2 กันยายน 2547 08:32 น.

ขมิ้นเมือง!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=363
บทรำพึงถึงขมิ้นไพร
ไยดวงใจมิเหลืองอ่อนผ่องผุดพราวละมุน..
ดั่ง*ดวงดอกบัวทองผ่องพุทธ*บานนะกลางใจ..ไยเล่าใจเอ๋ยเอยใจ!


นวล..กำลังฟังเพลงนี้
ในค่ำคืนนี้กับฝนที่ฉ่ำฟ้า
กับน้ำตาที่ระรินหลั่ง
ที่ขอพลีบรรณาการ
แด่มวลมนุษย์ที่กำลังดิ้นรนเดียวดาย
ในท่ามกลางโลกแล้งไร้และในน้ำใจแล้งสิ้น..



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=363
นกขมิ้น 
ค่ำ คืน ฉันยืนอยู่เดียว ดาย
เหลียว มอง รอบ กาย มิวายจะหวาด กลัว
มอง นภา มืด มัว สลัว เย็นย่ำ
ค่ำ คืนเอ๋ย ฮึม
ยามนภาลับไป ใกล้ ค่ำ ยินเสียงร่ำ คำบอก
เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย เจ้า ดอก ขจร
นก ขมิ้น เหลืองอ่อน 
ค่ำแล้ว จะนอน ไหน เอย
เอ๋ยเล่า นก เอย
อก ฉัน ทุกวันเฝ้าอาวรณ์
เหมือน คนพเน จร ฉันนอนไม่หลับ เลย
หนาว พระพาย พัดเชย อกเอ๋ย หนาว สั่น
สุดบั่น ทอน ฮือ
ยามนี้เราหลงทาง กลาง ค่ำ
ยินเสียงร่ำ คำบอก เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย
เจ้าดอก ขจร ฉัน ร่อนเร่ พเน-จร
ไม่ รู้จะนอน ไหน เอย เอ๋ยโอ้ หัวอก เอย
บ้าน ใด หรือใครจะเอ็นดู
รับ รอง อุ้ม ชู เลี้ยงดูให้หลับ นอน
นกขมิ้น เหลืองอ่อน ค่ำไหน นอน นั่น
อก ฉันหมอง ฮือ
ทนระกำช้ำใจ ยามค่ำ ยินเสียงร่ำ น้ำตก
โอ้ หัวอก เอ๋ย โอ้ อก อาวรณ์
ฉัน ไร้คู่ ร่วม คอน ต้องฝืนนอน หนาว เอย
เอ๋ยโอ้ หัวอก เอย
เหม่อ มอง หมายปองก็แล เห็น
หวิว ใน ใจ เต้น เหมือนเป็นเพียงแต่ มอง
เหมือน พบรัก จะครอง แต่หมอง เกรง ที่
หวั่นจะมี เจ้าของ ฮือ
ฟังสำเนียงเสียงเพลง ครวญค่ำ
ใครหนอร่ำ คำบอก เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย
เจ้า ดอก ขจร นกขมิ้น เหลือง อ่อน
ค่ำ นี้ จะนอน ไหนเอย เอ๋ย นอน นี่ เอย...
*********



เย็นมากแล้ว
กับมากมายผู้คน..
ที่ราวนกกลับรัง
ผึ้งแตกรวง
บนถนนสายเศร้าสายดายเดียวในทางจิตวิญญาณ
ในความรู้สึกล้ำลึกคะนึงนึกในใจนวล..


โลกนี้..ช่างมากมีมากมายมนุษย์เสียนี้กระไร
ที่ต่างก็พากันมีโชคได้มาเกิดกาย
มาชดใช้กรรมเก่า
มาค้นพบเงากรรม
มาร่ายรำบทเพลงเดิมเติมทุกข์ต่อ



มาก่อบุญกุศลใหม่
มาพลีใจพลีจิตพบพระพุทธศาสนา
มาสร้างความว่างอันเป็นนิรันดร์
มาใฝ่ฝันรู้รักเมตตาเสียสละฝึกการให้ไร้ร้องขอ
รู้พอเพียงเพียงพอสมถะเงียบงาม
ใต้ร่มธรรมร่มทอง
ใต้ร่มฉัตรแก้วของผืนดินแผ่นดินอันแสนร่มเย็นเป็นสุข
อย่างหาคำเปรียบประมาณมิได้



หากดวงตาเห็นธรรม
ดวงใจเห็นความไม่เที่ยง
เห็นเส้นทางแท้ทางทองทางธรรม
ที่จะเลี่ยงหลบมิพบทุกข์มิพบรักอันหนักราวศิลา
จากกิเลสในโลกหล้าอันมากมายสุดพรรณา
ที่พากันมายั่วยุให้ใหลหลงพะวงหามิรู้สิ้นรู้จบ
ให้ต้องมาพบเจอให้ต้องมาเพ้อระทม
ให้มาดิ้นรนสับสนวนว่ายว่อง
เต็มไปทั้งท้องทะเลโลกย์ทะเลใจ


เรือเอ๋ยเรือมนุษย์
มิรู้สิ้นสุดหวังพบฝั่งฝัน
พบพลังเกษมนิจนิรันดร์เมื่อใดเล่าหนอ
หากมิเพียรพาพายว่ายด้วยน้ำใจใสงาม
ไหว้ด้วยดวงดอกความดี
พลีน้อมจิตให้หยุดคิดหยุดเศร้าเหงาดายเดียว
หยุดเหลียวมองหาน้ำใจ
หยุดไม่คาดหวัง
หยุดหลั่งน้ำตาระรินยามพบความเห็นแก่ตัว


หยุดนิ่ง
และก้าวเดินตรงไปในเส้นทางข้างหน้า
สอนชีวาให้รู้ว่า
นับวันจะพบมากมีคนที่ใจดวงดีไร้ละมุนจริง
มีแต่ยิ่งทำร้ายกันด้วยกายวาจาใจเชือดเฉือน
ไม่เห็นค่าความดีงาม
มีแต่แล้งไร้น้ำใจ
ไม่มีแม้น้ำคำอันน่าจะพร่ำหอมห่ม


โอ้
หัวใจคนเอ๋ยคน..
เจ้านกขมิ้นไพร..ขมิ้นเมือง
ไยให้โลกปลอมปนแปดเปื้อน
มิเหลืองอ่อนละมุน...

ให้โลกเมืองย้อมดลกระหน่ำใจเจ้า
ให้เหลืองกระดำกระด่าง

ไร้สีพราวพร่างพิสุทธิ์ใส
ไร้สิ้นปรานีผู้ใดเล่า.
ให้ปีกงามพราว
เพียงภายนอกดอกละหรือไร..ใจเจ้าเอ๋ยเอย..!
				
1 กันยายน 2547 10:56 น.

เจ้านกไพรในไร่รัก!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=19
(อาลัยรัก)

**********

บทกวีนิพนธ์
*หน้าต่าง* ร้อยรจนาโดยกวีแก้วคุณเรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์กวีซีไรท์2547ค่ะ


นี่คือโลกสีเทาของเช้าหนึ่ง              
นกของความคำนึงบินถึงไหน
บินไปสู่ภูเขาลำเนาไม้                       
แลเห็นอยู่ไกลไกลสีไอน้ำ

โลกยามเช้าลำเลียงเสียงลมเช้า         
พลิ้วระลอกหยอกเย้าทุกก้าวย่ำ
ผ่านทุ่งนาป่าไร่ไหวลำนำ                  
มาอบร่ำเริงร้องห้องแสงตะวัน

หรือในเธอเผลอหลับกับที่นอน       
สมุดจดบทกลอนยังฟ้อนฝัน
ยังค้างฟ้ารอคอยรูปรอยจันทร์           
หรือตื่นตาแล้วนั่นพลันปล่อยนก

นกของความคำนึงบินถึงไหน            
บินมิถึงซึ่งใดกลับไหวตก
บินมิถึงครี่งใจกลับไหววก                 
กลับมาสู่ห้องรกเรือนร้าง

มาสู่ห้องหมองไหม้ไร้ชีวิต                  
บานหน้าต่างปิดมิดทุกทิศข้าง
ลมเฝ้าเคาะจากไปอย่างไหวว้าง         
แดดเฝ้าคอยจนจางกระทั่งพลบ

นกของความคำนึงบินถึงไหน          
ทุกแดนถิ่นบินไปไม่รู้จบ
ฝ่าลมแรงโบยเร้าเงาแดดลบ           
ผ่านคืนงามสงบพบรุ่งเช้า

นกดวงตาผู้ท่องมองลงมอง               
จากโพ้นฟากฟ้ามาคอยเฝ้า
จับในบานหน้าต่างระหว่างเรา         
ระหว่างเยาว์ระหว่างย่านของบ้านเรือน

และเฝ้ามองผองใครในทุ่งข้าว          
เริ่มเก็บเกี่ยวเกรียวกราวละคราวเคลื่อน
ใครขานกู่สู่เช้ามาเหย้าเยือน           
โลกดูเหมือนเคลื่อนคล้อยเพียงน้อยนิด

ฉันย่างก้าวเบาบางพลางตามต้อย      
ขณะเธอกรองร้อยประดอยประดิด
ให้มิห่างเกินไปมิใกล้ชิด                  
ให้เธอได้นึกคิดแม้นิดน้อย

กว่าจะรู้ว่าฉันนั้นตามมา                   
ฉันแสร้งยิ้มมารยาตาละห้อย
ในโมงยามข้ามคืนผู้ตื่นคอย              
พ่อยอมปล่อยฉันลูกคู่ช่วยกู้ปลา

เช่นกับเธอสิ้นสุดหยุดบันทึก             
อิ่มอยู่ในรู้สึกอันโหยหา
แม่เรียกขานเธอเต็มใจไม่รอช้า        
งานบ้านเคยธรรมดากลับล้ำลึก

ฉันเสาะหารอยยิ้มริมหน้าต่าง            
ในทุกทุกเส้นทางอย่างรู้สึก
นกข้าในชีวิตความคิดนึก                  
ได้กู่ก้องร้องกึกลึกและไกล

เห็นฉันไหมในกรอบขอบหน้าต่าง      
สองแขนกางต่างปีกกระพือไหว
มิต้องคอยต้อยตามคอยห้ามใจ            
ต่อทุ่งเช้าเยาว์วัยบินไปแล้ว

*********



ไพล..ระรินน้ำตาอย่างดายเดียว
ด้วยล้ำลึกรู้สึกดิ่งด่ำดื่มด่ำกับทุกบทกวีและ
หนึ่งในหลายบท
*ในชื่อกลับไปเยี่ยมวัยเยาว์*
*กวีนิพนธ์รางวัลซีไรท์ประจำปี 2547*
แม่น้ำรำลึกของกวีแก้วอีกท่าน..
คุณเรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์*
ที่ไพลขอคารวะด้วยศรัทธารักและชื่นชมค่ะ

และอยากฝาก
ให้ทุกท่านบนถนนสายฝันสายดอกไม้งาม
ได้ติดตาม
*กลับไปเยี่ยมวัยเยาว์*
ที่ช่างเยาว์ขวัญฝันอันเยี่ยมยอด
ยอดเยี่ยมในรักอันบริสุทธ์ใสในบ้านเกิด..
ให้ฝันได้พริ้งเพริศ
นำมารจนาและสร้างพลังใจ..



ท่ามกลางแสงเทียน
อันพร่างแสงอ่อนโยนเหนือหัวนอน
ในคืน
ที่ฟ้าเทาทึมเครึ้มเมฆฝนพยับ
จันทร์เสี้ยวดวงโศก..ยิ้มหวานเศร้า
มาทายทักโลกและไพล

ริมหน้าต่างเรือนจำปี
หน้าต่างใบไม้ลายดอกแก้ว
หน้าต่างที่เปิดใจดวงนี้ให้หวามไหวหวานงาม
ให้ค้นพบความนวลละมุนละไมจากร่มเรียวไม้
ริมชายคาแห่งรัก
วิมานดินกระท่อมดอกไม้หอมแห่งนี้

ให้คิดถึง..นกไพร
เจ้านกไพรในรวงรังไร่รัก!
คิดถึงอย่างซึ้งสุดใจแล้วค่ะ
คิดถึง..คิดถึง และคิดถึง
และ
จะกลับมาฝากคำคะนึงต่อในค่ำคืนนี้ค่ะ

**********



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=219(เดือนต่ำดาวตก)
เจ้านกไพรในใจนวล

นวล..รอนกไพรกลับมาซุกปีกซบใจ นานเนิ่นเกินนับราวชั่วกัปป์กัลป์
ปี..เดือน..วัน ฝันพรายพลัดให้พรากจากมิพบเจอ

วันนี้!..นกไพรนกในใจนวล คืนคอนรอนแรมคืนรังเก่า..
หัวใจนวลพลันสุกใสดั่งดาวประกายพฤกษ์

นกไพรในใจนวลยืนอยู่นั่น!ตรงหน้านวลนี่แล้ว
ใต้ร่มไม้ใต้เงาดาวใต้แสงจันทร์


นวลก้าวพลันออกมาจากเงามืดริมชานเรือน 
ท่ามกลางแสงจันทร์เพ็ญอาบพร่างร่างนวลละมุนหวาน..

เรียวตาสีสนิมเศร้า ร้าวรานจ้องจับนวลอย่างไม่เชื่อสายตา
ราวกับว่านวลคือนางไพรนางในฝันพลันโผล่มาจากสวรรค์สรวง..

นวลยิ้มรับหวานเศร้า แลเห็นพราวน้ำนัยน์ตาเขาวะวาววับ
เสียงเขาครางราวกับหวนไห้โหยหา ใครสักคน.


และใช่!..เลย
นวลรู้ดี..ไม่ว่ากี่ปีกี่ชาติ รอยพิสวาส
ที่เขาฝากไว้กับนวล มิมีวันจะลาเลือนลอยลับลาล่วง
ดั่งดวงดาวที่จะทอแสงสกาว..
ประดับฟากฟ้ายามราตรีชั่วชีวาชั่วชีวีมิเลือนลับดับดวง...
และ..
นวลก็ซึ้งดีว่าในทุกนาทีแห่งโลกหมุน..
หากเขาดายเดียวไร้ใครเหลียวแลปลอบประโลม
เขาก็จะยังมี..นวลคนนี้ ที่ยินดีจะเคียงข้างมิร้างราแรมไกล
ที่จะเป็นดั่งนางฟ้าดั่งดาวประดับใจส่องนำทางใจให้พ้นมืดมน.

.
นวล..ยังจำรอยรักรอยพิสวาส บาดใจเนิ่นนานปีกับราตรีที่ผ่านลาเลย
เป็นรอยรักรอยใจรอยอดีตที่คิดคราใดก็หวามไหวมิรู้เสื่อมสลายคลายมนต์..

คืนที่ฟ้าเบื้องบน..เป็นพยานใจ 
พ่อแม่ญาติมิตรพี่น้องรู้เห็นเป็นใจยินดีปรีดาพากัน 
หลั่งน้ำสังข์..สวมมงคลคู่สู่สองดวงใจ
ให้คล้องสายใจสายใยรักรวมเป็นหนึ่งเดียว..ชั่วกาลนานนิรันดร์
คืนที่ฟ้าปรานี..คืนที่ฟ้าแสนหวานแสนงาม
ให้นกไพรซุกซบกับอ้อมอกอ้อมใจอ้อมตักตราบชั่วกาล
ในคืนหวานในคืนเพ็ญเด่นดวงอย่างเช่นค่ำคืนนี้..


ณ..คืนนั้นที่เขาคนดีเป่าขลุ่ยเพลงเดือนเพ็ญ
พร่ำพลอดออดอ้อนพะเน้าพะนอรัก
เคล้าไปกับหวานซึ้งของโมกกอ 
กับหอมละออของดงดอกราตรีริมชานเรือน
กับลำดวนดงส่งกลิ่นหอมฟุ้งกำจาย 
กับพรายพระจันทร์หวานหยาดสายไล้โลมร่างงาม
กับเงาไม้ล้อลมระริกไหว
กับกอไผ่ซัดส่ายซอนเซาะซอกแซก 
แหวกหวานหว่านมนต์ดนตรีธรรมชาติ


เสียงดุเหว่าแว่วมาพาให้หัวใจละมุน 
เขาคนดี..ค่อยๆคลึงเคล้าเล้าโลมละมุนจูบแผ่วริมเรียวแก้มปากคอคิ้วคาง
อย่างแสนรักแสนหวงยอดดวงใจที่เขาคอยพร่ำเพ้อรำพัน
อยากกกกอดทั้งวันมีผันแปรร่างห่างเจ้านวลหอมหอมแม่จอมขวัญจอมใจ


ท่ามกลางดาวพราย ดวงดอกไม้เริ่มขยายกลีบละออ
รอน้ำค้างพร่างรับอุษาสาง
แสงจันทราทอทอดลอดผ่านม่านใบไม้ลายดอกแก้ว..
มุ้งม่านพลิ้วไหว แสงตะเกียงริบหรี่ส่องรำไร สู่ร่างนวลละออ งามล้ำ
เขาเฝ้าแต่พร่ำบรรเลงบทเพลงรัก
ตราบจนอุษาฟ้าสางจนอรุณเรื่อราง..สว่างหอมน้ำค้างไพรน้ำค้างรัก



เป็นความรัก..ความงดงาม หมดจดใจ จากเนื้อนวล นวลเนื้อ นวลใจ
นวลนางกลางไพร ที่พิลาสพิไลพิสุทธิ์ผุดผ่อง 
ดั่งน้ำค้างไพรกลางกลีบเกสรดอกไม้แห่งรัก
ภักดีพลีพร้อมหลอมรวมร่างใจและจิตวิญญาณ
ที่ผ่านเพาะเพียรบ่มอดทนการรู้ค่ารักค่ารอ 
อย่างหญิงดีมีค่า ให้สมกับคำล้ำค่าคำว่ากุลสตรีไทย 
ที่เกิดมากับพงไพร ฟ้าใส ดาวสวย
ในชนบทงาม ที่รักแล้วต้องรู้รอวันหวานด้วยการรักษาร่างรักษารักภักดี
ให้ผ่านพิธีวิวาห์สืบทอดรักษาวัฒนธรรมไทยวัฒนธรรมรัก
จักธำรงงามดำรงอยู่รู้ค่ารักหนักแน่นมั่นคง
รู้สัตย์ซื่อถือตรงในชายเดียวหญิงเดียว...


*******
และไม่นานกับวันปีผันผ่านกับกาลเวลาแห่งคืนหวานหอม
ใครจะรู้..
ชะตา ฟ้า ดิน นรกฤาสวรรค์พลันดลบันดาล..

หัวใจลูกผู้ชายคนดีคนแกร่งคนเก่งคนกล้าเกินกว่าใคร
จำต้องเลือกตัดสินใจลาจากด้วยเงื่อนไข งานดีเงินงาม
สู่เมืองแสงสีศิวิไลซ์ สู่ความซับซ้อนใจสับสนอลวนอลเวงแห่งเมืองลวง
เมืองแห่งแสงสี ที่ต้องสู้ที่มีทั้งคนดีคนชั่ว
คละเคล้าเกลือกกลั้วกันทั่วไปทุกสังคมเมืองใหญ่..


แสงสีที่เขาเคยเกลียดชัง..
นกไพรจำจากรวงรักแห่งรัก รอนแรม
ไร้ร้าง อ้างว้างเปลี่ยวเหงาดายเดียว 
ทิ้งนวล..ราวข้าวรอเคียวเกี่ยวเก็บกับแม่พ่อที่ท้องทุ่งรวงทอง
นองน้ำตารอรอและรอ...

เพื่อรัก เพื่อความหวัง เพื่อพลังใจ..จะมีเงินกลับมาพลิกฟื้นผืนดิน 
หมดหนี้สิ้นหมดภาระผูกพัน..หน้าที่ทางใจ ...
เยี่ยงคำว่าลูกผู้ชายหัวใจไพรไม่ทิ้งชาติเชื้อทรนง..
ที่พร้อมพลียินดีเสียสละให้ผู้เป็นที่รักดั่งดวงใจ 
ที่ฝากความรักความฝันความหวังไว้ที่เขาแต่เพียงผู้เดียว!

นกไพร..ใจอ่อนล้า ร่างกายผ่ายผอมตรอมตรมใจ
ในกรุงกรง...หลงทำงานให้ลืมวันลืมคืนเหมือนอยากหลับมิรู้ตื่น
ฝืนเผชิญฝันร้ายฝันเศร้าดายเดียวเปลี่ยวเหงาลำพัง..
********
กระทั่งวันนี้...
วันที่นกไพร ตัดสินใจคืนคอน 
จบละครโลกบทโศกสะเทือนใจ
ฝากสอนใจฝากตำนานคนสู้มิรู้ถอย
คอยเวลาด้วยความอดทนเพียรพยายาม..
รอเวลากลับสู่เรือนชานรวงรังแห่งรัก
สู่อ้อมตักอ้อมใจอ้อมกอดยอดดวงใจ
แม่พ่อและนวลละออนางใจเพียงหนึ่งเดียวในชีวี..



นกไพร..ดำรงร่างทำหน้าที่แห่งหัวใจลูกผู้ชายได้อย่าสมภาคภูมิ
บนเวทีแห่งเกียรติยศ หวังฝากผลงานงามปรากฏเกียรติเกริกไกร
รับรางวัลใหญ่บนเวทีระดับชาติ จากพรสวรรค์บวกพรแสวง
สู่เส้นทางงามเส้นทางสายฝันด้วยความขยันอดทนเพาะเพียรบ่ม
ด้วยเลือดรักนักสู้เป็นดั่งตำนานใจตำนานไพรไปชั่วกาล..


และ
นกไพรได้ปิดฉากชีวิตอันยิ่งใหญ่อย่างงดงามตระการตาตระการใจ
ฝากชื่อลือค่าไว้กับผืนดิน ฝากร้อยรจนาบทถวิลเป็นธรรมทาน
หว่านโปรยสู่ดวงใจผองชนผู้ทุกข์ทนยากผู้สิ้นไร้หวัง

ให้หาญกล้าทายท้าเผชิญโลก
อย่างผู้รู้ตน ผู้รู้รักรู้ธรรมนำมาเกื้อกมลเกื้อโลกละมุน.. 


ลดเร่าร้อนรุนแรงทุกแห่งหนในโลกหล้า..
ดั่งสายธาราดับแล้งทุกแห่งหนทุกผืนดินพร่างพรม
ห่มด้วยความรักน้ำใจอภัยเมตตากันและกัน
ฉันท์น้องพี่เพื่อนร่วมโลกแบ่งโศกปันสุขรวมโลกนี้เป็นหนึ่งเดียว
*****



นกไพร..เจ้านกไพร..
น้ำตาปิติ..จากใจดวงงาม  กำลังพร่างสายรินไหล
หอมละเมียดหอมละไมหลอมละลายไปกับรอยจูบดื่มด่ำกับเรียวแก้มนวล!

********************
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด