25 มีนาคม 2547 23:06 น.

ผมชื่อมังกร!

พุด


URLhttp://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=200
(ในฝัน)

แด่มังกรนิทราด้วยรัก

ผม..ชื่อมังกร กำลังนอนนับดาวสุกใส
เต็มอ้อมใจเต็มอ้อมฟ้าเต็มอ้อมฝัน
กับสุนัขพันธุ์บาวาเรียนตัวโต 
หมอบพิทักษ์ราวองครักษ์ผู้ภักดี ที่ชื่อเจ้าผักกาด

ที่มิเคยหวาดกลัวภัยใด 
และมิหวั่นไหวจะพร้อมพลีชีวีเพื่อเจ้านาย..

กับพรายพระจันทร์หยาดสายหวานหว่านแสงสวย
ริมฝั่งฝัน ทะเลงาม
กลางเกาะมหัศจรรย์รักมหัศจรรย์ใจ
*ไข่มุกกลางอ่าวไทย*  
ไกลผืนแผ่นดินใหญ่หลายร้อยไมล์เลยทีเดียว


ในความเงียบเหงางาม อันแสนว่างเปล่า 
ที่มีเพียงเงาดาวและพรายเดือนสาดส่องประดุจดั่งเพื่อนใจ
หัวใจดวงดีดวงใสของผมก็แสนสุข สงบล้ำ เกินรำพันรำพึงแล้ว

ผมคิดและตัดสินใจไม่ผิด
ที่ยอมหันหลังลาหวังเลิกฝันหวาน
ที่มาพร้อมกับอาการเหนื่อยเหน็ดแบบสังคมเมืองมายา

ลาโลกแห่งแสงสีทิ้งโลกวายวุ่นของผู้คนที่ต่างพากัน
เดินตามตามกันไป ในเส้นทางสายโศกสายโลกย์ที่แสนคราคร่ำ
และกำลังกระหน่ำกันไปตามกระแสโลก กระแสโศกสะสมเปลือกนอก
ไว้อวดไว้หลอกว่ามีบารมี ..



จริงๆผมจะอยากหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงชีวิตคนเมืองผู้เรืองรุ่ง
ที่กำลังทำงานกันหามรุ่งหามค่ำในห้องแอร์ เย็นฉ่ำ
ที่วันวัน ต้องเอาแค่ก้มหน้าก้มตาแบบมิกล้าทายท้าฟ้าดิน
จนกว่าจะถึงเวลา เลิกงาน
และต้องฝ่าเส้นทางจราจรนรกรถติด 
หรือแออัดยัดเยียดเบียดเสียดราวปลากระป๋อง
ต้องห้อยโหนรถเมล์..
ที่บางครามิแม้สามารถจะหา
ที่พอแหย่เท้าได้ด้วยซ้ำ


ต้องห้อยโหนโยนตัวลอยลมแบบลิงลิง
ให้ไปถึงจุดหมายปลายทาง อย่างทุลักทุเล
และ..
จะโอ้ละเห่เตร็ดเตร่เที่ยวท่องลอยละล่อง
ลำธารหวานหว่านหารัก มิพักใจร่างก็มิได้
เพราะร่างกายอันเมื่อยล้าจะพากันประท้วง
ให้รีบกลับมาบ้าน ได้นอนนานนาน 
ได้ผ่านการนอนก่อนสี่ทุ่ม แบบทารกน้อย
อย่างน้อยให้ได้ครบ8ชั่วโมง
เพื่อใบหน้าจะได้ไม่โกงอายุ..ให้ไปตามวัยตามวัน



และหากใคร จะยังยอมตามใจ ไปหลงแสงสีศิวิไลซ์
ก็จงอย่าชะล่าใจเพราะจะสิ้นแรง
จน..น้ำหล่อเลี้ยงใจจิตวิญญาณจะพลันราน แห้งเหือดหาย
และบางที
มิอาจจะให้สมอง สั่งร่างให้ลุกได้ในยามเช้า..
ให้พร้อมตะเกียกตะกายตามวัฎฏจักรหนูถีบจักร
มิได้พักมิได้ว่าง
ไปตามร่างทุรนวนเวียนกันมาชดใช้กรรม 


และธารน้ำใสที่คอยหล่อหลอมใจให้ใสให้งาม
ให้มีดวงจิตวิญญาณดวงดี
ที่มีความรักแผ่ไพศาล
ก็มีอันต้องแพ้พ่ายเกิดมาชดใช้ไปตามบุญตามกรรม
ที่ได้ทำๆกันมาแต่ปางก่อน
หมดแรงฝันหมดแรงใจ..จะฟันฝ่าไป
ต้องยอมลื่นไหลไปตามคำเพื่อปากท้อง
เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของชีวิต


สำหรับผม..
ผู้ยังพอโชคดี ที่มีทางออก พบทางออก
หลังจากเพียรเฝ้าถาม เฝ้าขอคำตอบจากใจตัวเองมานานแสน
ว่า*หนึ่งชีวิตนี้ ผมเกิดมาเพื่อพลีเพื่ออยากพบอยากใช้ชีวีอย่างไร
ให้ธรรมดาใจที่รักธรรมชาติงาม ได้อย่างต้องการ
ก่อนตะวันแห่งชีพนี้จะพลันรานลา..


และพลันพาให้ได้คำตอบ
ที่พาให้ผมต้องหอบหิ้ว สัมภาระ ที่พยายามตัดพารก..รก
ให้เหลือแค่ลังใหญ่ใบเดียว
หลังจากได้เที่ยวแจกจ่ายของนอกกายไม่กี่ชิ้นในห้องเช่า 
ให้กับเพื่อนคนดีที่ยังมีความอยากความต้องการวัตถุ


ที่ผมนี้พยายามคิดทุกครั้ง
ที่จะสร้างจะซื้อ..ว่าคือขยะรกบ้านรกใจ

ผมนะวันนี้ในวันนี้
จึงแทบเหลือเพียงตัวเปล่าเปล่ากับใจดวงดีดวงงาม 
ที่คงไม่ยอมขายให้ใคร
นอกจากมีความภูมิใจที่ยินดีจะจ่ายแจก
น้ำใจรักรินรดหยาดหยดให้
อย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชัง


และ
เพื่อเก็บไว้เป็นพลังสร้างสรรงานงาม
คืนตอบแทนผืนแผ่นดินเกิด
ในฐานะ*นักอยากจะเขียนเพียรฝันค้าง*

ที่รอความว่าง ความงามแห่งใจสรรสร้างไฟฝัน
อันงามอะคร้าวคลุกเคล้าทุกข์สุขของเพื่อนมนุษย์
ให้หยุดสุขโศกเหลือเพียงความว่างความพอดี 
จะได้มีชีวีอย่างสุขใจไปด้วยกัน ไปตามหาฝัน
วันแสนดีที่แสนสั้นเป็นยิ่งนักในหล้าโลกนี้
ที่เรามิอาจจะกำหนดชะตาได้ ให้ยาวยืนฝืนทน.



ผมจึงมีเพียงจิตวิญญาณกับร่างกายที่ยังเปลือยเปล่ามิได้
ต้องมีอาภรณ์คลุมร่าง ห่างคำอุจาดตา
เหลือเพียงเสื้อผ้าเก่าๆมีเสื้อยืดสีขาวตราห่านคู่
กับกางเกงยีนส์ที่ทนทาน
กับรองเท้าคู่ชีพที่ผ่านการใช้งานสมบุกสมบัน
พาร่างผมให้ตระเวณไปในทั่วโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้
มานานนับปี..นาน..หลายปี..


และโชคดี..ที่ผมพอมีเงินออมถนอมเก็บมาก้อนหนึ่ง
ไว้ยังชีพชอบประกอบกินไม่ประกอบกามไปได้จนกว่าชีวีจะสิ้น
หากรู้ประหยัดอดออมถนอมใช้อย่างรู้ค่าคำสมถะ
พอเพียงเพียงพอพอเลี้ยงตัวรอด..เอาตัวรอดได้.
.มิให้กลายเป็นภาระสังคมและใครในครอบครัว



ผมแค่เพียงตั้งใจหวัง
จะใช้ชีวิตอันน้อยนิดนิดน้อยนี้พาตัวเองไปถึงฝั่งฝัน
อันแสนสงบงาม ให้พบงามเงียบเรียบง่าย
ไร้ทุรนร่างทุรนร้อนผ่อนนั่นนี้ไปตามกระแสโลก..หลงวัตถุ
ผมเพียงอยากพบว่าง วางไว้ 


แม้จะไร้ร้างไร้ร่างไร้ตัวตนราวล่องหนหายยิ่งดีนัก
ผมเพียงอยากเพียรฝากกมล
ที่พระให้พร...พรหมให้เกิด
สั่งตรงส่งผมลงมา
ให้มีเนียนเนื้อใจดวงนี้ ดวงใสดวงดีดวงงาม
ให้ได้ใช้คุณความดี ความงามสร้างนิยามรักนิยามใจ
ปลอบประโลมเพื่อนมนุษย์ให้วางโศก รู้หยุดโลกย์ครวญคร่ำ
หากผิดหวังในรักอันจักหนีไม่พ้นเพรงกรรม
ที่ทำๆสร้างกันมาแต่ปางก่อน

ให้มาวนหลอนหลอกยอกย้อนใจจนแทบไม่เป็นอันกินอันนอน
ผมอยากทำสิ่งแสนดีผ่านงานงามนามธรรมะธรรมชาติ
หวังฝากรักรจนาอักษราภาษาใจให้เนียนเนื้อนวลใจ
มอบหอมหัวใจหอมยิ่งกว่าหอม
น้อมนำผู้คนมากมีมากมายที่มีทั้งดีชั่วปะปน
ที่ยังหลงวนได้หลุดพ้นรู้รำงับดับทุกข์ทันทุกข์
บนผืนโลกนี้ที่มากมีมากมายปัญหากรายกล้ำหลายล้านเรื่องราว
ให้เศร้าใจให้ไหวครวญ..หาทางออกมิพบเจอนับพันล้านคน..
..


ผมค้นพบตัวเองมานานแล้ว
และเฝ้าวางแผนชีวิต
ที่จะขอลิขิตวาสนายามบั้นปลายด้วยตัวเองมิพักเกรงดินฟ้า
ขอแค่เพียงเมตตา ให้ผมพบพลังงามเงียบมีสมองแสนเฉียบคม
ไว้สรรสร้างงานดีดีมีพลังศรัทธารักศรัทธาใจ
ก่อนที่แสงแห่งตะวันใจจะพลันหรี่ลง
และดับวูบไหวไปกับสายลมในยามค่ำ ไร้เสียงร่ำไห้ของผู้ใด


และ
ก่อนหน้าที่ผมจะค้นพบ ดินแดนแห่งความฝันนี้
ผมได้ใช้เวลาและคืนวันที่จะแสวงหาโดยการเดินทางอย่างโชกโชน
และราวกับเสียงร้องตะโกนก้องภายในใจอันงามเงียบ
ให้ได้ยินไปถึงฟ้าดินยามผมสิ้นคำอธิษฐานใจ..
ให้รับรู้และมีเมตตานำพาผมไปพบ
สถานที่ในดวงใจ..

ให้ร่างและจิตวิญญาณผมได้สิ่งสมหวังสมพลังปรารถนา
แน่นอน..
ผมอยากกลับคืนไพร คืนใจคืนเรือนรังแห่งรักแรกในวัยเยาว์
แต่..ผม จักมิห้ามดวงชะตา โชคชะตา หากพลัดพาให้ผมได้พบ
ที่แห่งหนไหนก็ได้ 
ที่ผมคงใช้ดวงใจรักดวงใจฝันเพียงนั้นพลันตัดสิน
ได้เลยว่าจะ..ใช่เลย!มิใช่เลย!


และ
ในฤดูร้อนหนึ่ง
ที่ผมตามหาฝัน 
ตามหาใจจิตวิญญาณไพรใครคนหนึ่ง
ที่ผมหลงซึ้งหลงรักในโลกฝันโลกอักษราภาษาธรรมะธรรมชาติเฉกกัน
ที่ผมใช้เวลารอสวรรค์สรรส่งเธอมาให้โดยแทบต้องใช้เวลาชั่วชีวีชีวิต
และถึงสองปีเต็ม..ที่ผมเพียรพยายามตามหาเธอคนดีที่แสนรัก..


ผม..
เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไกลทะเลใจทะเลโลกย์ทะเลโศกสุข
มาถึง..จนได้..นะแดนดินแห่งความหวัง
ราวฝั่งฝันที่ผมเฝ้ารอมันมาทั้งชีวิต
*เกาะแห่งมหัศจรรย์รัก*
ราวไข่มุกเม็ดงามวะวามวาววะวาววับจับดวงจิตดวงใจทั้งไทยเทศ
กลางอ่าวไทย อ่าวใจ อันแสนงามนามเพราะ..ชื่อเกาะพะงันงาม..
***

มาตรแม้นว่ายามนี้..
อีกด้านหนึ่งริมฝั่งฝันทะเล สวยใสสีมรกต
ที่งามงดจะเริ่มสกปรกด้วยเงื้อมมือผู้คนจากนานาจากอารยะชาติ
หลายประเทศที่ไหลบ่าพาร่างใจมาใฝ่หางามเลื่องถึงเมืองไทยเรา
ที่แสนดีแสนมีน้ำใจและ
กับคนไทยที่มีวัฒนธรรมใจใสเย็น
ดั่งหยาดฝนพรมพรำให้ชื่นฉ่ำใจตามคำ
โฆษณา ที่ว่าTAKE HOME A THOUNSAND SMILE
ที่หวังวาดได้รับรอยยิ่มอบอุ่นด้วยไมตรี
ที่เรามีที่เราสืบทอดประเพณีมายาวนานสมดั่งคำ
**ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ*


มิใช่ไปฝากทรามไว้ด้วยการข่มขืนใจนักท่องเที่ยว
หรือเที่ยวชิงหลอกปล้นทรัพย์ให้เสียชื่อประเทศ..
จนเกรงขามสร้างนิยามน่ากลัวน่าเกลียดราวโลกล้าหลังด้อยอารยะ
ทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวที่ได้เงินงามนับพันๆล้านบาท..


ที่นี่งามพราวด้วยจันทร์ฉายที่ลื่อลั่นสนั่นโลก
ว่างามยิ่งกว่างาม
และ


ผมขอเล่าข้าม
หากอยากทราบว่างามจันทร์งามจริงงามใจเป็นไฉน
ให้หาอ่านได้ในงานงามเฉิดไฉไลของคุณพุดพัดชา
ผู้ฝากเรื่องรักรจนาเกี่ยวกับงามพะงันไว้มากมาย
ที่ร่ายมาไม่รู้จะสักกี่เรื่องต่อกี่เรื่องให้ประเทืองฝันบันดาลใจ
ดังตัวอย่างเหล่านี้


ที่ผมอยากให้อ่านก่อนที่จะกลับมาอ่านบทความนี้ของผมต่อ
http://www.thaipoem.com/web/poemdata.php?id=49582
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_32353.php
 
เพียงเพื่อจะพลันให้ได้เข้าใจว่า
ทำไมผมถึงตัดสินใจซื้อกระท่อมในหุบเขาไพรพะงัน
ไว้นอนฝันนอนนับดาวเล่นและรอรจนางานงาม


นะวันนี้
ผมแสนมีความสุข
ทุกทุกเช้า 
ผมจะตื่นพร้อมเสียงดุเหว่าแว่วหวานขานปลุก
กับเสียงไก่ขันกระชั้นถี่
กับดาวสวยดวงสุกใส
กับพงไพรไพรพฤกษ์


ที่ยังมีหยาดลออละอองน้ำค้างในยามดึกร่วงพร่างพรม
ห่มหอมอวลให้นวลใจพร่างหอมยิ่งกว่าหอม
เฝ้ารอดูพรายน้ำค้างพร่างบนยอดทะเลหญ้า
ราวเพชรกลิ้งกลางใบใสสวยกระจ่างงาม
ค่อยค่อยจางระเหยหายวับ
ไปกับเรียวแดดอ่อนอุ่นในยามอรุณรุ่ง

ที่พระอาทิตย์จะค่อยค่อยชักรถ
โผล่พ้นเหลี่ยมเขาลบเหงางามยามราตรี
ที่ดวงนี้โตแสน...เกือบเทียบเท่ากระด้งฝัดข้าว 
ที่ซ้อนซับสลับสล้างพร่างแสงสีราวเรียวรุ้ง
ในกลางทุ่งเรียวเมฆหมอกเหมยงามราวสายไหม


ท่ามกลางดงยางใหญ่ยอดสูงเทียมฟ้า..
กลางนาเขียวสะพรั่งสลับรวงเรียวสีทองผ่องผุดพิสุทธิ์ล้ำ
แบบนาขั้นบันไดที่ซ่อนตัวอยู่ในกลางหุบไพรงาม 
ที่ราวป่าดงดิบลี้ลับในนวนิยายของ
นักเขียนเรื่องไพรไพร..พนมเทียน 
ที่พระเอกนามไพเราะว่าระพินทร์ ไพรวัลย์

แสงงามสาดส่องส่งพลังใจพลังไฟฝันให้มวลมนุษยโลกได้ฟื้น
คืนมารับเริ่มต้นในเช้าวันใหม่ให้หัวใจได้มีพลังใจจะสู้ต่อมิรอราแพ้พ่าย
ราวแสงตะวันฉายอันทรงพลังงาม..
เกื้อโลกอย่างเสมอต้นเสมอปลายนานเนานิรันดร์กาล
ให้หอมในหอมของตะวันอ้อมข้าว
ในฤดูหนาวยามสายหมอกไล้โลม
มาปลอบประโลมใจทุกดวงรับงามงด


และ

ผมจะค่อยๆไต่เทือกเขาไปกับสุนัขคู่ใจ
ไปตามกลิ่นฝันอันแสนรัญจวนใจ
กลิ่นสดชื่นของใบไม้ในราวป่า
กลิ่นนาข้าวใหม่พร่างพราย



กลิ่นรากไม้หอมอวล
กลิ่นความเศร้าแสนสุขด้วยบรรยากาศดายเดียวเหว่ว้าลำพัง
ที่ผมพึงฝันพึงใจในงามเงียบไร้ร้างผู้คน
ให้ว่างเปล่าไร้สับสนอลหม่านแบบสังคมเมืองมายา
เป็นอารมณ์พรูพร่างสร้างอ่อนหวานอ่อนไหว
ให้ใจดวงงามของผมราวต้องสายฝนพรมพรำให้ชื่นฉ่ำเยือกเย็น
ในไร้ร้างในอ้างว้างห่างไกลโลกแห่งแสงสีศิวิไลซ์
ที่ผมทำยังไงๆก็ไม่มีวันคุ้นชิน..



ผมจะมีเส้นทางพิเศษพิสุทธิ์
เส้นทางใจในฝันในใจในงามง่าย
เป็นเนินผาสู่ไพรรกโตรกธารละหานห้วย
ที่ยังหอมด้วยกลิ่นกล้วยไม้ป่ากล้วยไม้ล้ำค่า
ที่งามสง่าบานชูช่อล้อสายลมไหว
นาม มงกุฏไพร คู่เทือกเขาไพรพะงัน
มีกระรอก บ่างชะนี ที่ยังมีให้เห็นประปราย
มิใจหายเหี่ยวตามความเจริญรุกบุกสู่ไพรถึงไพร
ไปทำลายๆและทำลาย
ยังมีเสียงนกไพรทายทักดังก้องร้องระงมไปทั้งราวป่า


บางครา
ผมจะนั่งนิ่งงันตรงเนินหญ้าบนผาสูง
และรอท่าเวลานับถอยหลัง
สั่งพระอาทิตย์อัสดงลาลับดับดวงไปทีละนิดๆ
ที่จะตกลงระหว่างเกาะสองเกาะที่เคียงคู่หมอบกัน..
ในยามสายัณห์ให้ขวัญฝันยิ่งเหว่ว้าในดวงใจ



ที่ผมจะอยากทั้งหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน
ทั้งในฤดีฝันฤดูฝน



บางทีที่ผมยินดีจะนั่งตากฝนพรำ
ให้ฉ่ำชื่นเย็นจากราวรวงหยาดลออละออง
ให้ล่องสายซัดสาดร่างผมให้เปียกโชกเปียกปอน
เป็นความฉ่ำร่ำรื่นรสอภิรมย์ใจ
ที่ผมยากยิ่งจะอธิบายใจให้ใครเข้าใจ
ในงามล้ำดำดิ่งในรู้สึกวิเศษพิเศษพิสุทธิ์นี้
ที่ใจดวงดีดวงเดิมดวงดิบดวงดายเดียวของผมเพียงนั้น
พลันรับรู้รับงามได้เพียงผู้เดียว



ผมสุขในในทุกโมงยาม 
ในทุกนิยามกับความงามเงียบเรียบง่าย
ที่ใช้เพียงเนียนเนื้อนวลใจเพียงนั้น
รับฝันรับหวานได้อย่างอ่อนโยนที่สุดแล้ว
ราวแก้วกลางใจกระจ่างใสวาบวาม
ในทุกยามที่ผมได้ดายเดียวเดียวดายใช้สายตาสายใจสายใยรัก
ดื่มด่ำกับธรรมชาติงามล้ำลึกตามลำพังเกินรำพันรำพึง


ผมสุขใจกับฟ้าใสครามงามเข้ม
กับเต็มนัยน์ตามีเขียวไพร
กับใจปล่อยวางว่างว่างราวไร้ตัวตนทั้งร่างใจ
มิไหวครวญไปกับเกมกลเกมคนเกมใครในโลกลวงโลกสมมุติ



ผมสุขสมกับทุกลมหายใจสดชื่นนี้
ที่ยินดีพลีพร้อมจะยอมรับความเศร้า
ที่ใครใครกล่าวขานว่าแสนน่าเบื่อ
แต่สำหรับผมเหลือที่สงบงาม..ในทุกยามแห่งชีวีชีวิตเลยทีเดียวแล้ว!
				
25 มีนาคม 2547 11:48 น.

ผู้ชายในฝันวันวานยังหวานอยู่

พุด


url=http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4721
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4655
(ฟังเพลงผู้ชายในฝันนะคะ)


อรุณรุ่งรับอุษาพร่างน้ำค้างใส
คลี่กลีบใจฟังเพลงลูกทุ่งรอรุ่งฝัน
หอมดอกไม้ช่อมาลีมะลิวัลย์
น้ำตาจันทร์น้ำตาใจไยพร่างทรวง..

จูบลั่นทมนิ่มนิ่มเคลียยิ้มเศร้า
แหงนดูดาวฝากคำวอนอ้อนห่วงหวง
ถึงคนดีที่แสนภักดิ์ที่รักรวง
อย่าลาล่วงลาลับดับดารา..

ดอกรักซ้อนซ่อนสลดหมดสิ้นรัก
เพียงพุดภักดิ์พุดซ้อนอ้อนเหว่ว้า
กล้วยแตกหน่อละออใสน้ำค้างคา
ราวน้ำตาเจ้าของหลงครองราน..

เล็บมือนางวันนี้ไม่มีดอก
ราวช้ำชอกราร่วงปลิดกลีบหวาน
เลิกร่ายฟ้อนอ้อนดวงใจตราบชั่วกาล
ขอริดรานรัดร้อยสร้อยโซ่ใจ...

มะม่วงหม่นทิ้งผลให้กระรอก
กลับแตกยอดสอดแซมสีม่วงใส
เหมือนชีวีชีวิตรอปลิดใจ
ทิ้งอาลัยไหวซอนซบจบพสุธา..

จำปีพราวขาวนวลทุกราวกิ่ง
นกเขานิ่งขันก้องร้องครวญหา
ดอกไม้ไพรไหวกิ่งฝันพราวพนา
ดอกเหว่ว้าไยบานเศร้ายามเช้านี้..

ค่อยค่อยจูบพุดซ้อนอ้อนอ่อนหวาน
จูบใจรานภายในใจร้าวนี้
ฝากอ้อมกอดคลึงเคล้าเจ้าคนดี
ค่อยค่อยคลี่ใจห่มอุ่นลมรัก..

ฝากเมฆนวลยวนเย้าเล้าโลมร่าง
ฝากอ้างว้างกลางใจแทนเพ้อภักดิ์
ฝากฟ้าดินสิ้นอินทร์พรหมพร้อมพลีรัก
เป็นแน่นหนักมั่นคงซื่อตรงใจไปชั่วกาล..

********************


ตื่นมาตีห้าค่ะ ตีห้า ยามฟ้าสาง
ได้ยินเสียงหรีดหริ่งเรไรร้องระงม
พรมพร่างใจราวไพรพนา..
ได้ยินเสียงนกกา จุ๊บจิ๊บๆ กระซิบกระซาบ
พร้อมพรากรังรวง..
ฟัง..มนต์เพลงฝัน..ลูกทุ๊ง..ลุกทุ่ง รับอรุณรุ่ง..หอมงาม


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4655

ผู้ชายในฝัน.....พุ่มพวง ดวงจันทร์ : : K 
*********
ตั้ง แต่ เป็นสาวเต็มกาย
หา ผู้ชาย ถูก ใจ ไม่มี
เมื่อ คืน ฝันดี น่าตบ
ฝันฝัน ว่าพบ ผู้ชาย ยอด ดี
พาไปเที่ยว ดู หนัง
พาไปนั่ง จู๋ จี๋
แล้ว พา ไปเที่ยว ชมสวน
เด็ด ดอก ลำดวน ส่ง ให้ ด้วยซี
เสียบ หู ให้ตั้ง หลายหน
เสียบ หล่น เสียบ หล่น ตั้งห้า หกที
ต๊ก ใจ ตื่น ตอน ตี สี่
แหม เสีย ดาย จัง เฮ่อ เสีย ดาย จัง

ตี ห้า ไม่ถึง ก็จวน
คิด ทบทวน เรื่อง ฝัน ชั้นดี
ผู้ ชาย อะไร น่าหยิก
กระซี้ กระซิก น่ารัก น่าตี
เพียรมาออด ออเซาะ
คำเสนาะ มากมี
ฝันว่า คิดอยู่ หวำหวาม
ถ้าถูก ลวนลาม จะทำไงดี
ความ คิด พอหยุด ลงปั๊บ
หมุบ หมับ หนุบ หนับ เขาจับ เขาจี๋
ต๊ก ใจ ตื่นมา เสียนี่
แหม เสีย ดาย จัง เฮ่อ เสีย ดาย จัง

ตี ห้า ไม่ถึง ก็จวน
คิดทบทวน เรื่อง ฝัน ชั้นดี
ผู้ ชาย อะไร น่าหยิก
กระซี้ กระซิก น่ารัก น่าตี
เพียรมาออด ออเซาะ
คำเสนาะ มากมี
ฝันว่า คิดอยู่ หวำหวาม
ถ้าถูก ลวนลาม จะทำไงดี
ความ คิด พอหยุด ลงปั๊บ
หมุบ หมับ หนุบ หนับ เขาจับ เขาจี๋
ต๊ก ใจ ตื่นมา เสียนี่
แหม เสีย ดาย จัง เฮ่อ เสีย ดาย จัง...

********

อาบน้ำให้ต้นไม้..ดวงดอกไม้ไทยรายรอบบ้าน
ที่กำลังเอนอ่อนไหวหวานคลี่บาน
เริงร่ายระบำราวรับสายฝนพรำพรม
ที่เจ้าของเทใจดวงงาม เทียบใจ 
ทำเทียมให้..พร่างใสหยาดสายหวานหว่านรินรด..

แหงนดู..ดาวประกายพฤกษ์ ยังพริบพราย
ยังยิ้มหวานเศร้า ปลุกปลอบใจซึ้ง
ที่ยังโหยหาคะนึงครวญ คำคน คำใคร 
คำหวานใดคำลวงลวงบ่วงเสน่หา..
ที่เคยกระซิบว่าขอฝากใจกับจันทร์ฝากฝันกับดาว..

น้ำตาพราวซึมซึ้ง จากก้นบึ้งดวงใจดื่มด่ำ
เงยหน้ารอรับจูบจากจันทร์ 
หากฝันคว้างร้างไร้รอยใดรอยใจรอยใคร
ไม่เป็นไรนะใจนะจันทร์นะขวัญเจ้านะดาวดวง..

ไฉนฉะนั้น..
พลันอย่าช้า
ก้มลงจูบอ้อยอิ่งรินร่ำดวงดอกลั่นทมเสียเองดีกว่า
ฝากเหว่ว้าระทมทับทุกราวกิ่งนวลพราวแทนราวร้าวใจ..

นกเขาไพรกำลังไกวกิ่งจำปีฝันขันก้อง
กลางกอละออดอกดก
มวลมาลี ไหวพร่างราวร่างไห้หวน 
ครวญเคล้าคลุกปลุกอุษาใจ

มะม่วง แตกยอด ใบเขียวอ่อน สอดแซมซ้อน
สีทองอมพร่างสว่างใส.. 
รอ..เรียวแดดละมุนละไมทอทอดลอดลายใบ..
ให้คลี่ไหวงามเติบต่อตามกาล..ตามกรรม..
				
22 มีนาคม 2547 22:53 น.

อันเป็นดวงใจ

พุด



พุดขอฝาก..บทกวีนี้
แทนดวงดอกไม้ทุกดอกดวง
ทั้งในราวเมืองและในราวป่า
ที่หวานแสนหวาน
ที่กำลังบานสะพรั่ง ตระการตา
ที่พากันเริงร่ายฟายฟ้อน
ออดอ้อนร่อนระบำรอรับเรียวแดดละออ
แห่ง
สายลมฤดูร้อน..
ทุกหัวระแหงนะคะ
ขอให้ทุกดวงใจนอนหลับฝันดีค่ะ
**********


ใกล้ค่ำแล้ว..
แสงเทียนและคบไฟในโคมไฟไม้ไผ่สานละเอียด
ถูกจุดให้พรูพร่างสว่างวับ วูบไหว 
รับสายลมพัดระรินในยามค่ำ
ริมฝั่งฝัน สายน้ำนิรันดร์..
ล้อแสงหิ่งห้อยและ
ดวงดาริกาพรายพร่างนับพัน
ที่กระพริบระยิบบนฟากฟ้า..

ดาวเดือน..หยาดยิ้มให้กับเรือนไทยหลังงาม
โผล่พ้นดงไม้รำไรๆลอดเงาไม้ใหญ่เมืองร้อน
ที่พากันอรชรไหวเอนในงามเงียบ


คูน..ดอกพราวงามเหลืองพร่างกระจ่างใจในเงาราตรี
ตะแบกม่วงควงดอกละมุนหมุนกลีบเกลียวบางเบาปลิดปลิว
ละลิ่วลงพร่างพื้นพราวราวพรมลายดอกไม้..แสนงาม
บัวหลวง*ราชินีแห่งไม้น้ำ*
โผล่ชูช่อรอภมรเหนือบึง..ริมน้ำ
แทรกหวานหว่านกอละออละอ่อนในสวนสวย
ไหวเอน..รับสายลมพร่างพรม


และ..
ในท่ามกลางราตรีอันเงียบงาม
เยียบเย็นด้วยดวงดอกน้ำค้าง ดายเดียว
กับปาริชาติส้มแดงแฝงในเงามืด..หม่น


*คุณ*
ก็โผล่มาทายทัก..*หวัน*ถึงชานเรือน
ในงามนวล
แสงเทียนวับแวมเคล้าแสงดาวพราวพร่างฟ้า
กับเสียงจั๊กจั่นเรไร
ที่ราวกับดนตรีธรรมชาติกำลังกรีดกริ่งประสานก้องร้องระงม

กับลมรำเพยพรายให้หอมนวลลำดวนดง..
อวลสายลมอบร่ำมาคลึงเคล้าคลอ
มวลละออดวงดอกไม้ร่ายฟ้อน
ออดอ้อนระบำเริงร่ากับพราวพระจันทร์นวล.


*อัศวิน*คือชื่อคุณ..
ที่ไม่มีม้าขาวควบมากับดาบเงินวะวาววับ
หากมีเพียงนัยน์ตาระยับสีเงินคมปลาบ สะท้อนแสงดาว
พราวราวจะเชือดเฉือนฤทัยหวัน
ให้หวั่นหวั่นหวามหวามหวิวหวิว
แทบปลิดปลิว
ละลิ่วไปตามแรงลมรัก 
ลมแห่งความคิดถึงคะนึงหาโหยหามานานปี


*อัศวิน* ผู้..กล้ากลับมาสิ้นแรง
ในอ้อมแขนอ้อมกอดอ้อมใจหวันแล้วหรือนี่ 
ราวมีปาฏิหารย์แห่งรักที่ หวัน เฝ้าพร่ำภาวนา ไม่น่าเชื่อเลย..

คุณทรุดตัวลงนอนนอกชาน..
แล้วหลับตานิ่งราวทิ้งโลกภายนอกสับสน.


ค่อยๆดึงหวันลงนอนเคียงข้าง
ให้หวันหนุนแขนคร้ามแดดแข็งแรง..
แล้วก็..เล่า เล่า เล่าเรื่องราวทุกสิ่ง
ที่ผ่านมา ทุกนาทีที่โหยหาเหว่ว้า
ยามเดินทางไกลดายเดียว
อย่างเปลี่ยวเหงาในหล้าโลกนี้


ที่..มีเพียงหวันตามติดสนิทแนบเนาใจไปทุกหนแห่ง
และเพียงพยายามไม่ติดต่อ รอให้คืนวันบ่มหอมงอมคิดถึง
ให้มากล้น..ซึมซึ้งเศร้าเฝ้ารอจนกว่า..
จะถึงวันที่ใจดวงร้าวได้เติมเต็ม..ให้อิ่มเอม..เฉกเช่นคืนนี้


และ...
ด้วยแรงรัก แรงใจคุณตะแคงโอบตระกองกอดหวัน 
และใช้ไหล่อันอบอุ่นให้หวันหนุนนอนแทนหมอน..นิ่มนวล
ให้หัวใจสองดวง..ที่ห่วงหากัน
ค่อยค่อยเคลื่อนกาย..หลอมละลายร่าง
และจิตวิญญาณสมานสนิทแนบชิดเป็นหนึ่งเดียว..
หัวใจที่กำลังระริกล้ำดำดื่มชื่นทรวงด้วยแรงรักรสจูบดื่มด่ำ
ละเมียด ละไมจากใจดวงดีดวงงามที่โหยหาร้าวรานมานานวัน
รสจูบที่มีทั้งหวานเศร้าในมนต์เสน่หา

และราวกับว่าจะมิมีวันอิ่มเต็มทั้งราตรี..ชั่วชีวีชีวา.


*คุณ*เล่าถึงเมืองบนเทือกเขาสูงสวยด้วยสายหมอกตลอดปี
เมืองที่ต้องขับรถเหว่ว้า
เพียงเพื่อหาชาสักแก้วดื่มให้ลืมรู้สึกดายเดียว เปลี่ยวเหงา
อย่างคนพลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอนมาไกลแสน
ที่ขอเพียงแค่หวังให้คืนค่ำอันเหน็บหนาว
ได้หมดหมดไป มิพักไหวครวญคะนึงหา..
แม้นอันตรายแค่ไหนใจก็มินึกหวั่นกลัว...

.
นานหลายปี
ด้วยภาระหน้าที่ เพื่อประเทศชาติ
เพื่อประกาศความงามความดี
ของแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองของคนไทย
ที่มีจิตวิญญาณ*ไท*มิใช่ทาสผ่านกาลเวลามานานนับ
ประกาศความงามระยับดิบเดิม
ของวัฒนธรรมอันเรืองรุ่งในสายเลือดไทย
ผู้ละมุนใจมีจิตวิญญาณเสรี
มีศิลปในหัวใจในเลือดเนื้อมาแต่โบราณกาล
ว่าเรา..คือ..ไท..มิใช่ทาส..
และตราบชั่วลูกหลานหากยังรู้รักสามัคคี
พร้อมพลีปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
อันเป็นที่เคารพรักสูงสุดบูชา
เทิดไว้เหนือเกล้ากระหม่อมชาวไทยทุกดวง


หวัน..กอดคุณแนบแน่นด้วยแรงซึ้งใจภูมิใจปลื้มใจ
ในหัวใจลูกผู้ชายหัวใจทรนงคงมั่น
ที่หวันแสนรักแสนผูกพันมายาวนานที่ช่างแสนหอมหวานในรู้สึก
ที่ล้ำลึกยากยิ่งนักใครจะหยั่งถึงก้นบึ้งแห่งมหัศจรรย์รักนี้.


.
เพราะเพียง...
คนคนหนึ่งเกิดมาเพื่อคนคนหนึ่ง
และจะตรึงตรา เป็นปรารถนาในดวงจิตสถิตไปเป็นนิรันดร์
เป็นงามขวัญงามใจส่องสว่างนำทางใจตราบสิ้นลม..
**************



บันดาลใจ..จาก
ลูกผู้ชายในดวงใจสองคน
หนึ่งนั้นเป็นนักการทูตนักเขียน 
ที่พุดพัดชารักงานงามดั่งชีวิตตามติดมานานหลายปีนัก
แต่ยังมิอาจมีวาสนาจะรู้จัก..ทายทักใจ..อย่างหวันหวัง..


และ..
อีกหนึ่ง*นามจริง*อัศวิน*รูปงามและมีผิวสีทองแดงคร้ามแดด
ที่พุดพัดชาได้พบรู้จักในโลกแห่งความจริง
และคิดทึกทักนำเขาเข้ามาสวมบท
ในจินตนาการงานงามหลายเรื่อง
ให้ผู้อ่านประเทืองฝันประทับใจ
เป็นพระเอกในใจในฝันตลอดมา

ราตรีที่ผ่านมา..เขาโผล่มาให้พุดร่ายบทกวีหวานให้ฟัง
และพุดแสนซึ้งจัง..ที่เขาบอกว่า
*เขาก็หลงรักพงไพร*เช่นใจดวงนวลดวงน้อยน้อยนี้
ที่ยินดีนัก

*************



และ..
กับนิยาม
ที่คุณอัลมิตรา
กับ
น้องหมึกมรกตรดริน
ให้ดวงใจอิ่มเต็มงาม
เติมหวานซาบซึ้งแสนตรึงตรา..ในดวงใจ
จนถึงอยากหลั่งน้ำตากับค่าคำที่ได้รับค่ะ


*.อัญมณีแห่งไพร*สาวงามแห่งไพรพฤกษ์*


ที่พุดขอชื่นใจ ภูมิใจ.และขอถ่อมตัวว่า
น่าจะรจนาเรื่องไพรไพรให้ดีกว่านี้..
ให้สมกับที่ได้รับพลังใจ
ได้รับเกียรตินะคะคนดีที่แสนรักทุกดวงใจ..

**************



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=206
 อันเป็นดวงใจ   
ทูล ทองใจ : : Key Eb  
ฉันมีเธอนั้นอันเป็นดวงใจ
โอ้เป็นความรักยิ่งใหญ่
เหมือนดาวรักใคร่ฟากฟ้า
เหมือน ดังแสงสุริยา
สาดแสงส่องพื้นภพหล้า ลงมาจูบทานตะวัน
เห็นใจเถิดฉันนั้นยังดำรง
เทิดทูนความรักสูงส่ง
ซื่อตรงไม่เปลี่ยนแปรผัน
หวัง ใจได้คู่เคียงกัน
ตราบนิรันดร์มั่นหมายสวาท
เป็นทาสความรักเสมอ
อันเป็นดวงใจมานานแรมปี
เป็นราชินี แห่งใจฉันนี้คือเธอ
ทุกๆ ค่ำเช้าเฝ้าละเมอ
จิตใจพร่ำแต่เพ้อว่า รัก รักเธอรักจริง
ฉันรักเธอเหมือนดังดวงชีวา
ไม่เคยจะคิดเลยว่า สัญญาแล้วจะทอดทิ้ง
เห็น ใจฉันบ้างยอดหญิง
มอบหัวใจให้แล้วทุกสิ่ง
ด้วยความสัตย์จริงเสมอ
แด่เธอ ผู้เป็น ดวงใจ... 

				
22 มีนาคม 2547 07:34 น.

แพธรรม..แพทอง!

พุด



แทนความโศกสะเทือน..เสียใจอย่างที่สุดhttp://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_49250.php
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=420
URL รางวัลชีวิต
*********
พุด..ตื่นมาฟังเพลงบรรเลงยามเช้า
*นิพพาน**พระโพธ์แก้ว.*.และ...เศร้ามาก..
เมื่อมาอ่านงานภู..
นาทีนี้ในบรรยากาศนี้
น้ำตาร่วงรินเลย
พุด..เสียใจด้วยนะ
และคำปลอบใจใดใด
คงไม่มากพอจะแสดงออก

นอกจากจะบอกภูว่า*ธรรมมะ*เท่านั้น
จะประคองจิตประคองใจเรา..
และเวลาจะช่วยรักษาเยียวยาจิตใจเรา
ขอพระปกป้องภูและเข้มแข็งนะ
กอดหลานแนบแน่นแทนด้วยนะ

พุดพูดไม่ถูกเลยจ๊ะ
ด้วยเสียใจอย่างสุดซึ้ง
รักและรักมาก...
 
**********
เช้าวันอาทิตย์
พุดไปวัดมา
พุดรจนากลอนบทนี้ไว้
ขณะที่นั่งใต้ร่มไม้ใบบางๆ
และแสงตะวันจางจาง
กำลังทอทอดโลมไล้ทุกสรรพสิ่ง
ให้นิ่งเงียบงามในใจ 
และกำลังพร่างใบเหลืองนวลปลิดปลิว
สอนใจ..ให้บทเรียนใจเรา..

นะภู...




ใต้ร่มไม้ใต้ฉัตรธรรมงามล้ำลึก
สร้อยผลึกสอนใจใฝ่เพชรล้ำ
ลงแพทองล่องทะเลโลกย์โศกระกำ
ขอแพธรรมนำทางสว่างใจ..

สู่ฝั่งฝันสว่างสอาดสงบสยบโลกย์
แม้นใจโศกรู้ทันเท่ามิหวั่นไหว
ขอแพธรรมแพทองล่องลอยไป
พาแพใจรู้วางทางนิพพาน..

ขุดบ่อบุญกลางใจไว้รินดื่ม
แม้นหลงลืมเรียกขวัญวันพบหวาน
นวลเนื้อใจเพียร*งามให้*อย่าโศกราน
อุปาทานทำใจใครพรากลา..

รู้วางใจรู้ไม่หวั่นรู้สรรสร้าง
เส้นทางงามไม่ท้อถอยเพียรค้นหา
ใจเหนือโลกโศกไม่นานนะดวงชีวา
ทุกข์ผ่านมาวูบวับรู้ดับทัน..

ดอกลั่นทมร่วงพร่างกลางร่างร้าว
ตาซึ้งเศร้าซ่อนน้ำตาอย่าหลงฝัน
รู้ทันโลกโศกชั่วครู่ใช่นิรันดร์
ใจเพียรฝันหวังเพียรสร้างงานงามใจ

เมื่อมีรักจักรู้คู่ทุกข์โศก
เป็นรอยโลกการอยร้าวให้เศร้าไหว
รู้รักเย็นรักให้เป็นพลีพร้อมใจ
เก็บกลางใจกระจ่างสร้างสรรดี..

เกิดมาแล้วเพียรสร้างทางกุศล
หวังไม่วนหลงวงกรรมซ้ำชีพนี้
ใช้แพธรรมแพทองล่องชีวี
จิตวิญญาณพลีพบฝั่งฝันวันไร้เธอ..

***********


http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_38201.php
  ตามฉันมา!    
พุดพัดชา  

http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=373

ดวงใจ..ตามฉันมา..   

ฉันจะพาเธอไปยัง ดินแดนแห่งความสุข...
ไม่จำเป็นต้อง ใส่รองเท้าหรู คู่แพงๆ 
ไม่ต้องมีดีเคเอนวาย หรือเวอร์ซาเซ่
ไม่มีน้ำหอม น้ำปรุง..ไม่ต้องหรูไม่ต้องเริด 

ไม่..ไม่..และไม่...วัตถุมากมี........
ขอแค่ให้มี....ใจดวงที่สวยใสสงบงาม  
ที่จะมุ่งมั่นไปยัง 
ดินแดนแห่งความฝันที่มีจริงบนโลกนี้ 
ที่ใกล้แสนใกล้แต่เราทุกคนกลับมองข้ามไป....
ที่ที่มีร่มไม้ ทั้งสูง ทั้งต่ำ ที่แสนสวยแสนงาม 
เป็นดั่งร่มแวดล้อมคอยปกป้องกางกั้นเธอจากผองภัย
มีดวงใจและน้ำใจมากมีจากกัลยาณมิตร 
ที่จะนำทางให้เธอ หลบพักพิงใจใจ.. 

ไม่นานนัก..เธอจะมีใจดวงดีที่เป็นกลางๆ 
ไม่ต้องร้องไห้ ไม่ต้องเซซัง 
ไม่ต้องพบกับคำว่าความผิดหวังซ้ำๆซากๆ 
จนใจโศกตรม ไม่ต้อง ครวญคร่ำกับคำว่า
ไม่อยากมีชีวิตอยู่  ไม่ต้องกลัวว่าจะมาผิดทาง
เคว้งคว้างเดียวดาย.....

แต่...มีข้อแม้ถ้าเธอ..นั้นยังแกะเปลือกไม่ออก 
ยังชอบการหมุนวนแห่งรอยกรรม บางทีเธอนั้นอาจจะยัง
ไม่พร้อม..จนกว่าเธอจะค้นหาเส้นทางชีวิตของเธอเอง...

แต่รู้ไหม!..บางที่มันเสียเวลา 
กว่าเธอจะค้นหาเจอด้วยตัวเอง 
และบางทีก็อาจจะหมดเวลาและสายเกิน
ก่อนที่จะพบว่าแท้ที่จริงนั้น 
ที่คนเราทุกข์หนักกับทุกสิ่งนั้น 
เพราะเราแบกมันไว้ ในทุกความอยากมากมี
ที่มีเสน่หาเย้ายวนกวนให้ใจเราลุ่มหลง 
และยึดติด ไม่ว่าวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตนี้ที่เราเรียกว่าคน

ความอยากมากมี ที่ อยากจะเป็น อยากจะได้ตามๆกัน
อย่างที่สังคมบ้าวัตถุ..สังคมทุนนิยมสร้างขึ้นมา
เพื่อล่อหลอกให้เรานี้ต้องตกเป็นเหยื่อเพื่อความรวย
ของคนไม่กี่กลุ่ม..และเราต้องชุลมุนหัวหมุนวุ่นวาย
บ้ากันผ่อน..ผ่อนนั่น ผ่อนนี่ ผ่อนหนี้ไม่มีที่สิ้นสุด
จนกว่าจะแก่ตาย...

เราลองปลดปล่อย..ของหนักลงจากบ่า 
ของที่เรายึดติดกันมากมายทั้งทางกายทางใจ 

และบางที...
มันหนักเสียจนรวดร้าวเข้าไปถึงดวงใจจนเกินทานทน
จนไม่อยากแม้จะมีชีวิตอยู่...

เขียนเรื่องนี้..เพราะคลิกเข้าไปอ่านกระทู้อกหัก
พลัดพรากจากรักที่ไม่สมหวัง ที่ซ้ำๆช้ำๆตรมๆตรอมๆ
บางคนเสียเวลารักษาเยียวยานานปี 
จนกว่าจะรู้ว่าที่แท้นั้นคนที่เราบ้าคลั่งรักปานจะกลืนกินนั้น

เค้ากำลังกลืนกินคนอื่นแทนเรา..
เราเสียเวลาเพราะไม่มีบทเรียนกำกับใจ ไม่มีเกราะกำบังใจ
ให้คิดเป็น ตัดใจเป็นให้รักตัวเอง 
และแม่พ่อเป็น กลายเป็นคนอ่อนแอ..และนับวันจะแย่ไม่มีดี
ไม่มีได้อะไร...ที่จะสร้างสรรชีวิตเราขึ้นมาเลย....

ดวงใจ...ตามฉันมาซี..
มานั่งตรงนี้ ที่นี่ มีพันธุ์พงพฤกษ์ไพร 
มีดวงดอกไม้รายเรียง มีดวงใจของคนดีๆที่
จะรอประโลมใจเธอให้หายบอบช้ำ...


แสงตะวันรำไร ๆ ธรรมชาติสดใส เขียวชื่นตา 
และมวลพลังงานแห่งความหวังจะกระจายโอบรอบตัวเธอ
ให้หลุดพ้น ราวกับมีปุยเมฆสวยสีขาวบางเบา
มาปัดเป่าเห่กล่อมให้เธอนิทรากับทิวาราตรีอย่างผู้รู้ค่าแห่งใจตน..

ธรรมะ..ธรรมชาติๆ ธรรมดาๆ 
ที่เธอไม่ต้องลงทุนซื้อหา 
แต่จะได้มาเพียงเธอเปิดใจรับมัน...
แทนขยะมากมี ที่กำลังมอมเมาใจเธอให้รกรุงรัง เน่าเหม็น...

ดวงใจ..ที่นี่จะมีพระสงฆ์มากมาย 
จะไม่ทำให้เธอหลงทางเสียขวัญ..
ยังมีห้องสมุดทางจิตวิญญาณ ที่เป็นหนังสือ..
ธรรมมะมากมี ที่จะเป็นคำสอนให้เธอค่อยๆเข้าใจ
โลกและชีวิต..

ในไม่ช้า ใจดวงมืดบอดของเธอ จะเจิดจ้า 
สว่างดังดวงตะวันแสนงาม และจะมิมีวันมืดดับ
ไม่ว่าจะพานพบพายุร้ายใดๆมากรายกล้ำ กระทบ...

ดวงใจ..
พร้อมหรือยัง ตามฉันมาสิ...
ฉันนี้กำลังเพียรพยายามที่จะเกิดมาให้สมกับคำว่ามนุษษ์
มิใช่แค่คำว่า คน ที่กวนปนอยู่แต่กับความวุ่นวายสับสน
ของกิเลสตัณหา ที่โหมกระหน่ำหนัก                        
มาทุกทิศ ทุกทาง จนโลกบ้าๆใบนี้กำลังบิดเบี้ยว
จนจะขาดเกลียวจากกันอยู่มิช้ามินานแล้ว...

ดวงใจ..ตามฉันมานะ...
ถ้าเธอมีแค่ใจดวงดีอยากลอง อยากลงทุน เพาะบ่มธรรมชาติงาม
ให้รู้ซึ้งค่า แห่งความหมดจดงดงามกับความเป็นไปของโลกและชีวิต...
ที่จะไม่ต้องหมุนวน ทุรนทุรายไม่รู้จบรู้สิ้น...

ค่อยๆขยับตัวเธอนะ..
ค่อยๆแกะเปลือกออกมา 
พาดวงใจและความคิด ออกมาค้นหาแก่นแท้ของชีวิต
แล้วเธอจะรู้ว่าแท้จริงไซร้ สิ่งที่เราทุกคนต้องการนั้น...
มันไม่จำเป็นต้องหรูหราราคาแพง ฟุ่มเฟือย
มันมิใช่รถเก๋งแพงแพง 
ใช่การแต่งตัวแข่งกัน ใช่การปั้นหน้าจ้ะจ๋า 
แต่ใจนั้นแสนเหน็ดเหนื่อยและเดียวดายกับความไม่พอใจ..ไม่สงบสุข...

ดวงใจ..ตามฉันมานะ 
ฉันเองอยากจะพาเธอให้หลุดพ้นจากโซ่ตรวน 
แห่งความตรอมตรม การหมุนวน
ในรักที่เป็นทุกข์ สาหัสสากรรจ์...จนยากทำใจไหว...

ตามฉันมาซี..คนดี..
ทุกวันอาทิตย์ เธอจะได้พบกับธรรมชาติที่แสนสวย
และธรรมมะที่แสนยิ่งใหญ่
และสองสิ่งนี้จะค่อยๆยึดพื้นที่แห่งความหมองไหม้ 
ภายในใจของเธอที่หาทางออกไม่พบเจอ..

ทุกสิ่งนั้น..สำคัญที่ใจของเธอ..
ความคิดของเธอ ที่จะลิขิตชีวิตเธอเองใช่ใคร!
ตัดสินใจมาเลยจะดีกว่า!นะ..

ฉันจะรอจะคอยเสมอ..อยู่ตรงนี้.                          
เพื่อเดินไปด้วยกันในเส้นทางแห่งความสุขสีขาว..นิรันดร.....


ชีวิตจริงพุดพัดชาค่ะ ที่พยายามรักษาจิต 
ให้งามนิ่งสนิท สะอาดสว่างสงบ แม้ได้บ้างมิได้บ้าง 
อย่างผู้พึงรู้ตนมิพึงต้องอวดอ้างกับใคร
แม้จะยากยิ่งนักแต่ก็เพียรมาหลายปีแล้วและ
จะเพียรต่อไปค่ะ..ด้วยรัก..


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=373
  บัวขาว   
สวลี ผกาพันธุ์ : : Key Eb  
เห็นบัวขาว พราวอยู่ ในบึงใหญ่
ดอกใบ บุปผชาติ สะอาดตา
น้ำใส ไหลกระเซ็น เห็นตัวปลา
ว่ายวน ไปมา น่าเอ็นดู
หมู่ภุมริน บินเวียนว่อน
ลอยร่อน ดมกลิ่น กลิ่นเกสร
พายเรือน้อย คล้อยเคลื่อน ในสาคร
ค่อยพาจร ห่างไป ในกลางน้ำ
หมู่ภุมริน บินเวียนว่อน
ลอยร่อน ดมกลิ่น กลิ่นเกสร
พายเรือน้อย คล้อยเคลื่อน ในสาคร
ค่อยพาจร ห่างไป ในกลางน้ำ...  


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=420
รางวัลชีวิต...   ชัชฎาพร ลักษณาเวช : : Key B  

พระพุทธองค์ ท่านทรงสอนเรื่องเวรกรรม
คนไหนใครทำ กรรมเคยก่อเอาไว้อย่างไร
ก่อน นั้น เคยทำกรรมไว้ชาติใด
ชาตินี้ต้องได้ รับกรรมที่ทำก่อนนั้น
ตัวฉันคงทำ แต่กรรมซ้ำอยู่เสมอ
ชาตินี้จึงเจอ เวรกรรมเก่าเข้าย้อนผูกพัน
ปวด ร้าว ตรอมตรมขื่นขมอนันต์
ทำดี สารพันรางวัลที่ได้ก็คือเคราะห์กรรม
โธ่ เอ๋ย พระเจ้าไม่เคยปราณี
ในชาตินี้ ทำดีไม่เคยก่อกรรม
หวัง ให้ ผลบุญได้น้อมนำ
ล้างเวรที่เคยทำ แต่ชาติ ปาง ก่อน
สิบนิ้วประนม สวดมนต์พร่ำบ่นบูชา
กุศลนำมา จงนำข้าสิ้นเวรดั่งวรณ์
หากแม้ ชีวีสิ้นลับดับมรณ์
เวรกรรม ทุกชาติก่อน
บรรเทาผันผ่อน อย่าตามซ้ำเลย...
 

				
18 มีนาคม 2547 21:37 น.

The last leaf..!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/scoopdata.php?id=832
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_31643.php
http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_35405.php

อยากให้อ่านสามเรื่องข้างบนค่ะจะได้รู้จักรู้ใจและสงสาร*ทิน*
พระเอกมากขึ้นนะคะ..ทุกดวงใจ
*********

ทิน..กำลังขับรถกลับบ้าน
จาก.. ITT  Strongsville สู่ครีฟแลนด์ ดินแดนแห่งความฝัน
อันเป็นเสมือนดั่งบ้านหลังที่สองของชีวิตทิน 
ในวันนี้ที่..
เส้นทางสายงามทอดตัวคดโค้งตามแนวเนินไศล
ขนาบข้าง ด้วยขาวนวลแห่งหิมะ..หิมะและหิมะครอบคลุม


ในยามที่
แสงสีทองของดวงสุริยาใกล้ค่ำย่ำสนธยา
กำลังแหวกม่านเมฆหม่นฉายส่อง
ต้องตกกระทบสะท้อนจนเกิด
ประกายสีทองสุกปลั่ง พร่างพรายฉาย..ฉาน
หว่านแสงสวยอาบงามดั่งฉาบทองทา..


เรียวแดดรอนงามระยิบตา..ผจงลีลา คลี่กระจายหวาน
หว่านสายแสงทิพย์สู่หมอกเมฆหม่น 
จนแตกแฉกพรายพร่างสว่างนวลราวทะเลเมฆ..
ให้วิเวกใจให้ไหวครวญหวนหาปานประหนึ่งแดนสวรรค์สรวง...


สายเหมยสายหมอก หยอกเย้า เคล้าคลึงคลอ
พันพาดกิ่งสน ไม้เมืองหนาวทุกราวกิ่ง
ที่นะบัดนี้พรายพราวราวเกล็ดแก้วแวววะวาววับ
จับนัยน์ตาราวเพชรพร่างสล้างทุกก้านกอ
ให้งามอะคร้าวราวสไบสีดาผืนงาม
ยามปักด้วยดวงดอกแก้วกุดั่น


ทิน..
เปิดบทเพลงฝันบรรเลงคลอเคล้าทุกคราคราวที่ขับรถ
เป็นเพื่อนใจ..ในเงียบงามของวงThe CASCADES
*rhythm of The rain*และ*The last leaf*

ใจดวงรอนเศร้า พลันอยากหยุดรถข้างทาง
เมื่อนัยน์ตาอ้างว้างเหลือบแลเห็น..*ดอกไม้สีฟ้า*
แทงช่อละออตาทายท้าละอองละเอียดของพรายหิมะ
ที่กำลังหว่านโปรยปลิดปลิว..ลิ่วลอยควะคว้าง..กลางคาคบไม้



ทิน..หวนรำลึกจำได้ถึง..
สนธยาหนึ่ง..ในซึ้งทรงจำอันหวานหอม
ยามที่ทินค่อยๆประคองรถฝ่าสายลมหนาว
จากนิวยอร์คกลับบ้านที่ครีฟแลนด์เฉกเช่นกัน
หากทว่าในคืนนั้น..หัวใจทินกลับหอมอุ่น
มิอ้างว้าง ไร้ร้างใครจนเหน็บหนาวร้าวใจอย่างในค่ำคืนนี้..

เพราะคืนนั้นทิน มี*เธอ* ยอดขวัญยอดหวังหวานยอดดวงใจ
ซุกตัวหลับไหลบนเบาะนุ่มเคียงข้าง..ในเส้นทางยาวไกล
ที่ทินอยากให้ทอดไปไม่รู้จบ..



*เธอ* คนดีของทิน..
ที่เปรียบดั่งดอกรักดอกบานไม่รู้โรย
ที่พร่างไสวหวานบานกลางใจทิน..มานานนับ..ลึกซึ้งถึงวันนี้
เกือบเจ็ดปีเข้าให้แล้ว นะแก้วตานะดวงใจ...



หัวใจ..ทิน..ที่หนาวเยือกนึกย้อน..
หัวใจดวงรอนรอนอ่อนอ่อนไหวไหว
ที่ทินเองยังสงสัยแทนตัวเอง
เหตุใด ไยมิหยุดเต้น แตกดับกับการนับวันนับคืนรอ..รอและรอ



ใจดวงที่เต้นเร่าด้วยแรงรัก แรงคิดถึงคะนึงหา
ใจดวงที่ทินรู้ว่า..
ราวมี*สองเนื้อใจในหนึ่งดวงหนึ่งเดียว*
ที่ผสานผสมกลมกลืนทั้งรื่นรมย์และทุกข์ร้าวเศร้าใจ
ใจดวงที่มีทั้งกร้าวแกร่งแข็งแรงมั่นคงตรงมั่น
หนักแน่นซื่อสัตย์ในรักดั่งเหล็กเพชรดั่งภูผาทายท้าใจ
มิกวัดแกว่งไหวไกวไปตามแรงกิเลส..
แรงโลกย์!ที่รายล้อมคอยหลอมละลาย



ใจดวงที่..
ยังมีเนื้อใจด้านอ่อนไหวสวยใสพิสุทธิ์ประดุจหยาดน้ำค้าง
ที่ยอมพร่างยอมพลียอมเจ็บปวดรวดร้าวใจกับการเฝ้าคอยค่าคำรัก
เมื่อ..ตระหนัก..ชัดว่า*เธอ*คนดีที่เป็นเทพีแห่งใจเทพีแห่งฝัน
*อันเป็นดวงใจ*ยังมิยอมเผยใจรักมั่น
มิมีแม้กระทั่งคำ..ห่วงหาอาทรมาออดอ้อนวอนเว้า
เฉกเช่นสาวงามทั่วไป
ยามที่ใจซึ้งซาบซ่านหวานละมุนอุ่นอกในรัก..


*เธอ*
ผู้มีงามดวงใจพอกัน
ผู้ฝันถวิลสร้าง*ทุกสิ่งด้วยพลังสมองสองมือนุ่มนวลราวหัตถาครองพิภพ*
ผู้ยังมิลบลืม ยังยึดซื่อถือมั่นค่าคำค่าคน..*กุลสตรีไทย*
มิหลงใหลไปกับโลกอารยะ ที่บ่าโหม..เข้ามาทุกกระแส
ให้ใจแปรไปตามวัตถุ..อย่างลืมหูลืมตามิขึ้น


*เธอ*
ผู้ยังหอมกรุ่นงามร่ำ ด้วยคำ
*รักนวลสงวนตัว*อย่างหญิงโบราณ..
หากแต่มีสมองตระการ
*ดั่งดวงดอกไม้แห่งปัญญา*บานสะพรั่งพรึบ
อย่างนึกไม่ถึงน่าตะลึงหลง..ในความคิด..


*เธอ*
ผู้มีภมรหมายรายล้อมอยากยอมสยบ
หมายชิมรสหวานแปลกแผกผิดพิเศษพิสุทธิ์
ที่หลงเหลือน้อยในโลกยุคโลกาภิวัฒน์นี้..


*เธอ*คนดี 
ที่รู้รักประคองร่าง
ให้หอมพร่างราวหยาดละออละอองน้ำค้าง
ราวรวงหยาดเพชรพร่างกลางหาวห้วงกลางห้วงหาว
และ
..

*เธอ*
คือลูกผู้หญิง*คนดี*ที่ทินยอมสิโรราบ
ยอมมอบร่างรักทรนงสยบในอ้อมอกอ้อมใจ
ไปตราบชั่วกาล..ถวายจิตวิญญาณให้อย่างพลีภักดิ์
เป็นดั่งรักนิรันดร์..เพื่อสรรสร้างโลก..คู่เคียงใจไปด้วยกัน..ชั่วกัลป์กัป์ป


และในวันนี้นะวันนี้
หัวใจดวงดีของทิน กำลังไหวสะเทือน
เมื่อมีคนส่งสัญญาณ.เตือน.ให้ทินกลับมาเมืองไทยเสียที
กลับมาดูแลปกป้องของรักของหวง
ที่ทิน..แสนร้าวรานเมื่อรู้ว่า
*****

*เธอ*ผู้น่ารักน่าเสน่หา..นับวันจะมีภู่ผึ้งมากพิษสงมาหลงใหล
หมายปอง..
หัวใจ..ทินได้แต่อยากร้องไห้..ตะโกนก้องร้องบอกฟ้าดิน
ไยเล่า..สายถวิลสายใจสายใยรักภักดีแห่งจิตวิญญาณทิน
ถึงยังไม่ซึ้งหยั่งไม่ถึงก้นบึ้งดวงใจ
ยังไม่มีเยื่อใยยาวพอ 
ที่จะขอรัดร้อยผูกมัดด้วยรักล้นใจ
ให้*เธอ*ยอดดวงใจเหลียวกลับมามอง 
และรับรู้ว่า


หัวใจ..ทิน..
กำลังจะแหลกแตกยับดับดวง  ด้วยเสียใจด้วยน้อยใจ..อย่างที่สุดแล้ว

ทุกคืนค่ำ..
ทินจะหลับตา..ฝันฝันฝัน..
ฝากใจฝันผ่านฟากฟ้ากว้าง ทางช้างเผือก
ฝากหน้าต่างเมฆ เสกรวงดาวให้กระซิบคำรักรักรัก
ให้ขุนเขาสูงส่งเสียดฟ้าบอกแทนใจว่า
คือความภักดิ์หนักแน่นดั่งแผ่นผา
ให้น้ำในมหาสมุทรมากท้นแทนค่าน้ำใจใสงาม
ที่มิอาจหยุดรักภักดิ์เธอได้เลย..


ทิน..
คิดถึง..เธอ..ในวิมานดินหลังน้อย
บ้านในดงดวงดอกไม้หอมหอม
ดวงดอกแก้วพร่างพราวขาวนวลริมหน้าต่าง
กับผ้าม่านรายรอบเตียงโบราณปลิวไสว
กับเสียงนกไพรละเมอครวญ
กับหวนไห้กลิ่นการะเวกทวนลมพิไรร่ำ
ในยามค่ำ
กับแสงเทียนวับแวม  หวามไหว
กับมาลัยมะลิสดหอมกรุ่นเคียงหมอน
ให้หอมในนิทรา  พาหลับหลับฝันดี..
***


ทิน..
คิดถึง
ดวงดอกจำปีริมชายคา
คิดถึงวงหน้างามหวานละมุน
คิดถึงดวงตาซึ้งเศร้า ทว่าเร้าใจรัก
คิดถึงริมฝีปากบางบางช่างเจรจานัก
และ..คิดถึง..คิดถึง..และคิดถึง..และ
สิ่งสุดท้าย 
ที่แสนมหัศจรรย์รัก 
ที่แสนประทับใจในความทรงจำทุกคราครั้งหวังคืนหลัง
ยามใจพะวง มิวายหลงมิลางเลือนพรายพราก
หากหวนหาให้ตอกย้ำจำจด


คือ..
ภาพอันงามงด
ในวันที่ได้ปลูก*ต้นไม้แห่งรัก ต้นพุดซ้อน*
ไม้เสี่ยงทายไว้เสี่ยงใจ ในหมายมั่นคำสัญญา
*หากดวงใจรักยังมิราโรยร่วง..
ขอให้ดวงดอกพุดละออละอ่อน
ที่หอมงามจักบานไสวคู่วิมานใจวิมานดิน
ให้บานอวดดอกหวานสะพรั่ง
คลี่ดวงดอก รอรับรัก คืนกลับมา
****

ทิน..หยุดฝัน..หยุดคิด
พร้อมกับเสียงเพลงบรรเลง*The last leaf..!*
พลันหยุดสนิท..ตาม
และ


ชั่วพริบตาแห่งงามฝัน..
อันลอยละล่อง..ในคลอครองดวงวิญญาญ์..ทิน
ที่ทั้งร่างและดวงใจรักหวังสถิตพัก
ในบ้านแห่งรักภักดิ์พลีในโพ้นฟ้าไกล
บ้านดวงดอกไม้หอมหอม..
กับใครบางคนที่ทินเฝ้ารออย่างแสนรัก  มาแสนนาน
และ..กับ
โลกจริงตรงหน้า
ที่ทินกำลังพาหัวใจดวงเหว่ว้าใกล้จะถึงบ้าน..ที่มีแม่พ่อรอรับ..
*********

หัวใจ..ทินชะงักแทบหยุดเต้น
เมื่อเห็นร่างๆร่างหนึ่งถลันลงมาจากเนินเขาข้างหน้า
และกำลังจะวิ่งตัดหน้ารถ.....ทันทีทันใด!!



สัญชาติญาณแห่งมนุษยธรรมในหัวใจทิน ดวงแสนดีแสนงาม
พยายามบอกทิน..ให้เหยียบเบรค..กระทันหัน.!!
หวังรักษาชีวิตเพื่อนมนุษย์


แต่...!!
ทว่า..ทำไม ทำไม และทำไม
รถทินถึงบังคับพวงมาลัยไม่ได้!..

มันหมุนคว้าง คว้าง คว้าง พลิกคว่ำ พลิกหงาย พลิก พลิก หลายตลบเหลือเกิน..
ทินหลับตา..ราวโลกถล่มทลายตรงหน้า
พร้อมภาวนาธรรม..ยึดมั่น


และก่อนสติ.จะพลันดับวูบ..ลง

ทิน..แย้มยิ้มอิ่มเอมใจ..กับ
ภาพงามในฝัน ยอดดวงใจแห่งจิตวิญญาณภักดิ์พลี
ที่พลันปรากฏ..กระจ่างพร่างพราวกลางเรียวรุ้งเรียวหมอก

เธอ..ยอดดวงใจของทิน
ยิ้มซึ้ง หวานเศร้าละมุน
ราวปลอบประโลมใจดวงร้าวดวงเศร้าของทิน

และในมือของ*เธอ*มีงามพราวของดวงดอกพุด 
ดอกไม้แห่งสัญญาใจสัญญารัก.
ยื่นส่งมาให้ทิน.อย่างช้าช้า ให้ทิน..ค่อยๆไขว่คว้า..
และ....

ก่อน..ที่..ทิน จะหลับตา
ปล่อยร่างและใจดวงเหว่ว้า...ให้ปลิดปลิว...

ไปกับสายลมในยามค่ำ..ที่กำลังร่ำไห้...อย่างดายเดียว..!
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด