทยหิวกระหาย
และค่อยค่อยตายทั้งเป็น..
ผู้มาฝากโศก มาทิ้งทุกข์ สุขฉาบฉวย รวยเงิน..จนใจ..
ให้ดวงตาดวงใจคนไทยท้องถิ่นมืดบอด

คิดเพียงต่อยอดชีวิต
เพียงจากน้ำเงินรินรดหยดตามๆกันไปตามกระแส
ยอมแม้ขายจิตวิญญาณ 
ขายยาเสพติดแลก..ร่างสบาย
ให้ชีวิตทั้งไทยเทศปลิดปลงหลงอยู่ในดงนรกน้ำเงิน..
อย่างมิสำนึก..ตรึกตรอง
ว่าครรลองธรรมะธรรมชาตินั้น
คือหนทางเดียว..แห่งชีวี..ที่จะเป็นสุขนิรันดร์..!

**********


http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_33905.php
(ขอฝาก*เพชรพะงัน*ในอ้อมใจอ้อมจิตวิญญาณ
ทุกดวงใจแห่งร่มรักเรือนไทยแห่งนี้ที่พุดแสนรักพอกันค่ะ)
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_32353.php
  
แด่ผู้หญิงคนดีที่ชื่อพะงันงาม ..... พุดพัดชา  


ทะเลหน้าฝน หม่นมัว 
ด้วยม่านฝน ปรอยๆตลอดวัน
เม็ดฝน กระทบผืนน้ำทะเล....
แลดูราวกับเกิดดอกฝน...
ดอกไม้เล็กๆ บานกระจายเต็มทะเลกว้าง.....
กลมกลืน..เทาทึมแตะต้องนุ่มนวลทั่วทั้งผืนน้ำ....ราวภาพวาด...........

งาม...มีบังกาโลว์เล็กๆ ประมาณ สิบห้อง  
ที่งาม...จำเป็นต้องทำ...เพื่อดำรงชีพชอบ..........
บังกาโลว์เล็กๆ...
ที่งามหวังพึ่งพิง..พึ่งพาธรรมชาติ..
แสนสวยของบ้านเกิด.....
และออกแบบให้กลมกลืน..
ซ่อนตัวอยู่ในดงมะพร้าว...
เคียงขนานไปตามโค้งอ่าว....

ตรงหน้าคือเกาะสมุย....
ซึ่งในวันที่อากาศดี....
จะมองเห็น..หลังคาบ้านสะท้อนแสงอาทิตย์มาวิบวับ...
พร้อมควันไฟลอยโค้งอ้อยอิ่ง..........

ด้านขวามือ จะมีเกาะเล็กๆ...สองเกาะ...หมอบคู่กัน..
ไว้ให้พระอาทิตย์..ตกหว่างกลาง...งามงด..ยามอัสดง..

ฤดูฝน...
นอกจากอากาศเศร้าแล้ว...
พาใจ..งาม...
และเจ้าของกิจการบังกาโลว์ทั้งหลาย พลอยเศร้าตามไปด้วย...
เพราะขาดรายได้...
จะเหลือนักท่องเที่ยว..ที่ติดใจ..ติดค้าง..อยู่ที่เกาะไม่กี่คน.......
และที่ชอบมา...ดูทะเลหน้าฝน..ด้วยเหตุผลเพียงใจรัก....

วันไหนฟ้าเปิด.....
งาม....จะคอยเก็บเศษขยะ...
และกวาด..หาดทรายขาว..
หน้าบังกาโลว์ของงามให้สะอาด.....

งามรู้ดีว่า....ถ้างามไม่ทำอย่างนี้...
ขยะมากมาย....
ที่ซัดมาเกยฝั่งพร้อมคลื่นลม..และพายุในฤดูนี้...ก็จะล้นหาด.

พูดถึงขยะ...งามเป็นทุกข์ใจมากเหลือเกิน......
ทุกวันนี้....เกาะแสนงาม...ถูกเบียดเบียน........
ทั้งขยะจากสิ่งของ....และขยะมนุษย์..
ที่หวังมาแค่เสพสุข...
เพียงจากกายที่ไร้สิ้นใจสำนึกรักธรรมชาติงาม.....

ทุกทุกบังกาโลว์....
จะมีขยะ...สด..แห้ง..มากมาย...ในแต่ละวัน...
อันเนื่องมาจากการเป็นเกาะท่องเที่ยว.....
ที่ต้องสั่งสินค้ามาจาก.....แผ่นดินใหญ่....ไว้บริการนักท่องเที่ยว...........

มีทั้งน้ำบรรจุขวด....กระป๋อง....พลาสติก....กระดาษ...
รวมทั้งอาหารสด ผัก  ผลไม้...นานาชนิด........
ทุกๆวัน.......เป็นเดือน.....เป็นปี......
และคงหลายๆปี....จนกว่า...........

งาม....ไม่อยากคิดต่อไปเลย..ว่า...
จนกว่า...วันหนึ่ง....
เกาะพะงัน...จะกลายเป็น....เกาะขยะ........
จากน้ำมือมนุษย์นี่แหละนะ.........

งาม..จึงพยายามอย่างที่สุด...
ที่จะรวบรวม...คนรักเกาะ...
ช่วยกัน...อนุรักษ์..และดูแล...ให้ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลง
อย่างช้าที่สุด....เท่าที่....งามจะปกป้องได้..........

ทุกคืน...หลังงาน...FULL  MOON  PARTY....
ที่ผู้คนหลั่งไหลมาเฉลิมฉลอง....คืนเพ็ญเด่นดวง......
ที่ว่ากันว่า...สวยที่สุดในโลก........

มาเสพสุข...หรือเสพทุกข์..กันแน่ยังไม่อาจรู้ได้....
แล้วแต่ใจใครลิขิต...ชีวิตใครก็ชีวิตของคนนั้น.......
โค้งหาดทรายขาวนวลเนียนนุ่มเท้า...
ราวแป้งเนื้อดี...ที่มีคนกล่าวว่า..เวลาเต้นรำ......
ราวเต้นอยู่บนสรวงสวรรค์บนฟองเมฆ..นวลนุ่ม...
ให้อารมณ์ลุ่มลึก...ไหลหลง..ดั่งต้องมนต์ขลัง....
กลางจันทร์งามดวงโต...สุกสว่างกระจ่างนวล.........

แต่...ณ...บัดนี้....
หลังงานเลี้ยงเลิกรา...
จะเต็มไปด้วยคนเมามายหลับไหล..
ราวจะไม่อยากฟื้นคืนชีพ...
มาดู..มาเห็นโลกสวย..
ที่แปรไปเป็น..นรก...ด้วยขยะ..ขยะ..และขยะ.......
ไหนจะจากก้นบุหรี่..ไหนจะจากขวดน้ำดื่มพลาสติก....
ไหนจะจากสารพัดสิ่งของที่นำมาดื่มกิน
เพื่อเพิ่มความบันเทิงเริงรมย์........

ทรายขาวนวล.....ถูกย่ำยี....
ราวสาวพรหมจารี...
ที่ถูกชาย..ชิดเชย..รุนแรงจ้วงจาบราวไม่รู้ค่า.......
ฝากรอยแผลรัก....แผลใจ..
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ยาวนาน...มิจบสิ้น....

ย่ำรอยเท้า...จากเกาะหนึ่ง...ไปยังอีกเกาะหนึ่ง....
และอีกเกาะหนึ่ง...ที่ยังบริสุทธิ์ใส...เพื่อผลาญพร่า.......
ย่อยยับ....แล้วลาลับไกล..ไปยังอีกซีกโลก...ไกลแสน...
ไร้แลเหลียว..รับรู้.....รับฟัง ........
ช่วยเหลือใดใด....ใจหนอใจ.......

งาม.....ก็แค่เม็ดทราย....
ที่ได้แต่พยายาม....ทำทุกสิ่ง....ที่ดี...ที่งาม..อย่างที่สุด..
เพื่อประคองให้
ทุกอย่าง...ระหว่างผืนทราย...สายลม...ทะเลสวยใส..
ที่งามเกิดและเติบโตมา...ยังคงอยู่......
คู่เคียงกันไป....กลมกลืน....ตราบนานเท่านาน...........

งาม..
เพียงแต่อยากให้มนุษย์ทั้งหลาย...
ที่อ้างตัวว่ารักนัก....รักหนา....ธรรมชาติ....
หาดทราย...สายลม..แสงแดด.....และทิวมะพร้างงาม.......
ให้รักให้เป็น...รักอย่างไม่รานรุก..
เสพสุขสุนทรีย์....ด้วยใจ....ไม่หยาบหยาม........
แค่เพียงให้ชีวิต....ดวงจิตดวงใจ...
หลอมละลายเป็นหนึ่งเดียวกับมวลความงามรายรอบ
ของทุกสรรพสิ่ง...ที่คู่เคียงโลกมาช้านาน....อย่างเคารพซึ่งกันและกัน.......
ดั่งชีวิตหนึ่ง....ต่อ...อีกชีวิตหนึ่ง....

ใจงาม......หมองหม่นพอๆกับทะเลหน้าฝน....ทุกคราครั้งที่คิด........
ทะเลตรงหน้า.....คือเพื่อนแท้ของชีวิต...
หล่อเลี้ยงทุกผู้คน...บนเกาะนี้..มายาวนาน.......
เป็นดังผู้ให้...ที่มิเคยทวงถาม............
เป็นที่ที่...งาม...ใช้ระบาย..ทุกข์...สุข..ทุกคืนวัน.........

มาวันนี้.....บางครั้ง....ราวใจสัมผัสได้.....
ทะเลเพื่อนรักของงามครวญคร่ำ....รำพัน..ตัดพ้อ..ต่อว่า....
ต่อทุกสิ่ง...ที่มนุษย์ได้ทำลาย......
ไร้สิ้นรัก..แม้กับความงามงด....หมดจดใจ......ไร้ไยดี.........

แม้งาม.....จะทำอะไรดั่งใจ...มิได้มาก..กับเกาะของงาม...
แต่..งามก็ตระหนักถึงหน้าที่ของตัวเอง...
ที่เป็น..ดั่งหนึ่งเม็ดทรายของผืนดินเกิด....

งามได้แต่กระซิบสัญญาบอกกับเกลียวคลื่น...ให้เห่กล่อม....
ปลอบใจทะเลว่า...งามจะไม่หนีไปไหน...
จะดูแล..ห่วงใย...จนกว่าชีวีนี้จะสิ้น....
เพื่อให้......

เกาะพะงันงาม..เหมือนดังชื่อ....พะงันงาม....ของลูกผู้หญิงคนนี้..
ที่แสนภาคภูมิใจ....ยิ่งนัก...แล้ว 
 

				
6 มีนาคม 2547 00:39 น.

ร้องไห้กับเดือน!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4590
ร้องไห้กับเดือน คัมภีร์ แสงทอง : : Key C 
**********
มองดูเดือน
เหมือนเตือน ให้ใจคิดถึง
ที่รักรักจ๋า หนุ่มนารำพึง
คิดถึง นงคราญบ้านนา
พอไกลลืมกัน
สาบาน ก็ลืมสัญญา
ปล่อยให้หลง คอยท่า
ลับลาไม่กลับแม้เงา
เคยเคลียคลอ
พนอ เดินเล่นกับน้อง
ครั้งเมื่องาน
เดือนเพ็ญสิบสอง
เมื่อตอนลมล่องข้าวเบา
เพื่อนฮาเราเฮ
สรวลเสรักกันหนุ่มสาว
อุ่นไอรัก รวงข้าว
โถเจ้า ไม่น่าหน่ายหนี
พอเดือนแรม
รักก็แรมร้างเลื่อน
โถดาวขาดเดือน
ฉันก็เพื่อนไม่มี
แต่เดือนยังมา
ให้ดาวเห็นหน้าทุกที
แต่คนรักข้าซิ
เป็นปี มิเคยเห็นหน้า
คงมีใคร
เขาคอยเอาใจเก่งนัก
เจ้าถึงลืม ลืมชายที่รัก
ให้คอย เหงาหงอยอยู่นา
ยิ่งมองดูเดือน
เหมือนเตือนให้ใจผวา
ยิ่งคืนนี้ เดือนจ้า
ฉันมาร้องไห้กับเดือน

พอเดือนแรม
รักก็แรมร้างเลื่อน
โถดาวขาดเดือน
ฉันก็เพื่อนไม่มี
แต่เดือนยังมา
ให้ดาวเห็นหน้าทุกที
แต่คนรักข้าซิ
เป็นปี มิเคยเห็นหน้า
คงมีใคร
เขาคอยเอาใจเก่งนัก
เจ้าถึงลืม ลืมชายที่รัก
ให้คอย เหงาหงอยอยู่นา
ยิ่งมองดูเดือน
เหมือนเตือนให้ใจผวา
ยิ่งคืนนี้ เดือนจ้า
ฉันมาร้องไห้กับเดือน...
**********



ผมกำลังคิดถึงใครบางคนสุดหัวใจ..ในนาทีนี้
นาทีที่..หัวใจผมกำลังดายเดียวสุดทน
กับบทเพลงเศร้า...บทเพลงฝัน
ที่กำลังบรรเลงกระหน่ำตอกย้ำใจ
ให้แสนโหยหาเหว่ว้าใจในคะนึงครวญ

ที่หวานแว่วแผ่วลอยลมมากับฟ้ากว้าง
ทางช้างเผือก
ผ่านเรียวรุ้งสีทองอันอ่อนหวาน
ผ่านม่านเมฆ..นุ่มละมุนประหนึ่งสายไหม
ผ่านทิวเขาเสียดฟ้าไกล
ผ่านพงไพรรกโตรกธาร
ห้วยละหานหอม..
ผ่านพวงพะยอมชูช่อชัน ไกวกิ่งฝัน
ในเรื่อรางยามอุษาสาง
พร่างหยาดละออละอองน้ำค้าง

กับอ้างว้างเหว่ว้าของผาสูงโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงานัก..
กับนกไพรนกทะเลที่กำลังติดปีกโผผินบินเสรี..
และกับราตรีนี้ที่
ผมกำลังร้องไห้กับเดือน..
หลั่งน้ำตากับดาวอย่างมิอายฟ้าดินสิ้นโลกหล้า

กับเดือนดวงงาม
ที่ใบโตเท่ากระด้งฝัดข้าวงามอะคร้าว
ค่อยๆสลัดร่างนวลสล้างค่อยค่อยคลี่หวาน
โผล่พ้นผืนน้ำทะเลขึ้นมา
กลางโค้งอ่าวอย่างช้าช้า..ช้าช้า..
ในท่ามกลางราตรีสีเงินยวง..พร่าง
งามจนมิอาจจะพรรณาได้หมดจด..รจนาได้หมดสิ้นใจ
ไฉนเลย..ฉะนี้หนอ..


ผมกำลังนอนนับดาว
บนระเบียงกระท่อมเหนือเนินผา
ดาวระฟ้าระดะดวงสุกปลั่ง
กำลังทอแสงนวลใยกระจ่างใจ
กระจ่างฟ้ากระจ่างตา..

งามจนคิดถึงคำพรรณาของพุดพัดชา
ในทุกเรื่องราวทุกฉากตอน
ที่เธอเคยอ้อนอิงอาลัย
เคล้าบทเพลงหวามไหวไหวหวานในหัวใจ
และ...

กับบทรำพึงรำพันฝากฝันฝากใจ
ไปกับงามจันทร์งามใจในทุกที่
ที่สายตาพาสายใจสายใยรัก รัดรึงเธอ
ให้ร้อยรักถักถ้อยเป็นสร้อยโซ่อักษราภาษาใจ
ภาษาจิตวิญญาณ
มากำนัลทุกดวงใจในร่มรักเรือนไทยแห่งนี้
ที่มีรักมิรู้สิ้นรู้จบ
และ
ราวกับบทรจนาแสนงามนั้น
วิ่งมาลอยวนในสมองของผม..นะบัดนี้
มิพรากลามิพรากหายไปไหน..
*****

งามจันทร์จากเกาะแสนงาม
ที่ราวไข่มุกแห่งท้องทะเลใต้...
*เกาะสวาทหาดสวรรค์*
ที่ยามแสงจันทร์แสงเงินสาดส่องตกต้องผืนน้ำทะเล
จะทอแสงระยับระยิบ
จับสะท้อนราวเกล็ดเพชรพร่างพราย..ทาบทองทาทั่ว
และจากงาน
งามจันทร์จากท้องทุ่งนายามรานร้าวดายเดียว
ในทะเลทองงอนรวงเรียวผ่องผุด
ราวผืนผ้าไหมระบัดริ้ว
ปลิวคลี่พรายพรมห่มใจให้หอมหอมนวลนวล

เธอ..ผู้รักเดือนรักดาวรักงามอะคร้าว
ของมวลสรรพสิ่งแห่งธรรมชาติแสนงาม
ไม่ว่าในทุกโมงยามที่ไหนแห่งชีวี

เธอ..คนที่มองแผก
เห็นมิติลึกล้ำดำดื่มแทบถึงก้นบึ้งของทุกสิ่ง
แห่งทุกงามทุกนิยามไพรทุกนิยามใจ
นิยามรักภักดี..สิเหน่หาสวาทหวังวาย..
คล้ายบทเรียนสอนใจผ่านงามงานหวานไหวรินพร่าง
ลงกลางใจ..ทุกดวง..

ผมกำลังได้กลิ่นหอมหลอมละลายใจ
จากลั่นทมชูช่อฝัน
ที่ชูช่อชันจากแง่งหินงาม
รับสายแสงจันทรา
ที่กำลังหยาดหวานปานประหนึ่งหยาดน้ำผึ้งรวง
เลยล่วงรอรับบ่วงสิเหน่หาสวาทวาย
คล้ายรอใครบางคนชั่วชีวาชีวิต
*************

และ
ในความเหงาล้ำรำพันรำพึง
แปลกดี
ที่ผมกลับกำลังมีความสุขที่สุดในราตรีนี้..เฉกกัน


ราตรี
ที่ผมพบว่าอนันต์ค่าเหนือสิ่งใดในเวิ้งกาล..
คืองาม เงียบ สงบ 
ยามผมนอนนับดาวเหนือกระท่อมเนินผา

ให้กลิ่นลั่นทมเหว่ว้าดวงดารานับร้อยพันพร่างพรม
ห่มหอมดับหนาวให้ร่างผมในราตรี..นี้
แทนที่เธอ..คนดีที่ผมแสนรักแสนดี..

คืนที่..
เสียงสะอื้นร่ำไห้อย่างมิอายฟ้าดินของผม
กำลังก้องกังวานมิรู้สิ้นในดวงใจของลูกผู้ชายหัวใจทรนง!
***********


พุดพัดชารจนาเรื่องนี้
ในราตรีที่ลั่นทมชมพูหวานเศร้า
กำลังเคล้าคลุกใจกับบทเพลงบรรเลงและ
เพลง*ร้องไห้กับเดือน*กำลังครวญคร่ำรำพันรำพึง
ให้หัวใจดวงซึ้งของพุดพัดชา..
ถอดใจคืนหลังยังเกาะแห่งมหัศจรรย์รัก
*เกาะสวาทหาดสวรรค์*
เหนือเนินผา ที่ดาวระดะดวง
เดือนดวงโตสุกปลั่งกำลังพร่างหวาน
รจนาสด..สดนาทีนี้
และหวังจะกลับมาแก้อีกทีราตรีหน้า
เพราะว่าหัวใจไหวอ่อนล้าเหลือเกินแล้วค่ะ
ด้วยแรงรักแรงคิดถึงดวงใจทุกดวงนะคะ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
ด้วยรักล้นใจพอกับจันทร์ใจเต็มดวงค่ะ
ฝันดีค่ะ



http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_32828.php
ขอฝากคำมั่นสัญญา..แห่งรักภาคแรก
ให้ทุกดวงใจในร่มรักเรือนไทย
อ่านเอาอิ่มในวันหยุดอีกครานะคะ
*************
เรือเฟอรี่ลำใหญ่...วิ่งฝ่าทะเลเงิน..งามเข้ม..
จนเกิดฟองคลื่นขาวนวล..กระจายรายรอบลำเรือ...
รัศมีฟองฝอย..ริ้วรายพรายพร่าง..
แผ่วงคลี่คลุมผืนน้ำจรดฟ้า..แลเวิ้งว่าง..กว้างไกลสุดตา....

ยามเย็น..อาทิตย์ดวงโตสีส้มสุก..ใบใหญ่เท่ากระด้ง..ใกล้ลาลับฟ้า....
แตะต้อง..ทายทักทะเล..อย่างอ่อนโยน..
นิ่มนวล..รู้ใจ..ร่ำลา..อ้อยอิ่ง..ทิ้งแสงสวย............

เบื้องบนนภา..รัศมีสีรุ้ง..ฉายฉาน..ส้ม..ปนเหลือง..
แสดแดงแรงร้อน..เริ่มราโรย..ในม่านเมฆ........
ซ่อนละมุนอุ่นไอ..กลมกลืน..ในพยัพหมอกบางเบา..นวลนุ่ม..
ดุจสายไหมหลากสี..สลับเลื่อมซ่อนลาย

คล้ายดั่ง..วิมานเมฆ..
ดังทิพย์สวรรค์ลอยเลื่อนจากฟ้า..มาแตะต้องโลก.........
ทายทัก..พักสายตา..พาสายใจไหลหลง..สัมผัสแลงาม..
.ตะลึงใจ..ตะไลฝันกับงามล้ำของม่านเมฆ..มนต์ขลัง
เสน่ห์ทะเลไทย.....
ตรึงดวงใจทุกดวง...ดื่มด่ำบนดาดฟ้าเรือ.....
ยามสนธยา..ใกล้ราตรีมาเยือนแย้ม........

ดวง..ยืนนิ่ง.....เงียบงัน.....
ลมทะเล..ปะทะหน้าเย็นชื่น....
ทุกนาทีมีค่า..ราวแลโลกไร้กังวล..ใดใด.....
ด้วยใจอิ่มเอิบสงบงาม.........
ความสุข..ค่อยๆลอยเลื่อน..แตะต้องเข้ามา..รานรุก..
ให้เงียบเหงา..หายไปจากใจ.... อย่างเงียบๆช้าๆ.....
น่าไหลหลง....ซาบซึ้ง........

ทุกครั้ง..ที่กลับบ้านเกิด...ทุกครา..ที่ใกล้....แผ่นดินเข้ามา..
เปรียบดังมีวิมานตรงหน้า..ดวงแทบผวาลงจูบดิน.
ดั่งบทเพลง..พรานทะเลครวญคร่ำ....
และดั่งใจดวงยามนี้ที่กำลังร่ำร้องตาม...........

ดวงรู้ดี........อีกไม่นานของเสี้ยวเวลา............
ดวงกำลัง....จะได้พบ....ใครคนหนึ่ง...
ที่แสนรัก...แสนรอ....มาแสนนาน................

ดวง...ก้าวลงต่อเรือจ้างลำน้อย..อีกครั้ง..
เพื่อจะไปให้ถึง..โค้งอ่าว..ที่ไกลจากท่าเทียบเรือใหญ่.............

ราตรี.....และแสงดาวพราวฟ้างาม...ยามค่ำ....
เปล่งประกายระยิบ..ทายทักดวงเหมือนก่อนเก่า......
ราวดีใจได้พบเพื่อนคนดี..ที่ถูกคลื่นแห่งความฝัน...
พาลาจากไกลไปนานวัน...........

คืนนี้..ดวงแหงนมอง..ดูฟ้าดาราราย..
ราวล้อเลียน..แย้มยิ้ม..พริ้มเพรา..มากกว่า..หมองหม่น......
เมื่อใจดวงออกจะแสนสุข..ปานนี้.......

ในความมืดของทะเลงาม..ยามค่ำ..
พรายน้ำแตกฟองบนผืนกำมะหยี่สีหม่นมัว..........
ผิดกับใจดวง.....ที่เบิกบาน..แย้มยิ้มให้มวลหมู่ดาวพราวพรายแสง............

แสงไฟจากกระท่อม..ชายหาด..
เหนือโค้งอ่าว...ริบหรี่...วับแวม..รางเลือน.........
ใกล้เข้ามา....ใกล้เข้ามา..ทุกขณะ.......
ดวงได้ยินเสียงเพลง...หวานแว่ว....
ลอยลม..มากับมวลหมู่ดาราบนฟ้ากว้าง.....


ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร
ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้นอยู่ในใต้หล้าสุธาธาร
ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา

แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ
พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม้นเป็นบัวตัวพี่ดั่งภุมรา
เชยผกาโกสุมปทุมทอง

แม้นเป็นถ้ำอำไพใคร่เป็นหงส์
จะร่อนลงสิงสู่เป็นคู่สอง
ขอติดตามทรามสงวนแม่นวลละออง
เป็นคู่ครองพิศสวาสทุกชาติไป......


ใช่เลย.........
เพลง..ดังคำมั่นสัญญา....
ที่คุณเคยเปิดให้ดวงฟังในค่ำคืนหนึ่งที่ดาวพราวแสงสุกใส...
และให้..
น้ำตาดวง..พราวพร่างแข่งกับแสงเพชร...พราวล้ำค่า
ที่คุณหยิบขึ้นมาบรรจงสวมให้.......               
พร้อมขอ...คำมั่นสัญญา....
ให้ใจของเราสอง........
ที่รอวันนี้...... มาแสนนาน....
จนใจนิ่ง..งันเมื่อถึงนาทีนี้...ที่แสนยิ่งใหญ่.....


เรือลำน้อยใกล้ฝั่ง.....แล้ว.....
แต่ดวงยังนั่งนิ่งราวฝันไป..........แม้ว่า.......
ใจดวงจะเต้นแรง.....ด้วยแรงรัก....แรงคิดถึง...แรงเสน่หา.......

คนดีที่ดวงรักและเฝ้านับวันรอคืน.......รอ....อยู่ตรงนั้นแล้ว.........
ริมหาด...ในเงามืด......มีแค่แสงตะเกียงเจ้าพายุ.
.ส่องกระทบไหล่กว้าง...แลดูโดดเดี่ยว...ในแสงสลัวรำไร.....
คุณก้าวตรงมา....ช้าๆ......มาที่เรือลำน้อย..
ที่คุณเคยบอกว่าดวงว่า....                                                               
วันหนึ่ง.....จะพาดวงใจดวงนี้ของคุณกลับมา.....
ยังฝั่งฝันของเรา....ตาม....คำมั่นสัญญา.....

คุณไม่พะวงกับน้ำทะเลที่ซัดสาด......
ก้าวลงมา..พร้อมรอยยิ้มอบอุ่น....เปิดกว้าง.......
ที่รัก....คุณยื่นแขน..
และมืออันแข็งแรงตระกองกอดดวงเต็มอ้อมแขน..อ้อมใจ..อบอุ่น....
จูบแรก..อย่างหนักหน่วง..รุนแรง..ร้อนรน...ราวจะให้แหลกราญ........
ลืมโลก..ลืมน้ำทะเล..ที่กำลังทำให้คุณเปียกโชก......


เรือน้อยตะแคง..
ด้วยแรงแห่งรัก..แรงคิดถึง..แรงฤทธิ์พิษสวาท..ของเราสอง......
ร่างคุณ..และร่างดวงร่วงสู่อ้อมแขนกลางทะเลรัก....ทะเลใจ..
ที่เป็นพยาน..........
เสื้อบางเบา...เปียกแนบเนื้อ..นวลนุ่ม.......
แต่นาทีนี้...ดวงไม่รู้หนาว........
รู้แต่ร้อน..ด้วยรัก..และแรงลมหายใจเป่ารด..
ให้ร้อนรุ่ม..ดั่งโลกนี้จะหยุดหมุน........

เหนือกาลเวลา.....และดั่ง......คำมั่นสัญญา......
ว่าเรา...จะไม่พรากจากกันอีก.....
นับเนื่องจากนาทีนี้เป็นต้นไป.............
 
 
 
 
				
4 มีนาคม 2547 13:53 น.

คำมั่นสัญญา

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=480

ระหว่างเรา...
มีบทเพลงฝันบรรเลงแทนคิดถึง
มีคำซึ้งซุกซ่อนไว้คล้ายมิเผย
ระหว่างเราไม่จำเป็นต้องภิเปรย
แม้นิ่งเฉยก็หวานซึ้งลึกล้ำนัก

ระหว่างเรา...
แปลกกว่าเขาแปลกกว่าใครใจแน่นหนัก
เป็นความฝันภักดีมหัศจรรย์รัก
สวรรค์ทักสวรรค์วอนออดอ้อนใจ

ระหว่างเรา
ไม่ว่าเขาอีกคนอยู่หนไหน
กลางทะเลเหว่ว้าป่าพงไพร
เงาดวงใจใครอีกคนก็วนวาง

ระหว่างเรา
จะภูเขาแผ่นฟ้าทะเลกว้าง
ไม่มีเลยสิ่งใดจะกั้นกลาง
กว้างกว่ากว้างไกลกว่าไกลใจรวมกัน

ระหว่างเรา
แม้นเงียบเหงาอ้างว้างเส้นทางฝัน
เส้นทางใจไม่เคยเลยพรากกัน
ทั้งโลกฝันโลกใจมิไกลกัน

ระหว่างเรา
มีเดือนเหงาดาวเดียวเกี่ยวใจขวัญ
ดาวประจำเมืองเรืองรุ่งคู่ชีวัน
เป็นดาวขวัญดาวใจไปชั่วกาล

***********


และขอมอบเรื่องรักหวานให้ดวงใจอ่านในวันหยุดนะคะ

*************
แทน.ดำผุดดำว่ายกลางทะเลสวยใสสีมรกต 
ราวแผ่นกระจกใสเรียบ 
เขาโผล่ขึ้นมา 
ยืดร่างที่มีพราวน้ำจับตามแผงอกและลำตัว..
ย้อนแสงสนธยา สะท้อนจับร่าง
จนผิวกลายเป็นสีทองแดงเลื่อมพรายพราว..  

แทน..มาที่นี่มัลดีฟส์ 
ที่มีเกาะลังกันสวรรค์กลางมหาสมุทรอินเดีย 
เป็นเกาะเล็กๆ 
ที่ใช้เวลาเดินได้รอบเกาะภายในหนึ่งชั่วโมง 
มีชายหาดและทะเลที่นับว่าสวยที่สุด ติดอันดับโลก.. 

เพราะพื้นที่มีน้อย 
เขาจึงคิดสร้างบ้านพักให้อยู่ในน้ำทะเล
และมีวิธีการเดินท่อดี ท่อน้ำเสีย บ่อพักน้ำได้แยบยลมาก 
เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นรีสอร์ทแห่งแรก 
ที่ดีไซน์ราวบ้านของโรบินสันครูโซ มีทั้งหมดเจ็ดหลัง
ที่เป็นห้องพักแบบสวีท 

ไม่มีสะพานทอดจากฝั่งไปถึง 
และระหว่างบ้าน
ก็ไม่มีสะพานเชื่อมต่อกันเสียอีก 
เสนอความเป็นส่วนตัวอย่างที่สุดใ
ให้ผู้มาพัก เพื่อใช้ชีวิตสองต่อสองอย่างโดดเดี่ยว 
แต่ไม่ดายเดียวกลางทะเล อยากจะไปไหน ก็ใช้เรือบดเอา..  

แทน..ชอบห้องน้ำ
ที่มีอ่างน้ำริมหน้าต่าง มองเห็นทะเลสุดลูกหูลูกตา
และแสนจะเซ็กซี่ เร้าอารมณ์ 
เมื่อผนังเป็นกลาสบล้อก 
จะเห็นร่างงามเย้ายวน เป็นเงารางเลือน..
ยามใครบางคนอาบน้ำ..  

แทน...จึงตัดสินใจเลือกที่นี่ 
บรรยากาศหวานฉ่ำขนาดนี้ 
มากับ..ผู้หญิงคนดีที่เขาแสนรัก 
และคิดว่าแสนโชคดีที่สุดในโลก..
ที่ได้ชิดใกล้ครอบครองเป็นเจ้าของทุกตารางนิ้วในตัวเธอ  
ได้มองภาพเธอ ตรงหน้า..ราวภาพฝัน..

ผู้หญิงที่กำลังสวมชุดบิกีนี่สีเงินวะวาววับ รับกับผิวเนียนละมุนสีงาช้าง 
ที่บัดนี้ถูกแสงอาทิตย์ยามอัสดงโลมร่างจนเป็นสีแทนดั่งทองทา 

เธอ..จมอยู่ในภวังค์ฝัน..
กับผืนน้ำทะเลที่สวยสุดใจ 
ที่คงไม่มีที่ไหนอีกแล้วในโลก.. 

ที่มีทั้งสีฟ้าอ่อน ฟ้าสด 
ฟ้าเทอร์ควอยซ์ เขียวมรกต น้ำเงินเข้ม 
ที่ทั้งหมดไล่เฉดสีกันอย่างสนุกสนาน บานเบิกใจ..

และในไม่ช้าจะถึงเวลายามสายัณน์ตะวันรอน
ที่พระอาทิตย์จะลาลับฟ้า..
พาให้ทุกดวงใจ ต้องนิ่งงันราวต้องมนต์สะกด..
กับฉากจริงตรงหน้าที่ราวกับว่าฝันไป!  

แทน..เหนี่ยวตัวขึ้นมาจนถึงบันได
ที่ทอดรับกับห้องพักกลางทะเลสวยใสนี้.. 
โอบตระกองไปเบื้องหลังไหล่สล้างละมุน..
จุมพิตเบาเบาริมแก้ม..เรียวปาก 
และทรุดตัวลงนั่งเคียงข้าง..
กุมมือกันไว้เงียบเงียบ.. 
สองดวงใจดื่มด่ำ..กับทะเลฝันตรงหน้า 

พระอาทิตย์กำลังโรยตัวช้าช้า 
แตะแต้มผืนน้ำ อ้อยอิ่ง
และทิ้งแสงสวยสีทองฝากร่ำลา สะท้อนวะวับวาว 
ราวเกล็ดเพชรทาทาบ..จับผืนน้ำ..  

แทน...หันมาสบตา 
ยิ้มหวานนิ่งนานกับหญิงสาวตรงหน้า 
ใช้สองมือประคองใบหน้า นุ่มละมุนเบามือ 
ให้เงยแหงนรับจูบดื่มด่ำ..เนิ่นนานอ้อยอิ่ง..โลมไล้นุ่มลึก.. 
จูบหวานเริ่มรานรุกล้ำลึก รุนแรง จริงใจ จากใจ... 
จนโลกสวยใส ทะเลกว้างตรงหน้า สงบงัน ด้วยอิจฉา 

และทายท้าให้โลกแห่งความจริงหยุดหมุนชั่วขณะ

ราวสวรรค์ลอยเลื่อน..  
หญิงสาวกระซิบบอก..... 
ขอโรสแมรี่สองที่ดีไหมคะ?
จูบเราจะได้หวานกว่านี้.. 
ไม่อาว..คุณก็รู้นี่นา 
จูบผมหวานกว่าไวน์ซะอีกนะ นะ
และคุณก็รู้นี่นา..
ผมจะหลับทันที่ถ้าหากมีแอลกอฮอล์ ในตัวผม.. 
เอาไหมละ! คืนนี้..คุณจะได้ดายเดียว..

แทนยิ้มล้อ..หัวเราะทำตาเจ้าเล่ห์เสน่หาใส่!
ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่า 
เราจะมีวันสุขแสนดีอย่างนี้ด้วยกันนะคะ 

แทน....สบตาอีกคราครั้ง
โน้มตัวไปจูบเคลียแก้ม 
ไล้ไปตามซอกหูซุกซน 
และหยุดนิ่งที่ริมฝีปากช่างเจรจา.. 
มาเลิกพูดดีกว่า..มามะมานั่งบนตักผมนี่..

ผมมีอะไรจะกระซิบให้คุณฟัง..นะ 
*คนดีถ้าผมจะบอกว่าคุณคือผู้หญิง
ที่ผมตามหามาตลอดชีวิตใฝ่หามาตลอดชีวิต
และเป็นสนิทเดียวกับจิตวิญญาณของผม

ผมยอมพลี 
เพื่อให้ได้คุณมาแนบข้างในวันนี้ นาทีนี้! 
ที่ผมรู้ว่ามีค่าสูงสุดเหนือสิ่งใด 
ในชีวิตนี้ ที่ผมรอคอยมาแสนนาน.
 และผมรู้ว่าตราบวันตายของเสองเรา
ผมจะไม่เหงาใจและดายเดียวอีกต่อไป!

ที่รักคะ....
ฉันก็มีอะไรจะบอกคุณมากกว่านั้นนะคะ 
สิ่งที่ดีที่สุด มีค่าที่สุดในชีวิตคนเรา
ก็คือมิตรภาพอันบริสุทธิ์และจริงใจต่อกัน 
ผ่านคืนและวันนานเนิ่น.. 

ในความรัก ความเข้าใจกันนั้น
ต้องอาศัยเดิมพันใจ ..
ที่หนักแน่นมั่นคง รู้อดทน กลืนกล้ำ รอคอย....
มิท้อแท้ยอมแพ้พ่าย.. 
แม้บางครั้งบางคน..
อาจจะไม่มีวันโชคดี
ได้พบจุดจบแบบวันนี้เหมือนอย่างเรา.. 
แต่เขาทั้งสองก็จะภาคภูมิใจ 
ในหัวใจอันเด็ดเดี่ยวมั่นคงจงรัก..
ที่จักไม่มีวันตาย! 

คนเรา
มิได้เกิดมาเพียงภพเดียวชาติเดียว..จริงไหมคะ?
แล้วจะท้อใจไปไยเล่า จริงไหม
กับรักนี้ที่ต้องรอคอย..
แม้จะนานแสนนาน
สักเพียงใดหากใจเรายังมิมอดหวัง!

เอาเถอะนะ..
สำหรับเรายังโชคดี ที่ฟ้าปรานีเห็นใจในที่สุด... 

คนดี...
ฉันมีอะไรจะกระซิบนะคะอีกอย่างนึงค่ะ.. 
หญิงสาวเอนตัวลงบนตักกว้าง 
สองมือประสานโอบรอบคอ และโน้มลงมา
เพื่อดอมดมพรมจูบริมหูริมแก้มสากๆกับคางหอมละมุน..
และกระซิบคำหวานบอกเบาๆ .............

(ให้ผู้อ่านทุกท่านเดาเอาเอง
และเติมตามใจตามจินตนาการหวานๆที่ชอบค่ะ)
ด้วยรักนะคะ  



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=480
 คำมั่นสัญญา   
พิ้งค์ แพนเตอร์ : : Key F  
ถึง ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร
ไม่ สิ้นสุด ความรัก สมัครสมาน
แม้ อยู่ใน ใต้หล้า สุธาธาร
ขอ พบพาน พิศวาส ไม่คลาดครา
แม้น เนื้อเย็น เป็นห้วง
มหรรณพ
พี่ ขอพบ ศรีสวัสดิ์ เป็นมัจฉา
แม้ เป็นบัว ตัวพี่ เป็นภุมรา
เชย ผกา โกสุม ปทุมทอง
แม้ เป็นถ้ำ อำไพ
ใคร่เป็นหงษ์
จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง
ขอ ติดตาม ทรามสงวน
นวลละออง
เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป

แม้ เป็นถ้ำ อำไพ
ใคร่เป็นหงษ์
จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง
ขอ ติดตาม ทรามสงวน
นวลละออง
เป็น คู่ครอง พิศวาส
ทุกชาติไป... 



				
3 มีนาคม 2547 22:44 น.

มาฆบูขาน้อมดวงใจให้ใสเย็น

พุด



พระจันทร์ วันมาฆบูชาบานเต็มดวง 
เหลืองทอง สุกปลั่ง ค่อยๆลอยเรี่ยทายทักฟ้างาม 
ในยามค่ำ อย่างอ่อนโยน นุ่มนวล..... 
แสงจันทร์งามละออ หวานปานสายน้ำผึ้ง 
ราวจะหยาดลงมาประโลมใจทุกๆคนบนผืนโลก 
ให้เยือกเย็น งดงาม หวานฉ่ำพอกันกับจันทรเจ้า.... 

แสงเทียน ในมือ เสียงธรรม 
ก้องสองหู จากเสียงสวดของพระสงฆ์...
ขณะ ก้าวเดินอย่างช้าๆ.... ไปรอบโบสถ์งาม..... 
ตามกันไป ในเส้นทาง 
ของพระพุทธองค์ ผู้ทรงนำทาง ก่อนหน้า 
พาใจให้บานเบิก 
ราวบัวชูช่อรอรับ แสง อรุณรุ่ง...
แห่งชีวิตนี้ที่ค่อยๆสว่างไสว...
ไปกับตะวันเปล่งแสงเจิดจ้า 
จนกว่ายามสนธยา จะมาเยือน....และ 
จนกว่าแสงแห่งชีวีนี้ 
ที่จะเลือนหาย ไปกับสายลม ในยามค่ำ 

กลิ่นพิกุล หอมเศร้า
เคล้าแสงเทียน วับแวม 
พิกุลร่วงพรูพราว รอคนรู้ค่า
นำมาร้อยเป็นมาลัยหอมงาม ไว้ดอมดมชมชื่นใจ 

ประเพณีไทย ประเพณีงาม 
ในยามค่ำนี้ 
วันแสนดีของพุทธศาสนิกชน 
วันเพ็ญเดือนสาม
ที่พระอรหันต์เอหิภิกขุ
จำนวนหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบรูป
มารวมกันที่เวฬุวนาราม
อย่างพร้อมเพรียงกัน
โดยมิได้นัดหนมายกันมาก่อน
และพระพุทธองค์
ได้ทรงแสดงธรรมโอวาทปาฎิโมกข์
เรียกว่าจาตุรงคสันนิบาต
ให้พุทธศาสนิกชน
ได้หลุดพ้นจากการเวียนว่าย 
ในวัฏสงสาร ยาวนาน มิรู้สิ้น 

เช้า..ตักบาตร ฟังธรรม 
น้อมนำใจ ให้ใสเย็น 
ตั้งจิตอธิษฐาน กราบกราน 
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 
ให้ได้พบแสงธรรมนำทางทุกๆชาติไป 
ถ้ายังไม่หลุดพ้น ต้องเวียนวนมาเกิดชดใช้กรรม 

ค่ำ..เวียนเทียน 
นำดอกไม้ ธูปเทียน 
เป็นมาลัยแทนใจ 
แทนความดี ที่ศรัทธา น้อมบูชา 
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า..
ผู้นำทาง สว่างไสว มาสู่ใจนี้ ที่ยังไม่มืดบอด.. 
อธิษฐานเพิ่ม เติมต่อ 
ขอให้สุขภาพดี มีคนดี 
ที่มีใจรักมั่นคง มาเคียงครอง คุ้มผองภัย 
หวังสิ่งใด ก็ขอให้สมหวัง ถ้าเป็นสิ่งดี ที่คิดปอง 

กลับบ้าน 
มานอนดูพระจันทร์ 
ด้วยฝันเห่กล่อม 
ในอ้อมแขนของดาวเดือนเพื่อนผู้รู้ใจ ให้ไม่ว้าเหว่....
นอนฟังเสียงลม เสียงจิ้งหรีดเรไร..ในความงามเงียบ 
แกล้มกลิ่นหวานเศร้า หอมร่ำรวยริน กลิ่นดอกลั่นทม 

จันทร์ดวงงาม ใจดวงดี 
ไม่มีอะไรสุขเท่า 
ขอเพียงคิดเป็น 
ให้ธรรมชาติร่มเย็น หยิบยื่น 
ขุมทรัพย์ล้ำค่ามาสู่สายใจ 
ในทุกวันเวลา ถ้าเพียงรู้คำว่า..เปิดใจ.. 

ฝากสายลมยามค่ำ ไปกอดเธอ 
ฝากมวลหมู่ดาว พราวพร่างฟ้า 
ยามราตรีนี้ 
กระซิบบอกว่า 

อย่าร้องไห้นะคนดี ที่คิดถึงฉัน 
ฝากแสงจันทร์ โลมไล้ ดวงใจให้ไม่สิ้นหวัง 
โลกและคืนวัน แสนดี ยังมีอีกยาวนานนัก.. 
และทุกสิ่งจัก..แพ้พ่ายใจ ดวงดีที่มั่นคง 
ไม่ว่าจะรอนานสักเท่าใด 
ขอเพียงอย่าหวั่นไหว ในรักนี้ของสองเรา 

				
3 มีนาคม 2547 22:02 น.

จงรัก..

พุด


จงรัก! พุดพัดชา 
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4
***********

สนธยาพาดวงใจไหวรับอารมณ์ป่า
ดายเดียวเหว่ว้ากับดงดอกหญ้าไหว
กับลมพัดบางเบาชื่นฉ่ำใจ
กับจั๊กจั่นไพรร้องลั่นฝันเศร้าตรม

กระซิบเรียกนกไพรต้นไม้และก้อนหิน
กอดผืนดินหอมหอมหลอมร่างห่ม
เมฆบนฟ้าโลมไล้ลืมระทม
พร่างสายลมเพรียกหาว่าพลีใจ...

ดวงตะวันเต้นระยับอยู่ตรงหน้า
เส้นขอบฟ้าสั่นพลิ้วระริกไหว
ป่ารอบกายเงียบสงัดทั้งราวไพร
ฝากดวงใจกับดาราว่ารักนัก

ฝากจุมพิตอ้อยอิ่งนิ่งนานหวานและเศร้า
คลึงเคลียเคล้ากลีบดอกไม้ร่ายมนต์รัก
คนดีเอ๋ยเชยชมใจไม่พลีภักดิ์
เดือนรอรักดาวรอร่วงทวงถามใจ..

ระลอกคลื่นสีทองพลิ้วไหวกลางใจฝัน
ดวงตะวันจมผืนน้ำกระจายไหว
รัศมีทองทอดหวานเรืองรำไร
จันทร์ทอใจโอบผืนฟ้าสายันณ์รอน..

เมฆอ้อนฟ้าว่าอย่าเขลาหลงเงาฝัน
คืนและวันผ่านมาบทเรียนสอน
เรียนรู้รักรู้โลกทุกฉากตอน
วางอาวรณ์หยุดเหว่ว้ารอท่าใคร..

ฉีกกระชากหัวใจอย่าไหวเพ้อ
อย่าละเมอหลงฝันจนหวั่นไหว
ขาดน้ำเลี้ยงน้ำรักรินรดใจ
ดอกรักไหนจะแตกช่อรอเพียงลม..

ป่าผลัดใบใจผลัดรักหนักคาอก
ค่อยค่อยยกค่อยค่อยวางอ้างว้างขม
ลืมตาตื่นเลิกพ้อรอระทม
ซุกใจตรมซุกร่างตรอม.ยอมพรากลา!

*********


ดงดอกหญ้าไสวใกล้เนินผา..
ท้าดวงใจฝันฝัน
กับพรายตะวันรอนรอน
กำลังออดอ้อนอำลาผืนน้ำ..อย่างรักใคร่..

กับเรียวคลื่นสะออนอ้อนซัดฝั่งระริกระริน
ที่บางครั้งม้วนตัวกระแทกหินระรินร่ำซัดทรายซ่าๆ

เรือหาปลาแรมรอน
ออกจากฝั่งมุ่งสู่ท้องทะเลกว้าง..ห่างออกไปทุกทุกที
ในเงางามเงียบนึกลึกล้ำ
กับบทเรียนงามล้ำ
ภาพตะวันลา...
กับเรียวตาเศร้า
เคล้าหยาดละอองน้ำตาพร่างรินริมเรียวแก้ม

ให้เรียนรู้รัก รู้รำงับ รู้หักใจ 
รู้ปล่อยวาง ว่างใจ สงบสยบ
ความไหวหวั่น ลืม ลบ ฝัน...
ดุจธรรมชาติชีวิต
ที่ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน

มีมืดแล้วสว่าง 
มีหวานแล้วมีขม
มีระทมและทุกข์
มีสุขแล้วร่าเริงยินดี
มีทุกสิ่งแสนดี
และ
แสนงามแสนสมหวังดั่งใจ
แล้ว
วันหนึ่งก็ไม่มีแม้ร่างเรา..

เป็นวัฎฎจักรรักอาณาจักรใจ..
ที่ว่ายวนไม่พ้นกรรม

แต่..ตราบใดที่ยังมีดวงตะวันจันทรา
อย่าหมดไฟฝันสรรสร้างงามคืนกลับโลก
ก่อนผืนดินโศกจะกลบร่าง
และ
ผืนแผ่นน้ำจะรับดวงวิญญาณเรา
เป็นวิถีธรรม วิถีธรรมชาติ
จงฉลาดรักฉลาดวาง ว่างและใช้ชีวิตลิขิตฝัน
หวังสักวันจะบรรจบกับเส้นทางสายงาม
แม้นจะใช้เวลานานแสน..อย่าท้อเลย..นะคนดี!


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4
  จงรัก   
ศรีไศล สุชาติวุฒิ : : Key F  
โปรด อย่าถาม ว่าฉันเป็นใคร
เมื่อในอดีตและโปรด อย่าถาม 
ว่าอดีต ฉันเคย รักใคร
รู้ไว้อย่างเดียว เดี๋ยวนี้รักเธอ
และรักตลอดไป รักมากเพียงไหน 
กำหนดวัดได้ เท่าดวงใจฉัน
อย่า เพียรถาม ว่าฉันจะรัก 
เธอนานเท่าใดฉันตอบไม่ได้ 
ว่าฉันจะรัก ชั่วกาล นิรันดร์
เพราะชี วิตฉัน คงไม่ยืนยาว
ไปถึงปานนั้นรู้แต่เพียงฉัน 
หมดสิ้นรักเธอเมื่อ ฉันหมดลม

อย่า เพียรถาม ว่าฉันจะรัก
เธอนานเท่าใดฉันตอบไม่ได้ 
ว่าฉันจะรัก ชั่วกาล นิรันดร์
เพราะชี วิตฉัน คงไม่ยืนยาว
ไปถึงปานนั้นรู้แต่เพียงฉัน 
หมดสิ้นรักเธอเมื่อ ฉันหมดลม... 



				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด