20 กันยายน 2547 11:57 น.

ใบบัวใบบุญ!

พุด


Urlhttp://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=420
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=150
(บุษบาเสี่ยงเทียน)
********


ใบบัว..กำลังยืนคลี่ยิ้มอิ่มเอม
อยู่ท่ามกลางลานจันทร์ ลานธรรม
ลานกว้าง ที่ถูกโอบรายล้อม
ด้วยอาคารชั้นเดียวทรงเรียบง่าย
ที่ฉาบปูนทิ้งทีแปรง
แฝงร่ำความงามล้ำแบบโบราณ 

และ
ทุกห้องหับ
ที่รายล้อมลานหญ้านั้น
ภายในจะมีเพียงแค่เสื่อกก
กับ
ตู้เก่าแบบเดียวกับตู้เก็บพระไตรปิฎก
ไว้เก็บพระธรรมคำสั่งสอน

บนหัวนอนจะมีก็แค่ตอไม้เตี้ยๆ
ไว้วางแท่งเทียนไว้เขียนอ่านหนังสือ

และ
จะมีชานยื่นออกมารับเสากลมรายรอบ
ระบียงอาคารตามอย่างวิหารวัดบ้านนอก

หลังคาใช้กระเบื้องว่าวเก่ามามุง
ให้ดูงามขลังงามคร่ำงามเงียบสงบ

ตรงกลางลาน
คือโถงอาคาร
ที่เลียนแบบสร้างแบบโบสถ์เก่าคร่ำ
ที่ใบบัวหวังต้องการ
ให้อาคารสมถะงามเงียบเรียบง่ายนี้

งามดั่งกระท่อมธรรมกระท่อมทอง
ที่ใบบัวจะใช้สำหรับนั่งสมาธิ วิปัสสนาในยามค่ำคืน


แทนที่
จะดั้นด้นไปตามโบสถ์เก่า
ที่ใบบัว..แสนศรัทธาใจ

ที่ซึ่งใบบัว..
ตั้งใจจะสร้างให้งามง่ายอย่างที่สุด

มีเพียงยกพื้นสูงขึ้นไป
ไว้ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์โต
ที่งามผ่องผุดสุกปลั่งเพียงองค์เดียว


ไว้เป็นศรัทธานิมิตร
พาพบสะอาดสว่างสงบ
พบจิตกระจ่าง

ใบบัว..ตั้งใจ
ให้มีแค่แสงเทียน รำไรกระจายจับ
พระพักตร์พระพุทธิ์ผู้บริสุทธิคุณ 
ส่องสว่างให้กระจ่างจับจิต
ราว*แสงสงฆ์*


ให้ใบบัว..
ได้สวดมนต์ภาวนา
น้อมสมาธิเพียรพลีบูชา
ส่องนำทางในทุกนิยามชีวีชีวิตที่เหลืออยู่
ในชีพนี้
ที่ช่างแสนสั้นเสียนี่กระไร
ช่างไม่มีอะไรจะเที่ยงแท้แน่นอน...



ใบบัว.. 
ได้รับมรดกที่ดิน 6 ไร่ 
ที่มากพอ
จะมาสร้างบ้านแห่งความฝันอันสูงสุด

ให้เพียรฝึกพาสู่วิมุติ
ให้หลุดพ้น
จากพันธนาการใจพันธนาการโลกย์


ให้ได้ชิดใกล้ธรรมะ ธรรมชาติ
อันงามเงียบเรียบง่ายแสนสมถะ

เพราะว่าโลกของใบบัวนั้น
ตั้งแต่เด็กมาแล้ว
ที่
เติบงามมากับความงามง่าย  ไร้แสงสี
เห็นก็แต่คนใกล้ดวงชีวี
คือคุณยาย
ที่ใช้ชีวิตในชนบทอย่างสมถะ

ใบบัว..จำได้..ทุกวันพระ 
ใบบัวจะต้องเตรียมจัดของไปวัด
ด้วยใจที่อิ่มงามอย่างเหลือเกิน........ 


ใบบัว..จำได้ดี
ถึงยามเช้าแสนสดชื่นสดใส
ของชีวิตบ้านนอกของใบบัว.... 

ยามเช้า
ที่เป็นวันสำคัญๆของชีวิต...

ที่ใบบัว..จะต้องตามคุณยายไปวัด..
ไปทำบุญตามประเพณีไทย 
ที่หล่อหลอม
ให้วิถีไทยวิถีใจของใบบัวมีความสงบ.
เรียบง่าย มากล้นน้ำใจ.. ต่อทุกสรรพสิ่ง.....


ใบบัว..
จะตื่นมาพร้อม
กับเสียงไก่ขัน เอ้ก อี เอ้ก เอ้ก....... 
กับกลิ่นดอกราตรี โมก และดอกพุดริมรั้ว 
ที่ได้น้ำค้างยามเช้าพรมพร่าง 

มาหอมอวลปลุกนิทรา 
เสียงถ่านประทุ 
กลิ่นข้าวหอมร้อนๆ
ที่เดือดปุดๆบนเตา 

เสียงตำน้ำพริก 
เสียงภาชนะกระทบกัน 
ล้วนแล้วแต่เป็นเสียง
ที่ทำให้ใบบัวลุกจากที่นอน...... 


ใบบัว..มีหน้าที่
จะต้องเตรียมดอกไม้เพื่อไปถวายพระ...

เป็นดอกไม้
ที่ใบบัวเก็บจากริมรั้วบ้าน 


ชบาแดงจัดจ้าน .....
บานชื่นหลากสี
ที่ใบบัวคิดว่าคงแทนความเบิกบานร่าเริงใจ...... 

ดาวเรืองเหลืองละออ....แทนความสว่างไสวของชีวิตชีวา.....


ทุกๆดอกคือความงาม
ที่ใบบัว 
คัดสรรด้วยใจดวงงามของใบบัวเอง.....

เอาความอิ่มเอิบของใจที่ใสงาม
และ
เย็นฉ่ำราวน้ำค้างยามเช้า 
มาผูกเป็นช่อร้อยรัด ........
ทุกๆสิ่ง
ที่ใบบัวนำไปวัดมาจากใจที่งามล้ำค่าดั่งมณี....


ใบบัว..
จะช่วยคุณยายจัดของทุกอย่างใส่ลงใน..กะเฌอ.....
ซึ่งบ้านใบบัวเรียกอย่างนี้.. 

กะเฌอ..คือภาชนะที่สานละเอียดยิบ 
ด้วยไม้ไผ่ตอกละเอียด 
ด้วยฝีมือวิจิตรบรรจงของคนทางใต้ 
นำมาถักทอเป็นลวดลายงาม 


ในยามอุษาสาง
น้ำค้างยังทรงหยด
ดาวพระศุกร์ยังแขวนฟ้างามงดสุกปลั่ง
ดุเหว่าดงในพงไพรยังร้องเพลงหวานแว่วแผ่วมา


กับฟ้ากว้าง
กับทางช้างเผือก

กับฟ้าเริ่มระเรื่อรุ่งราง
ราวสายแสงสีรุ้งพร่างอำไพ

กับเสียงระฆังหง่างเหง่งๆวังเวงแว่ว
ราวเสียงดนตรีแก้ว
จากทิพยสถานวิมานทองวิมานธรรม

ให้พระสงฆ์ลงโบสถ์คร่ำสวดมนต์ทำวัตรเช้า
ให้เสียงสงฆ์เสียงธรรม
กระหึ่มก้องใจ ก้องไพรงาม..สงบใจ


และเมื่ออรุณใสหวาน
ตะวันเริ่มพรายพร่างแสงแจ่มจรัส

คุณยายและใบบัว
จะค่อยๆเดินฝ่าละอองหมอกครรลองน้ำค้าง
เดินตามกันไป
ในท่ามทุ่งทิพย์รวงทองท้องทุ่งนา
คุณยายจะทูนกะเฌอไว้เหนือศรีษะราวน้อมคารวะ


และ
ใบบัวน้อย
จะค่อยๆหิ้วปิ่นโตตามหลัง

กับในกำมือมีดวงดอกไม้นานาพรรณ
ที่ถูกพันผูกมัดรักร้อย
ราวสร้อยแสงแห่งศรัทธาใจ


ให้แก้มงามใสงามเยาว์
ระดะดวงดอกข้าวดอกน้ำค้างดวงดอกไม้ไพร

ให้หยาดละออละอองน้ำค้างใสเยียบเย็น
พร่างพรมผ้าถุงผืนงาม
ในทุกยามอุษาสาง


ที่นะกลางไพร...
ให้สองดวงใจสวยใส
มองฟ้าไกล 
มองยอดเจดีย์สีทองรำไรๆโผล่พ้นทิวไม้
ทายทักดวงตะวันอันอ่อนอุ่นโอบเอื้อ
และ
ให้ดวงดอกตะวันบานสะพรั่งนะกลางใจไปพร้อมๆกัน
******


และขอ
ย้อนกลับมานะวันนี้กับวันนี้

ที่ใบบัวแสนจะมีความสุข
ที่ใบบัว
ได้กลับมาเนรมิตฝันให้เป็นจริง
ทุกครั้ง
ที่ใบบัวเหนื่อยล้าท้อแท้กับงานประจำที่ทำ


ใบบัวจะเตือนตัวเองซ้ำๆว่า
ใบบัวมีเป้าหมายอะไรในชีวิต

ใบบัวไม่คิดสะสมวัตถุมากมี 
ไม่เคยคิดใช้ชีวิตหรูหราเท้าไม่ติดดิน
ไปตามอาชีพเงินดีเงินงาม
ชีวิตนางฟ้า นางสวรรค์


ไม่เคยลืมว่า
รากเหง้าใบบัวนั้น...
มาจากไหนและทำไม

ได้มาชูช่อไสวพร่างสว่างในโลกกว้างทางไกล
และควรจะเลือกดำเนินชีวิตไป
ในทิศทางธรรมทางใด


ถึงจะเป็น บัวดอกบัวใบ บัวงาม

ให้หยาดน้ำค้างใส
หยาดน้ำค้างทิพย์จากทิพยวิมานนางฟ้า
มาสถิตพร่างพรมมาห่มหอมใจ
มากลิ้งวะวับไหววะวับวาวราวเพชรน้ำดี

มาสอนบทเรียนใจ
บทเรียนธรรมบทเรียนทอง
พายพาลอยล่อง
ท่องเหนือทะเลโลกย์ทะเลโศกสุขเศร้าเร่าร้อน
ให้ใจงามผ่องงามพราว
ราวหลุดพ้นโคลนตมดั่งบัวพ้นน้ำ


ใบบัว..คือผู้หญิงชาวดิน 
ผู้หญิงที่ถูกหล่อหลอม
ถูกกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดู
มาด้วยความทะนุถนอม
มาด้วยความรักที่งามนักงามหนา

ที่มาจากความสงบสมถะ
ความมีค่าของคำว่า
*กุลสตรีและวัฒนธรรม*


ที่จำต้องรักนวลสงวนตัว
รักความเป็นไทย
รักในวิถีชาวชนบท

ที่รู้รักษาขนบประเพณีและ
ยังยึดมั่นศรัทธา
ในศาสนาอย่างแน่นเหนียว
รู้พอใจกับชีวิตที่ได้ชิดใกล้ธรรมชาติ


รู้การรักษาจิตให้มีศีล ทาน ภาวนา
ที่จะเพียรพาให้เกิดสมาธิ มีปัญญา

ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าคำมนุษย์
ใช่เพียงมาเกิดเป็นคนคนคนวนวนวน..
ว่ายว่ายไปตามเพรงกรรม..
ย้ำย้ำย้ำรอยมิสิ้นสุดมิหลุดพ้น


ใบบัวจึงฉลาด..
ที่จะวาดเป้าหมาย
และไปตามเส้นทางฝัน
เส้นทางจิตวิญญาณบ้านภายใน

ที่ใบบัวคิดว่า
จะดำเนินรอยตาม
คุณยายและคุณแม่ของใบบัว

ที่เกิดมาราวราวดอกไม้งามง่ายในชนบท
หากทว่าจิตแสนสดแจ่มกระจ่าง
สว่างไสวราวมีแก้วเจียรนัยชั้นดีอยู่ภายใน


แม่ผู้มาพรากจากใบบัวไป
ตั้งแต่ใบบัวยังเป็นเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ

ที่ใบบัวจำได้เพียงคำสอนสั้นสั้นซึ้งๆ
หากตามมาติดตรึงใจใบบัวเสียเหลือเกิน
คำที่ว่า
*งามใดไหนเล่าจะเท่างามดวงใจใครจะรู้นี้*
ขอแค่มี
จิตภายในงามใสสว่าง 
พร่างราวอัญมณีไพร
ก็เพียงพอก็พอเพียง


วันนี้
ใบบัวจึงมีแต่ความอิ่มงาม
ตามตลอดระยะเวลา

ที่เฝ้าเพาะบ่ม
เพียรฝึกสอนจิตสอนใจ
ให้ใฝ่หาเพียงธรรม
มาหอมพรมหอมพร่าง

ราวเกสรบัวสดสล้าง
นะกลางบึงกลางกลีบใจ
คู่เคียงใจ*คู่ใบบัวใบบุญ*

ให้หอมกรุ่นละมุนละม่อม
ในหอมห้วงหัวใจ
ในทุกทิวาราตรีที่ผันผ่านมานานนัก


ให้มีวันนี้..
วันที่ใบบัวคิดได้คิดดีคิดว่า
สิ่งที่ใบบัวควรสะสมนั้น

มิใช่เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋ามียี่ห้อ
หรือ
ขอแค่มีบัญชีเงินงาม และ
หากมาตรแม้นถึงจะได้มา
ก็ไม่หลงยึดมั่นถือมั่น
เพียงใช้น้ำพักน้ำแรง
เพียรสร้างสะสมด้วยสุจริต


และกับทุกลิขิตบทบาททางโลกย์
ใบบัวเพียงแค่คิด
นำมามาเนรมิตบ้าน ในฝัน อันสมถะ
และ
ราวรวงรังแห่งรัก
ไว้พักพึ่งพิงรสพระธรรม
ไว้ดื่มด่ำพร่ำภาวนาในบั้นปลาย

*บัญชีเงินจึงงามงอกพร้อมบัญชีบุญ*


ที่ใบบัวเพียรสร้างละมุนหนุนนำจิต
ให้คิดเสียสละอุทิศเป็นดั่ง*ผู้ให้*
ทั้งทางโลกย์และทางธรรม

ที่จำจะต้องสอดผสานกันเป็นเสมือนดั่งรักนิรันดร์
มิรู้สิ้นรู้จบเพื่อทบทวีบุญ..

จนกว่าจะละทิ้งสังขาร
พานพาลาลับ
ดับดวงสุริยาชีวาชีวิตจิตวิญญาณ
อันวางว่างร้างไร้มายา
ไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย.....


และณ..วันนี้
กับนาทีที่แสนดีแสนงาม
ใบบัวเดินสำรวจรายรอบ

ทุกอย่างเป็นจริงตามความฝันแล้ว
ใบบัวให้คนขุดบึงบัวรายรอบโอบอ้อม
ทั้งสี่ด้านของอาคารเรียบง่าย

ลงบัวหลวงหลากสีสรรนานาพันธุ์บัว
ไว้ใช้ดวงดอกพลีเป็นพุทธบูชาถวายพระ


และ
ระหว่าง
โลกแห่งความจริง
กับโลกธรรม
โลกแห่งความฝัน
แสนเงียบงามสงบพิสุทธิใส
ดั่งเพชรพร่างกระจ่างจิตกระจ่างใจ
นำทางใจนะบ้านภายใน


ใบบัวจะแยกทางทอด
สอดประสานเชื่อมด้วยสะพานไม้
ให้ทุกดวงใจใฝ่หาธรรมอันล้ำค่า
เพียรเดินข้ามผ่านเข้ามา


เป็นดั่งสะพานจิตสะพานใจ
เป็นรอยเชื่อมต่อ
ระหว่างโลกภายในกับโลกภายนอก
กับบ้านภายใน
กับจิตดวงใสดวงให้ของใบบัวเอง


ใบบัวมีบานประตูโบราณคล้าย
บานประตูเรือนไทยสไตล์ล้านนา

มีหลังคาสลักเสลาลายละเมียดมุง
ก่อนจะย่างผ่านเข้ามา
ยัง
ลานจันทร์ลานธรรมลานขวัญพลี
นะที่แห่งนี้....


และ
ก่อนจะถึงจะพบ
กับอาคารอันสงบงามรายรอบ
ราวริมระเบียงโบสถ์นี้


ที่มีมวลหมู่ดอกไม้ไทย
ถูกปลูกประดับเป็นระยะ

มีจิกน้ำห้อยพวงหวานประดับ
ตรงหน้าทางเข้าอาคารกลาง

ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่
พระพักตร์งามละไมละมุน
กรุ่นมากเมตตากรุณาปราณี
ที่แสนสงบงาม

ไว้ฝึกเพียรภาวนาพร่ำบ่นบูชา
ในทุกราตรีกาล
แห่งชีวีชีวิตที่แสนสั้นเป็นยิ่งนักแล้ว


มีลั่นทมซ้ายขวาดอกสะพรั่ง

มีพิกุลรักพิกุลขวัญ
ที่นะบัดนี้
กำลังแตกกอต้นสูงใหญ่
เชยชิดชายคาคล้ายโบสถ์คร่ำ

ที่งามกระจ่าง
ในท่ามเงาจันทร์เงาใจเงาไม้
ในคืนฝันวันที่พระจันทร์เพ็ญเด่นดวง


ที่ที่ซึ่งใบบัวจะค่อยๆย่างก้าว
ราวตั้งใจ*เดินจงกลม*
พลางเก็บดวงดอก
ที่ยังพร่างพรมสดงามบนลานหญ้า


และ
จะนำมาเรียงร้อยเป็น
สร้อยมาลีมาลัย
สร้อยใจสร้อยศรัทธา
สร้อยมาลัยขวัญ
สร้อยมาลัยพิกุล
อันหวังจะเป็นดั่งพุทธบูชา


ฝึกดวงใจให้งามรำงับสงบ
ยามค่อยๆร้อยทบบรรจง..ทีละดวงทีละดอก
ดอกแล้วดอกเล่า

เฝ้าเพียรพันรัก
มาถักร้อย
ดั่งสายสร้อยแก้วสร้อยขวัญ
ให้ระร่ำระรินรส
ฝากงดงามแห่งเนื้อใจ..


และ
ในยามค่ำหาก
ใครๆผ่านมา..
มักเมียงมองว่า

นี่คือบ้าน
หรือว่า
โบสถ์เก่าคร่ำกันแน่ละหนอละนี่
ที่เห็นแสงเทียนถูกจุด
ทอทอดลอดไล้แสงไสวออกมา


และ
จะยิ่งประหลาดใจ

หากเดินข้ามผ่านบานประตูเข้ามา
ในเงางาม
กระจ่างใจกระจ่างจิตกระจ่างชีวิตวิญญาณ

ราว*สายแสงทองแสงธรรมแสงสงฆ์*ส่อง
สอดประสานงามกระจายพรายพร่างรัศมี
มาจากพระพักตร์พระพุทธ
ผู้พิสุทธิคุณเหนือบุญญา


และ
จะเห็นผู้หญิงผมยาวสลวย
ทัดดวงดอกจำปาเหว่ว้า

วงหน้าเรียวละมุน
นวลละอองผ่องผุด
ดั่งทองทาเฉกเช่นกัน
ห่มสไบภักดิ์สไบรักสไบขวัญสีไพล 


และกับ
ในเงางาม
ของแสงเทียนวูบไหว
ที่จับเรียวหน้าละมุนผ่องนั้น
จะเห็นท่านั่งแบบสมาธิอย่างสงบสันโดษ
ราวทิ้งโลกภายนอกไว้  ลำพัง...!!!!!

************


http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_54931.php

แสงเทียนในโบสถ์ค่ำ ลำน้ำน่าน 

เพ็ญเดือนหกเต็มดวงล่วงราตรี
วิสาขปุณณมีคลี่ผ่านผัน
แว่วโพธิ์แก้วโบกบุษย์พุทธอำพัน
ยามแสงจันทร์เลื่อนลาฟากฟ้าพลบ

จุดเทียนน้อยเล่มเก่าเงาทอดไหว
ภายในใจภาวนาหาสงบ
ภาพโบสถ์คร่ำสะท้อนย้อนคำรบ
พระพุทธพบฉายฉ่ำยามค่ำชัด

ประหวัดเห็นภพเก่าในเงาเทียน
ส่องแสงเนียนอาบร่ำธรรมสงัด
งามเรืองรองจับผ้ากาสาวพัสตร์
ประทีปทัดแสงธรรมนำมรรคา

ยามสาวกสวดคำร่ำมนต์พุทธ
พักตร์ผ่องผุดทอดงามตามภูษา
เสียงสวดแผ่วแว่วลอยคล้อยลมมา
ดั่งสายธรรมธาราทอดหลั่งไป

เทียนส่องให้พอเห็นเป็นทางกว้าง
สถูปรกเปลี่ยวร้างกลางเปลวไหว
คุณากรย้อนเผยเปรยความนัย
กลางบุหงารำไปแห่งปวงกรรม

ภาวนาอยู่บนทางอันว่างเปล่า
มีเพียงเงาเทียนไขในโบสถ์คร่ำ
ถอนดวงใจละออกนอกเงาดำ
มีเพียงธรรมสองรั้งสังสารวัฏ

รอผู้กล้าอรหันต์มาบังเกิด
มาทูนเทิดพุทธไทจักรวรรดิ
แตกเหง้ารากโอบถิ่นศีลวัตร
ให้เหล่าสัตว์หลุดพ้นบนความเพียร

พุทธังกูรจักเกิดบรรเจิดหล้า
ปฏิมาปกเครืออยู่เหนือเศียร
ส่องสว่างพงศ์พันธุ์ผันดวงเทียน
ในวงเวียนทานทนจนดับลง

อธิษฐานก้มกราบทาบแผ่นดิน
หวังยลยินธรรมมนต์พ้นความหลง
จุดแสงเทียนรำไรในกลางดง
เพียงเป็นทางลัดตรงสู่นิพพาน

-------------------------------




ลูกจุดเทียนอธิษฐาน บนบาน ทวยเทพ-ไท
วอนคุณพระรัตนตรัย ฟังคำพร่ำไขขาน
เทียนเล่มนี้ คือ ชีวิต แม้นโชคโสภิต โปรดช่วงชัชวาลย์
แม้ลูกโชคร้าย เพียงวายปราณ 
พระพายจงปฏิหารย์ ดับเทียนลูกนั้นทันใด

พรหมบันดาลสวรรค์ลิขิต ในอตีต แห่งชีวิตลูกนี้
มีแต่ตรมขื่นขมทวี นานปี ไม่มีแจ่มใส
ลูกผิดหวัง ลูกพลั้งพลาด หมายใดมุ่งมาด กลับพลาดไป
น้ำตาหยาดย้อย แต่น้อยจนใหญ่ มิมีผู้ใด เยื่อใยเวทนาการ

กลิ่นธูปควันเทียนที่ในกระถาง
บัวน้อยที่วางหน้าพระประธาน
ลูกสังเวยบวงสรวงอธิษฐาน
น้ำเสียงบนบานไปสู่พระพรหม
พระสร้างลูกไว้ ในโลกกว้าง
พบความอับปาง แทบสิ้นลม
เมื่อไรจักพ้น ทางระทม
พระหัตถ์แห่งพรหมโอบอุ้มลูกที

เทียนเสี่ยงทายประกายวับแวม
ไม่แอร่ม แจ่มหวนโหย
ลมสงัดไม่มีพัดโชย โบยต้อง ให้หมอง ศรี
กรรมแต่หลัง ยังไม่ลับ แสงเทียนไม่ดับแต่ริบหรี่
แสงเทียนอยู่ยั้งหวังยังมี  ขอรอโชคดี สักวันคงมา...



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=150
บุษบาเสี่ยงเทียน ดาวใจ ไพจิตร : : Key C 

เทียนจุดเวียนพระพุท-ธา
ตัว ข้า บุษบาขออธิษฐาน
เทียนที่เวียนนมัสการ 
บันดาลให้ หทัยสมปรารถนา
ดลจิตอิเหนา ให้เขามารักข้า
ขอองค์พระปฏิมา เมตตาช่วยคิดอุ้มชู
ขอเทียนที่เวียนวน ดลฤทัยสิงสู่
ให้องค์ระเด่นเอ็นดู อย่าได้รู้คลายคลอน
อ้า องค์พระพุท-ธา 
ตัวข้า บุษบาขอกราบวิงวอน 
ข้าสวดมนต์ขอพระพร
วิงวอนให้ หทัยระเด่นปรานี
รักอย่าเคลือบแฝง ดังแสงเทียนริบหรี่
ขอองค์ระเด่นมนตรี โปรดมีจิตนึกเมตตา
ขอเทียนที่เสี่ยงทาย ดลให้คนรักข้า
รักเพียงแต่บุษบา ดั่งข้านี้ ตั้งใจ

อ้า องค์พระพุทธา 
ตัวข้า บุษบาขอกราบวิงวอน 
ข้าสวดมนต์ ขอพระพร
วิงวอนให้ หทัยระเด่นปรานี
รัก อย่าเคลือบแฝง ดังแสงเทียนริบหรี่
ขอองค์ระเด่นมนตรี โปรดมีจิตนึกเมตตา
ขอเทียนที่เสี่ยงทาย ดลให้คนรักข้า
รักเพียงแต่บุษบา ดั่งข้านี้ตั้งใจ...



				
17 กันยายน 2547 22:40 น.

เรือนแพ..ล่องไพร

พุด


Urlhttp://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=5
(เรือนแพ)
********

ดวงได้รับโทรศัพท์ยามวิกาล..
ตอนตีสาม...ให้สะดุ้งตื่นตกใจ
งัวเงียเห็นฟ้าระดะเต็มไปด้วยดาวดวงยังสุกใส 
ดาวพระศุกร์เด่นลอย
น้ำค้างยังทรงหยดย้อยเยียบเย็น


คุณ..โทรมา..กระซิบบอกว่า
จะพาหนีไปให้พ้นกรุงกรงดงแสงสีสักสามสี่วัน

บอกให้เวลา
จับเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าหรือย่ามชาวเขา
ให้เตรียมเอาชุดลุยๆไป..เข้าป่า
และ
ให้เตรียมเต๊นท์ไปด้วย

คุณแกล้งล้อ..
บอกว่าเต๊นท์เดียวก็เกินพอ..
เพราะว่าอากาศที่จะพาไปหนาวมาก..
ว่าแล้วก็หัวเราะเป็นนัยๆ


คุณ...คนดี
ชอบใช้มุขนี้
ให้เวลาแสนฉุกละหุก
มาบีบบังคับ
ที่มักไม่มีข้อต่อรอง
และอย่างมากไม่เกิน
ครึ่งชั่วโมง 
อย่างเช่นนะเวลานี้
ตอนนี้ที่คุณบอก..ก็เช่นเคย

รถคุณกำลังจะถึงหน้าบ้านแล้ว


และ
นี่คือคุณ..คนดีที่ดวงแสนรัก
ผู้มีวิญญาณนักผจญภัย
พอกับใจดวง
ที่ไม่ชอบชีวิตชาวเมือง
ที่ไม่ประเทืองประทับใจเอาเสียเลย

ที่ทนอยู่นี่ก็แค่ทนไปวันวัน
ราวปลาผิดน้ำ
ราวฝันกลางฤดูฝน
ราวกมลแล้งสิ้นหอมหวาน


ดวงดีใจนัก
กับรสชาติชีวิตแบบนี้

แบบที่คุณพลีนำมากำนัลมามอบให้
แบบชีวิตลูกผู้ชายชาติไพรหัวใจร่อนเร่
ชอบพเนจรรอนแรมราวนกไพร
ที่มีหัวใจรักผืนดิน
และกลิ่นของความเป็นป่าดงดิบเถื่อน


หัวใจนักเดินทางอย่างโชกโชนร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ
นอนกลางดินกินกลางทรายป่ายปีนผาท้ามฤตยู
เฝ้าดูดวงตะวัน ดูสัตว์ป่า เก้งกวาง ช้างหมี

ดูชีวิตป่า
ที่ยังเป็นป่าไร้มนุษย์มนามากมาย
มารู้เห็นมาเหยียบย่ำทำลาย
มีดงหญ้าซ่อนไว้
ให้สัตว์ป่านานาออกมาล่าเหยื่อเพียงนั้น
ในหลายผืนดินฝัน อันอุดมบ่มงาม


ให้วิญญาณรักนักพเนจรอย่างชีวิตคุณ
ได้หมุนพารถคู่ยากคู่ชีพบุกป่าฝ่าดง
ไปนั่งเดียวดาย..ลำพัง
คล้ายเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติไพร ในทุกหนแห่ง


และ
คืนนี้
กับอีกบทไพรที่คุณเลือกชวนดวงไปด้วย
ดวงรีบรับปากยิ้มหวาน..
คว้ากางเกงตัวเก่ากับเสื้อยืดขาวตัวเก่ง
แล้วรีบชงกาแฟหอมกรุ่นส่งกลิ่นควันหอมๆๆ
ใส่กระติกเก็บไว้ให้คุณจิบยามเดินทาง


และ
นั่นไง..มาแล้ว
รถกับเสียงเพลงแว่วแผ่วออกมา
กับสายลมระรินกับฟ้ากว้าง

ดวงรีบเด็ดดอกพุดซ้อน
และดวงดอกเล็บมือนาง
ที่กำลังคลี่กลีบหวานบานคลอรั้วไปสามสี่ช่อ
พอวางให้รถหอมๆๆๆกระจาย

แทนสารเคมีปรับอากาศ
ที่ผู้คนชอบซื้อใช้ให้เวียนศรีษะ
ที่แสนมีพิษภัยกับระบบหายใจ


ดวง..
ส่งกระติกกาแฟให้คุณ
และของดวงเองมีน้ำผลไม้สด
ที่คั้นเก็บไว้พร้อมดื่มริน

รถพาสองดวงใจที่รักพงไพรรักป่าดง
ออกนอกเมืองไปอย่างช้าช้า....


คุณรีบหันหน้ามาบอกว่าอย่ากังวล
คุณจะไม่พาดวงไปปล่อยทิ้งไว้นะกลางป่า
อย่างที่ดวงเคยขอเคยรอมานานดอกนะ

แค่ไปสัมผัสใกล้ๆ
ไปใช้ชีวิตเสรี
ไปฟังเสียงดนตรีไพรดนตรีธรรมชาติแทนดนตรีเมือง

ว่าแล้วคุณก็เล่นซีดีเพลงอมตะประจำใจเราสองนี้
ให้ดวงฟังไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=219
เดือนต่ำดาวตก ทูล ทองใจ : : Key Bb 
เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ
เผลอร้องกลางดึก ดวงจิตระทึก
พี่นึกว่าเป็น เสียงเธอ
ผวา มองจ้องตามเพียงครู่
รู้ตัวว่าเก้อ ต้องกลับมาเพ้อ รำพึง
เงาไผ่หรุบหรู่แหงนดูเดือนต่ำ
น้ำค้างร่วงกราว 
ใจยิ่งปวดร้าว ยามไร้เธอเคียง คนึง
ความรักที่เคยชื่นทรวงใจซ่าน
หวานดังน้ำผึ้ง
แปรเปลี่ยนบึ้งตึงเหมือนเดือนเลือนลา
แม้ท้องฟ้าไร้
ทั้งดาวและเดือนก็เหมือนพี่นี้ 
ไร้คู่ชีวี นอนแนบนิทรา
เหมือนคนไม่มีหัวใจ ได้แต่ผวา
เสียงลมพริ้วมานึกว่าเสียงนาง
เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ
เผลอร้องครั้งใด
พี่แทบคลั่งไคล้คิดถึงทรามวัย มิวาง
ผวากายหมายโลมเนื้อเกลี้ยง
พบเพียงหมอนข้าง
แทนที่แม่นางน้องเจ้าเคยนอน

แม้ท้องฟ้าไร้
ทั้งดาวและเดือนก็เหมือนพี่นี้ 
ไร้คู่ชีวีนอนแนบนิทรา
เหมือนคนไม่มีหัวใจ ได้แต่ผวา
เสียงลมพริ้วมานึกว่าเสียงนาง
เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ
เผลอร้องครั้งใด
พี่แทบคลั่งไคล้คิดถึงทรามวัย มิวาง
ผวากายหมายโลมเนื้อเกลี้ยง
พบเพียงหมอนข้าง
แทนที่แม่นางน้องเจ้าเคยนอน...
************


ดวงกดกระจกรถ
ให้ไอสดของอากาศยามเช้าโชยชื่นฉ่ำเข้ามา
เมื่อออกมาไกลเมืองพอสมควร

เห็นเงาไม้ระริกไหวในสายลมอุษา
ค่อยๆผ่านตา...ผ่านไปผ่านไป...


พรายพระจันทร์กำลังหยาดสายหวาน
ดารารายร่ายระบำรำเต้น
เล่นแสงวะวิบวับประดับราวฟ้า

พอกันกับดวงใจ ดาราดวง..ดาราดิน
ที่ถวิลรักราวป่า
ให้หัวใจเต้นแรง
ราวจะหลุดออกมานอกอกนอกใจ
ด้วยความตื่นเต้น

ราวกับว่าจะได้ไปพบเพื่อนยาก
ที่พรากลามาไกลเสียแสนนาน


คุณ..
ผู้ชายหัวใจไพรละมุน
ค่อยๆยกมือดวงขึ้นดอมดมพรมจูบด้วยรักคิดถึงรับอรุณ
ไปกับกรุ่นดวงดอกไม้หวานหวานหวาน
ที่กำลังบานล้อคู่รักคู่ใจในยามนี้
ที่คงพอกับใจสาวดวงในอกในใจนี้
ที่กำลังราวมีหยาดน้ำผึ้งหวานระริน...ระริน..

ดวงยิ้มเขิน..
ก่อนจะชักมือออกจากมือคุณอย่างช้าช้า..
เสแกล้งชี้ชวนให้คนดี..
ดูฟ้างามยามอุษาฟ้าสว่างรำไรๆ
ยามเช้าแสนสดใสสดชื่นแสนดี


เพราะหากเลือกออกจากเมืองมาตอนค่อนรุ่งอย่างนี้
จะได้เห็นความงามอันแสนบรรเจิดใจพิไลพิลาส
เห็นดาวยังระดะดวงแตะแต้มเต็มผืนฟ้า
เห็น
ภาพพระอาทิตย์ดวงโตสีส้มสุกชัด
ค่อยๆขยับตัวบิดขี้เกียจชักรถขึ้นมา..อย่างช้าช้า..ช้าช้า..
ราวเพิ่งลุกจากที่นอน


ภาพดงตาลยืนสลอน
หวานหอมเคียงผืนนาสีเขียวไพลผ่องผุด
ราวผืนพรมผ้าไหมที่ระบัดไหว
ไปตามแรงลมอ่อนอ่อนทอยทอดไล่ระริกพลิกพลิ้ว

ภาพนกกาถลาบินออกล่าเหยื่อเหนือฟ้าสีส้มอมชมพู
ดูราวภาพวาดในฉากส.ค.ส สีน้ำสีธรรมชาติ


ที่ดูละลานหวานละลนใจ
ด้วยแสงสีอันอบอุ่นอ่อนโยน
ในโทนสีที่ไล่กันอย่างกลมกลืน
บนผืนฟ้าผืนใจผืนไพร
ยามทอดตาทอดใจรอรับวันขวัญอันละเมียดละมุน
อย่างกรุ่นซึ้งตรึงใจ
อย่างหาคำมาเปรียบประมาณใจมิได้เลยแล้ว


และหากโชคดี
จะได้เห็นภาพ...
พระสงฆ์ออกบิณฑบาตรเคียงเรียงเรียวรวงนา

ภาพจีวรเหลืองทองละออตา
อันงามเปล่งกระจายรัศมี
บรรเจิดจ้าบรรเจิดจิตนั้น

พลันจะให้นิมิตบางสิ่งบางอย่างพร่างบันดาล
*ศรัทธาธรรม..ศรัทธาทอง*
*ดั่งแสงสงฆ์*ส่องสว่าง
กระจ่างนะกลางจิตกลางใจ
ท่ามกลางเขียวไพลเขียวข้าวเขียวใส
ราวภาพธรรม...ภาพทองผ่องผุดใจ
อันแสนอิ่มงาม


และเคียงขนาบเส้นทางสายสวย
ที่เต็มไปด้วย  ต้นไม้  ต้นไม้ และต้นไม้
ที่กำลังชูช่ออวดดวงดอกแดงสะพรั่ง
ทั้งแคฝรั่งหางนกยูง
หูกวางชมพูพันธ์ทิพย์

ตะแบก 
แตกแอกแบกดวงดอกสีม่วงละมุนพราว
หวานเศร้าสร้อยระย้าย้อยห้อยพวงแทบไม่เห็นใบ
สักสีทองผ่องอำไพพากันชูช่อไสวสลอนร่อนภิรมย์


รับสายลมแรก
แสงแดดสีทองอันอ่อนอุ่นเอมอิ่มในยามเช้า

ยามที่
สายหมอกยังหยอกเย้า
หยาดน้ำค้างกลางใบบัวในบึงริมทาง
ที่งามสล้างราวเพชรกลิ้งวะวับมลายหายไป
กับแสงอาทิตย์อุทัยสีทองเฉกเช่นกัน


ดวง..แย้มยิ้มมิหยุด..รับงามในยามเช้าชื่น
หัวใจผ่องผุดพิสุทธิ์ราวละอองเกสรบัวคลี่
ยามได้รับหยาดหวานผสานผสม
จากภู่ผึ้งเคล้าคลึงชมแลซึ้งตรึงใจ
จากโนมเนื้อใจของบุรุษอันผู้เป็นที่รัก..


เขา..จะมีเรื่องเล่าตลอดทาง..
ร้องเพลงหวานคลอพ้อใจเพ้อไพร
สลับยกบทกวีหวานบทกวีธรรม..ธรรมชาติ
มาขับขานแนมใจเป็นระยะระยะ


และ
บางทีก็จะเว้าวอนให้สาวดวงร่ายมนตรา
ด้วยเสียงเศร้าเคล้าหยาดน้ำตาปริ่ม
เมื่อถึงบทกวี
ที่แสนงามยามรำลึกนึกถึงวัยเยาว์ของเราสอง
ที่ผ่านเลยลาลับดับไปกับปัจจุบันกาลอันรานร้อน

เหลือเพียงบทตอนแห่งงามความทรงจำ
ดั่งที่กวีซีไรท์คนปัจจุบัน
*คุณเรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์*
ได้เพียรรังสรรค์ฝากไว้ให้คนรุ่นหลังได้พึงจำจด
ถึงความงดงามในทุกยามแห่งชีวิตที่ยากจะย้อนคืน
ใน*แม่น้ำรำลึก*
ให้นึกคะนึงครวญหวนทวนกลับไปหา..



*****
คุณค่อยๆขับรถผ่าน
ถนนเพชรเกษม 
ถนนบรมราชชนนี 
ผ่านเข้านครชัยศรี 
จังหวัด
นครปฐม บ้านโป่ง ท่ามะกา ท่าม่วง 
ถึงตัวจังหวัดกาญจนบุรี จากนั้น
ขับผ่านถนนสายหลักในตัวเมือง
ไปจนถึงสี่แยกแก่งเสี้ยน เลี้ยว
ซ้ายไปทางที่จะไปอำเภอทองผาภูมิ 
เพื่อไปลงเรือที่ท่าแพผาผึ้ง หลังเขื่อนเขาแหลม 
ถึง..ที่งามที่เรากำลังจะไปพักคืนนี้
เรือนแพเรือนแพโอ้เรือนแพ...


เรือนแพเรือนแพโอ้เรือนแพ

url=http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=5
เรือนแพ ชรินทร์ นันทนาคร : : Key Ab เรือน แพ
สุขจริง อิงกระแสธารา
หริ่งระงม ลมพริ้วมา
กล่อมพฤกษา
ดังว่า ดนตรี
หลับอยู่ใน ความรัก
และความชื่น
ชั่ววัน และคืนเช่นนี้
กลิ่นดอกไม้ รัญจวน
ยังอบอวน ยวนยี
สุดที่จะ พรรณา
เรือน แพ
ล่องลอย คอยความรักนานมา
คอยน้ำค้าง กรุณา
หยาดมา จากธารา
แหล่งสวรรค์
วิมานน้อย ลอยริมฝั่ง
ถึงอ้างว้าง เหลือใจรำพัน
หิวหรืออิ่ม ก็ยิ้มพอกัน
ชีวิต กลางน้ำสุขสันต์
โอ้สวรรค์ ใน เรือน แพ...
*******


เรือนแพ
ที่แสนงามเรียบง่ายมุงด้วยหลังคาจาก
กลางทะเลสาบ เขาแหลมระหว่างอำเภอ
ทองผาภูมิและอำเภอสังขละบุรี 
อำเภอที่มีคน
เรียกขานว่าเป็นดินแดนแห่งภูผางาม 
ราวสวิสเซอร์แลนด์
ซึ่งถูกโอบรายล้อม
ด้วยทิวเขาสลอนสลอยสลับซับซ้อนคล้ายๆกัน

ส่วนอำเภอสังขละบุรีนั้นเป็นอำเภอชายแดน
ทางฝั่งพม่าที่มีความหลากหลาย 
ของวัฒนธรรมผสมทั้งไทยพม่าและรามัน(มอญ) และยัง
เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านมอญอพยพวังกะ 


และคนดี..
คุณ..สัญญากับดวงว่าเช้าวันนี้
หลังจากเข้าที่พักในเรือนแพสุขจริงอิงกระแสธาราแล้ว 
คุณจะพาดวงไปสำรวจบริเวณรายรอบ


เพราะพรุ่งนี้..คุณบอก..
เราสองต้องไปนอนเต๊นท์
ในอุทยานเขื่อนเขาแหลมแกล้มบรรยากาศอีกแบบหนึ่ง
ที่คุณอยากให้ดวงซึ้งใจ..ประทับใจ 


ด้วยคุณรู้ใจว่า
ดวงนี้หนาชอบใช้ชีวิตกลางแจ้ง
ชอบนอนดูดาวพราวฟ้ากว้าง
ท่ามกลางหอมคุโชนของกลิ่นฟืนกองไฟ..
คุณบอกว่ายังมีที่ให้เราไปเยือนมากมาย


ถ้ำเกริงกระเวีย
เป็นถ้ำที่อยู่ทางตอนเหนือของบ้านเกริงกระเวีย 
ที่มีหินงอกหินย้อย และธารน้ำไหลผ่าน 
ที่ภายในถ้ำสวยงามมาก 
มีความลึกประมาณ 300-400 เมตร 
อยู่ห่างจากอำเภอทองผาภูมิ 40 กิโลเมตร 


และไหนยังจะ
น้ำตกเกริงกระเวีย
มีความสูงประมาณ 5 เมตร 
อยู่ริมถนนสายทองผาภูมิ-สังขละบุรี 
อยู่ห่างจากอำเภอทองผาภูมิประมาณ 45 กิโลเมตร 
แล้วยังมี


น้ำตกไดช่องถ่อง
เป็นน้ำตกที่มีความสูงประมาณ 15 เมตร 
มีความสวยงาม 
อยู่ห่างจากอำเภอทองผาภูมิประมาณ 47 กิโลเมตร 


เจดีย์บูอ๋อง
มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงมอญ 
สร้างอยู่บนยอดเขาเล็กๆมีบึงใหญ่ล้อมรอบ 
ในบริเวณบึงจะมีบัวนานาชนิด 
เป็นที่เคารพของประชาชนโดยทั่วไป 
ทุกวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 4 ของทุกปี 
จะมีประชาชนไปนมัสการเป็นจำนวนมาก 


และ..
ยังมีสถานที่มากมาย
ที่คุณเคยได้ใช้ชีวิตผจญภัยรอนแรมมายาวนาน


คุณบอกว่า
จะพยายามพาดวงไปให้เยี่ยมเยือนให้ได้

เพราะคุณรู้ว่าดวงนั้น
จะได้นำมารจนาถ่ายทอด
เป็นความฝันอันบรรเจิดใจ
ฝากแฟนๆในดวงใจที่รออ่านงานธรรมชาติ
ผ่านเรื่องรักอันจักบรรเจิดจิตพอกัน
******


เรือนแพ..ที่คุณพาดวงมาพักนั้น
อยู่ในโอบล้อมแห่งเทือกเขาตะนาวศรี
เป็นทะเลสาบที่กว้างไกล 
เกิดจากการสร้างเขื่อนกั้นน้ำแม่น้ำแควน้อย


และรอบๆเขื่อน
ยังมีสภาพป่าดงดิบรกทึบอุดมสมบูรณ์
และเป็นที่อาศัยของสัตว์ป่าหลากชนิด
ส่วนใต้ผืนน้ำ
ก็เต็มไปด้วยทรัพยากรสัตว์น้ำอันทรงคุณค่า
เช่นปลากระสูบ ปลาแรด ปลาชะโด และปลายี่สก


ที่สำคัญคุณกระซิบ..
ผืนน้ำกว้างไกลแห่งนี้
มีความหมายแห่งชีวิต
และเรื่องราวเล่าขานตำนาน
ถึงเมืองสังขละบุรี..
ที่เลือนหายอยู่ใต้ผิวน้ำชั่วนิจนิรันดรราวเมืองบาดาล


และ
คุณกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
ให้ดวงยิ่งสนอกสนใจเป็นพิเศษ
คุณบอกว่าคราใดเมื่อน้ำลด
เมืองบาดาลทั้งเมืองก็จะปรากฎให้ทุกคนเห็น

หรือหากดวงอยากเห็นก่อนใคร
ก็ให้ดำดิ่งลงไป..
ก็จะเห็นลวดลายแสนวิจิตร
ของวิหารแห่งเมืองใต้บาดาล
ดวง..ถึงกับอ้าปากค้าง
แทบลืมหายใจด้วยความตื่นเต้น..
ไปตามคุณ

และนาทีนั้น..ดวง
อยากให้อ้อมกอดหอมหวาน
โอบอ้อมหอมละมุนกรุ่นด้วยรักนักรักหนา
แทนคำขอบคุณแทนความประทับใจ
แทนความซึ้งใจในค่าคำ
ที่ช่างเจรจาช่างจดช่างจำเสียเป็นยิ่งนักแล้ว!



คนดี..นาทีต่อมา
ดวงก็แทบยิ่งลืมหายใจ
ด้วยดวงใจแสนละไมละมุนไปกับ
ภาพเรือนแพตรงหน้า
ที่โอบสายน้ำแสนสงบงามเงียบ


ดวง..ได้แต่ยืนนิ่ง
ทิ้งใจดวงดายเดียวเหว่ว้า
ทิ้งทอดดวงตาแสนเศร้าเฝ้าดูสายชล
ระรินไหลเอื่อยๆ
ด้วยกมลอันแสนสงบสุขพอกัน

กระทั่งคุณโอบกระชับอ้อมกอดแนบแน่น
มาทางเบื้องหลัง
แล้ว..ค่อยค่อยละเมียด
จูบริมหูไรผมริมเรียวแก้มแถมกระซิบอีกครั้ง
*ผมรักคุณ..คนดี..ผมรักคุณ ชอบที่นี่ไหมครับ..*
ให้ใจดวงยิ่งอิ่มเอิบเอิบอาบราวฝันไป


ดวง..ค่อยๆไหวตัวเอน
ออกจากอ้อมกอดคุณช้าช้า
และ
ค่อยๆพาตัวไต่สะพานไม้ไผ่
ที่ทอดลงไปยังเรือนแพ เรือนพัก

ที่ดวงแสนดีใจเป็นยิ่งนัก
ที่มีนอกชานทอดยาวยื่นลงไป
ให้ได้สัมผัสชิดใกล้สายน้ำราวเป็นหนึ่งเดียว

โอ้เรือนแพ เรือนแพ
...............
และ


ในราตรี..
ที่จันทร์เพ็ญ
งามเด่นดวงระดะดาวพราวสุกใส
ใกล้แสนใกล้
จนดูราวจะเอื้อมมือคว้าไขว่มาประดับใจได้

หลังจากที่คุณพาดวงเข้าป่าไปสมบุกสมบัน
เราก็กลับมารับประทานอาหารค่ำ
ภายใต้กลิ่นอายของแสงเทียนนุ่มสลัวรำไรๆ
กับบทเพลงใต้แสงดาว



ผ่านไปคล้ายดั่งสายน้ำไหล
จากไกลแล้วไม่ลืมคำสัญญา
สัญญา.....ฝากดวงดาว ส่องแสงส่องนำชีวา
แผ่นดินกว้างกว่าพาเรา*งกันแสนไกล
ให่เป็นเหมือนดังตะวัน จากกันแล้วยังหมุนเวียนกลับมา
กลับมา.....หากชีวิต เผชิญกับโชคชะตา
ให้วันเวลาบ่มเธอ ขึ้นมา สู้มัน
** อาจมีเมฆมาบดบัง แต่เราก็ยังเฝ้ารอ
เฝ้ารอ......ค่ำคืนหนาวที่แสงแห่งดาวถักทอ
ขอเธออย่าท้อ ฝากความห่วงใย ส่งไปถึงกัน

*******


ที่แสนโรแมนติก
แกล้มเสียงกระซิบกระซาบ
จากสายน้ำที่ซอนเซาะอยู่เบื้องล่าง



ดวงแหงนเงยดูฟากฟ้ากว้าง
และคลี่ยิ้มหวานหวาน..อีกครา
สบตาผู้ชายตรงหน้า
ที่นะบัดนี้ดวงตาสีสนิมเหล็กแสนเศร้า
ราวมีพลังดึงดูด..ให้ร่างดวงค่อยๆ
ลุกขึ้นไปด้านหลัง
และอ้อมโอบไหล่ประคองซุกซบ
พร้อมกับจูบประทับดื่มด่ำริมซอกหูซอกคอ
และกับคำพ้อกระซิบที่รู้ซึ้งตรึงใจกันดีระหว่างสองเรา...
......
ยังมีต่อ..หรือหยุดแค่นี้ดีคะ..ขอความเห็น



รออ่านภาคสองพรุ่งนี้ฉบับเต็มค่ะ
(ด้วยสะเทือนใจในบางเรื่อง
มิอาจจะรจนาสดต่อได้นะนาทีนี้แล้วค่ะ
ขอพักใจก่อน ให้อ่านเล่นไปก่อนนะคะ)
				
17 กันยายน 2547 01:08 น.

หอมพลิ้วริ้วฝนมหาพรหมราชินี

พุด


urlhttp://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=556
(อุทยานดอกไม้)
**************

เทียนทรงกลมแท่งใหญ่กลิ่นสมุนไพร
ถูกจุดขึ้นมา....ในราตรีนี้
ให้หลอมละลายระบัดไส้ไหววูบไปตามกระแสลม
สว่างไสว ไปกับท่วงทำนองของดนตรีไพร ดนตรีฝน
ดนตรีฝันที่กำลังบรรเลงเพลงธรรมชาติ


ผม..พาตัวเอง
มานอนฟังเสียงหยาดฝนกระทบหลังคาจาก
ที่ได้บรรยากาศงามเงียบ
ในกระท่อมใบไม้กระท่อมร้างไร้วัตถุใดใด

นอกจากจะมีก็เพียงเนื้อใจเจ้าของ
ที่มากล้ำเลอค่าเหนือคณานับ

ลองมาฟังด้วยกันดูสิ
จะรู้สึกดีรู้สึกดิ่งด่ำล้ำลึกถึงพลังอันสดฉ่ำ
ของสายฝนสายฝันสายสวรรค์หวาน


ชนิดที่มีเงินล้านก็ยังมิอาจจะได้ยิน
ถึงสรรพสิ่งสรรพเสียงที่แสนงามไพเราะ
หากไม่ใช้จิตใช้ใจจินตนาการ
หากไม่ยอมลงจากวิมานราคาร้อยล้านพันล้าน
ลองลงมาเหยียบดินสัมผัสไพร


หากไม่มีหัวใจถวิลถึงความงามเงียบเรียบง่าย
ที่มิพักต้องใช้เงินมากมายซื้อธรรมชาติกวาดเรียบ
ทั้งบนดินสิ้นฟ้ามหาสมุทรจับจอง
ไว้บำรุงบำเรอเพียงพวกพ้องตน


มิรู้จะสร้างจะขนกันไปถึงไหน 
ใยยางรวยไร้ยางอาย
ที่ขูดเลือดรีดเนื้อเถือใจคนจน

มิรู้หยุดรู้พอ..ทั้งที่กระเพาะ
และที่นอนก็ปรนเปรอร่าง
ได้แค่กว้างยาวมิห่างต่างกันสักเท่าไรหนอ
หากมิหลอกล่อลวงตัวเอง


เพราะ
ไม่ว่าคนจนคนรวยไม่ช้าก็ม้วยมรณา
คนดีคนบ้าไม่ช้าก็ตายทุกคนเสมือนดังบทเพลงชื่อนี้
ที่แสนเตือนใจเราให้รำลึกนึกถึงมรณานุสติตลอดเวลา
มิให้ประมาทหวังวาดหวังว่าชีวิตนี้จะยาวยืน..



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=1765
ยมบาลเจ้าขา ยุ้ย ญาติเยอะ : : Key Cm 
ยมบาลเจ้าขา ฟังฉันว่าสักนิดหน่อยซิ
เดี๋ยวนี้ทำไม ถึงคนดีดี
ต้องไปเมืองผี กันโดยง่ายดาย
ยมบาลเจ้าขา คนชั่วช้าทำไมไม่ตาย
ชั่วช้าน่าชัง เห็นยังลอยชาย
ส่วนคนดีหลบหาย ล้มตายไปทีละคน
โลกมนุษย์แย่ที่สุดแทบทนไม่ไหว
จะหนีไปไหน ก็หนีไม่พ้น
เมื่อก่อนนี้เคยเห็นแต่ผีหลอกคน
เดี๋ยวนี้ชอบกล เจอแต่คนหลอกผี
ยมบาลเจ้าขา
เชิญท่านมารับฟังหน่อยซิ
นักร้องเสียงเย็น แถมเป็นคนดี
ท่านเอาไปเมืองผี เสียปีละคนสองคน

โลกมนุษย์แย่ที่สุดแทบทนไม่ไหว
จะหนีไปไหน ก็หนีไม่พ้น
เมื่อก่อนนี้เคยเห็นแต่ผีหลอกคน
เดี๋ยวนี้ชอบกล เจอแต่คนหลอกผี
ยมบาลเจ้าขา
เชิญท่านมารับฟังหน่อยซิ
นักร้องเสียงเย็น แถมเป็นคนดี
ท่านเอาไปเมืองผี เสียปีละคนสองคน...
********


ผม..หวังว่าคุณคงจำกระท่อมใบไม้นี้ได้
กระท่อมที่ *เธอ*คนดีของผม
สร้างไว้ในหุบเขาไพรพะงัน..
หุบผาพงดงสวรรค์ที่งามเกินค่าคำรำพันรำพึง


http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_39349.php

กระท่อมใบไม้..
แฝงตัวอยู่บนเนินผา ในหุบเขา..พะงันงาม..
ที่ปกคลุมด้วยพันธุ์ไม้เมืองร้อนนานาชนิดสูงใหญ่ เป็นช่อชั้น
ราวป่าดงดิบสลับสล้าง..ใบไม้เขียวพร่างระยิบระยับ..ไปทั้งราวป่า
และ...
งามจับตายามถึงคราฤดูใบไม้เปลี่ยนสี...ที่มีเสียงจิ้งหรีด เรไร
ดนตรีไพรดนตรีธรรมชาติและสายลมอันอ่อนโยนละมุน
หอมกรุ่นกลิ่นดอกไม้ไพร..อวลไกล..ในยามค่ำ..

ยามเช้า...
ยามอุษาฟ้ากระจ่าง..
เมื่อดวงตะวันสาดแสงสีทอง อันอ่อนอุ่นมาแตะแต้มทายทักโลก..
มวลหมู่นกกา..พลันพรึบพรูโผผินบินว่อนร่อนจากรวงรังออกหาเหยื่อ..

ยามเช้า...
ยามอุษาฟ้ากระจ่าง..
เมื่อดวงตะวันสาดแสงสีทอง อันอ่อนอุ่นมาแตะแต้มทายทักโลก..
มวลหมู่นกกา..พลันพรึบพรูโผผินบินว่อนร่อนจากรวงรังออกหาเหยื่อ.
............
............


กระท่อมขวัญกระท่อมหวังหวานหวามไหว
ที่จะมีนางไพรครางครวญ
ในอ้อมอกอุ่นอุ่น
กรุ่นกลิ่นละอองเกสรดอกไม้ป่าพร่าง
มากับสายลมอรุณอ่อนอ่อนรำไรๆ
ในทุกอุษาสางอุษาใจ


ในยามน้ำค้างไพรน้ำค้างรักระริน 
ยามดุเหว่ายอมพ่ายสิ้นหยุดร้องนิ่งฟังด้วยความอิจฉา
เดือนพราวดาวบนนภาเลิกหลิ่วตาล้อพ้อกระพริบ
ยอมโปรยพรให้ละอ่อนนางใจนางในฝันได้อิ่มฝันอิ่มรัก
***********


ผม...กำลังนอนนิ่งๆทิ้งใจบนฟูกขาว
ฟังเสียงสายฝนพราวพร่าง
เคล้ากลิ่นร่างหอมเศร้าราวดอกไม้ไทยดอกไม้ป่าที่เธอฝากไว้ให้ 


ก่อนที่จะลาผมเข้ากรุงกรง
เธอ..บอกอย่าห่วงพะวงหา
เธอ..มีภาระกิจสำคัญ
ที่พอผมขยั้นขยอสักเท่าไร
เธอก็แค่แย้มพรายแบบคล้ายให้ยังค้างคาสงสัย


เธอบอกว่า..
เธอจะออกไปตามหา
*ราชินีแห่งดอกไม้งามนาม*มหาพรหมราชินี*
ที่เธอทิ้งหลักฐานการค้นคว้าไว้ให้ผม..
ให้ใหลหลงคะนึงหาพอกันกับเธอ
ค่าที่เรารักนานาพรรณ..พันธุ์พฤกษ์
รักไม้ดงไม้ไพรไม้หอมมานานวัน


http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9470000033155
http://www.deqp.go.th/news_pr/article/august47/article12.htm

มหาพรหมราชินี ราชินีแห่งพฤกษา


นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย
ที่ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของชาติใด 
ทำให้ยังไม่มีนักสำรวจ
หรือนักล่าพรรณไม้
จากซีกโลกตะวันตก
เข้ามาสำรวจป่าในประเทศ
เหมือนเพื่อนบ้านใกล้เคียงมากมายนัก 
ซึ่งส่งผลให้ยังคงมีความหลากหลาย
ทางชีวภาพสูงอยู่ในหลายพื้นที่ 



ดร.ปิยะ เฉลิมกลิ่น 
ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีการเกษตร 
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(วว.) 
ซึ่งเป็นผู้ค้นพบมหาพรหมราชินี



ภายใต้โครงการวิจัยเรื่อง
การรวบรวมและจำแนกพรรณไม้
ในวงศ์กระดังงาทั่วประเทศ 
ให้ข้อมูลว่า มหาพรหมราชินี
เป็นไม้วงศ์กระดังงาชนิดใหม่ของโลก


โดยพบบริเวณยอดเขา
ในเขตอุทยานแห่งชาติ
น้ำตกแม่สุรินทร์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน 
ซึ่งมีสภาพนิเวศวิทยา

ในพื้นที่สูงชันในป่าดิบเขา 
ในระดับความสูง 1,100 เมตร 
มีลมแรงและอากาศหนาวเย็นจัด
ในช่วงฤดูหนาว 
มีความชื้อสัมพัทธ์ปานกลางค่อนข้างสูง 


และ
พรรณไม้ในสกุลมหาพรหม
ซึ่งเป็นพรรณไม้ในวงศ์กระดังงา 
นี้มีอยู่ทั่วโลก 48 ชนิด 
มีถิ่นกำเนิดกระจายอยู่ในเขตร้อนและกึ่งร้อนของโลก
ในทวีปเอเชียและทวีปออสเตรเลีย 
นับตั้งแต่ อินเดีย จีน พม่า ไทย ลาว 
เรื่อยไปจนถึงตอนเหนือของออสเตรเลีย


แล้วในกลางปี พ.ศ.2547นี้
ที่วงการไม้ดอกไม้ประดับ 
รวมทั้งไม้ดอกหอมของไทย
ที่ต้องตื่นเต้นกันอีกครั้ง 
เมื่อมีการค้นพบพรรณไม้ชนิดใหม่กว่าชนิดอื่นๆ 


และสิ่งที่น่ายินดีที่สุดของคนไทยก็คือ
พรรณไม้ชนิดนี้


ได้รับพระราชานุญาต
จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 
ให้อัญเชิญพระนามาภิไธย
เป็นชื่อพืชชนิดใหม่ว่า มหาพรหมราชินี 


จุดเด่นของมหาพรหมราชินีคือ 
เป็นไม้ดอกที่มีขนาดดอกใหญ่ที่สุด
ในบรรดามหาพรหมสกุลเดียวกัน 


มีดอกดก ลักษณะของดอก
มีโคนกลีบสีเขียวอ่อน 
ปลายกลีบสีม่วงเข้ม 
รูปร่างคล้ายกระเช้า สวยกว่า 
มีกลิ่นหอมอ่อนๆ โดยเฉพาะในช่วงเย็น
จะหอมมากๆ ดอกบานอยู่ได้นาน 3-5 วัน 
อีกทั้งมีผลสุขหวานกินได้


ส่วนความแตกต่าง
ระหว่างมหาพรหมและมหาพรหมราชินี
อย่างชัดเจน คือ มหาพรหม
จะมีลักษณะใบกลมมน หนามีขนนุ่มทั้ง 2 ด้าน 
ส่วนมหาพรหมราชินีจะมีลักษณะใบแหลม 
เรียบเป็นมันทั้ง 2 ด้าน
********


และ
ทุกนิยามนั้นให้ค้นหาwww.google.com
ค้นหาคำ*มหาพรหมราชินี*

และ
สำหรับเธอคนดี
เพราะมิอาจจะอดใจได้

เธอ..บอกว่าจะไปตามถามให้ถึงที่
จองให้ได้มาสักต้น

เพื่อเป็นขวัญกมลสิริมงคลมาเพาะปลูก
และเธอก็จะยอมขอดั้นด้น
แม้นจะต้องไปไกลสุดหล้าตามหามิ่งขวัญ
อันแสนงามจริงยิ่งใหญ่ในความรู้สึก



เธอจะไปที่สถาบันเพาะพันธุ์
ไปเสาะหาข้อมูลเพิ่มเติมมา
เพื่อจะได้รอเวลา
ที่จะได้รับพันธุ์แจกแยกกอต่อเติมเพิ่มจำนวน
ให้หอมหวนทวนลม
ได้ดอมดมได้ชื่นฉ่ำใจในงามอีกไม่ช้านาน


ราตรี..นี้
ผมจึงนอนดายเดียวเปลี่ยวเหงาเฉาทรวง
ล่วงจนถึงยามดึกรอรอ และรอ
และ

ผมรู้...ระหว่างเรา..
ไม่ว่าเธอและผมจะพรากร่างห่างกันไกลสักปานใด

หากทว่า..
ดวงใจ
ยังมีนวลเนื้อใจละมุนทั้งสองดวง
ยังมีห่วงคล้อง
ยังปองรักปองฝันในสิ่งเดียวกัน


มีธรรมชาติใจธรรมชาติไพร
ทุกยามย่างเยือนแย้ม
คอยตามแต้มติดเตือนตรึงใจ
ไม่ว่า..
จะย่างกรายไปหนไหนในผืนหล้านี้..ที่ยังมิสิ้นสีเขียวไพร
สองดวงใจแห่งเรานี้
ก็จะยังหลอมรวมรักเป็นหนึ่งเดียว...นานเนิ่นเป็นนิรันดร์.


*************


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=556
อุทยานดอกไม้   
เพลงเก่า : : Key Bb  
ชมผกาจำปาจำปี
กุหลาบราตรี
พะยอมอังกาบทั้งกรรณิการ์
ลำดวนนมแมว
ซ่อนกลิ่นยี่โถชงโคมณฑา
สายหยุดเฟื่องฟ้า
ช-บาและสร้อยทอง
บานบุรียี่สุ่นขจร
ประดู่พุดซ้อน
พลับพลึงหงอนไก่พิกุลควรปอง
งามทานตะวัน
รักเร่กาหลงประยงค์พวงทอง
บานชื่นสุขสอง
พุท-ธชาติสะอาดแซม
พิศ พวง ชมพู
กระดังงาเลื้อยเคียงคู่
ดูสดสวยแฉล้ม
รสสุคนธ์ บุญนาค นางแย้ม
สารภีที่ถูกใจ
งามอุบลปนจันทร์กะพ้อ
ผีเสื้อแตกกอ
พร้อมเล็บมือนางพุดตาลกล้วยไม้
ดาวเรืองอัญชัญ
ยี่หุบมะลิวัลย์แลวิไล
ชูช่อไสว
เร้าใจในอุทยาน

พิศ พวง ชมพู
กระดังงาเลื้อยเคียงคู่
ดูสดสวยแฉล้ม
รสสุคนธ์ บุญนาค นางแย้ม
สารภีที่ถูกใจ
งามอุบลปนจันทร์กะพ้อ
ผีเสื้อแตกกอ
พร้อมเล็บมือนางพุดตาลกล้วยไม้
ดาวเรืองอัญชัญ
ยี่หุบมะลิวัลย์แลวิไล
ชูช่อไสว
เร้าใจในอุทยาน...

 
  



				
16 กันยายน 2547 08:47 น.

ดวงตาสวรรค์ขวัญพลี..ฝันพลี!

พุด


url http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=393
(ดาวจรัสแสง)
********
อย่า อยู่ อย่าง อยาก..หยาบ..
*********

ในราตรี
ที่ดาวประจำเมืองลอยหน้ามาทายทักแย้มยิ้ม
ริมหน้าต่างม่านใบไม้ลายการะเวกเลื้อยพัน
และ

ในยามที่
วสันต์ลา
พาหยาดละอองน้ำตานางฟ้าลาร่วง
พาดวงดอกฝนไปหว่านโปรยปรายพรายพลิ้ว
ในทิวทุ่งทิพย์รวงทอง


คืนนี้
ใจดวงละมุนดวงน้อยคอยพินิจนิ่ง
นึกระลึกรู้ดูดาวประจำเมือง
พลันได้ยินเสียงเพลงหวานๆๆๆ
แผ่วๆวะแว่วมากับฟากฟ้ากว้าง
กับทางช้างเผือก

ที่เลือกจะจินตนาการ
ผ่านเรียวรุ้งทุ่งดอกไม้ทะเลเมฆ
รับวิเวกเหว่ว้าดายเดียวลำพัง
กับฝันฝันฝันหวานหวานหวาน
กับงามฟ้ากำมะหยี่คืนที่ไร้สายแสงจันทร์หยาด..พราย..


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=393
ดาวจรัสแสง 

ดาวเอ๋ย ดาวน้อยเจ้าลอยสูงเด่น
ใครใครเขาก็แลเห็น
ว่าเจ้าสูงเด่นเหนือดาวดึงส์
เจ้าเป็นดาว ที่พี่อาจเอื้อมไม่ถึง
อยู่เหนือดาวดึงส์ พี่จึงได้แต่แลมอง
ดาวเอ๋ย ก่อนนั้นเจ้ายังไร้ค่า
ใครใครก็ไม่นำพา
ไม่เลิศเลอกว่าแสงดาวเรืองรอง
เจ้าสกาว จึงมีคนเฝ้าคอยปอง
เด่นเหมือนดาวทอง สักวันจะหมองวิญญา
ก่อนนั้น เจ้าคิดถึงพี่หรือเปล่า
ก่อนที่จะมาเป็นดาว ใครเขาส่งเจ้าเข้ามา
เฝ้าอุ้มชู จนเจ้าได้เป็นดารา
มีแสง มีค่า พอได้เวลาก็เคลื่อน คล้อย
ดาวเอ๋ย อย่าหาว่าพี่ทิ้งเจ้า
วันใดเจ้าปวดรวดร้าว
ตัวพี่จะเฝ้าแหงนคอรอคอย
เฝ้ารอซับ น้ำตาดาวที่หลั่งย้อย
หากแม้ดาวลอย ใช่ลอยจากฟ้าลับไป

ดาวเอ๋ย อย่าหาว่าพี่ทิ้งเจ้า
วันใดเจ้าปวดรวดร้าว
ตัวพี่จะเฝ้าแหงนคอรอคอย
เฝ้ารอซับ น้ำตาดาวที่หลั่งย้อย
หากแม้ดาวลอย ใช่ลอยจากฟ้าลับไป...
**************


มนุษย์หนอหนา
ทำไมเกิดมาช่างมากมายมากมี
ช่างแสนที่จะช่างคิดช่างฝัน
ปันหวามหวาน
ลบความเร่าร้อนในโลกร้ายในเนื้อใจร้าย


และ
หากยังมี*อยาก*แล้วไซร้
ขอเพียงให้เพียรฝึกใช้สติมีปัญญา
พาพบจิตดวงงามกระจ่างใส
ใจดวงดีดวงให้
มีเนื้อใจแสนสวยสดงดงามละเอียดละเมียดละมุน

ให้หอมกรุ่นด้วยความรักความเข้าใจ
มากน้ำใจเมตตา
ไม่อิจฉาไม่ว่าร้าย
ไม่ก้าวก่ายไปพิพากษาหาข้อผิดพลาดใคร


ไม่ทำตัวราวกระจกหกด้าน
ให้แค่ใช้คำดี
คำที่ราวหยาดน้ำค้างค่อยๆพร่าง
ค่อยๆพรมค่อยๆห่มหอมให้ห้วงใจ
ให้บทเรียนใจ
ค่อยๆใช้น้ำใส
ดับน้ำดำน้ำคำน้ำคนน้ำโคลนที่โยนที่สาดมา


ตราบใดที่ดวงชีวาดวงชีวี
ยังต้องมามีส่วนร่วมในสังคม
ร่วมชมร่วมชอบมิชอบ
ร่วมประกอบกรรมประกอบกายประกอบกิจ


ให้ดวงจิตดวงใจฝึกความอดทน
ฝึกฝนการใช้ขันติมีอุเบกขา
รู้หนักแน่นใจ รู้ไหวหวั่นกับโลกย์ก็เพียงครู่คราว
แล้วใช้ความขาวใจ  ดับดำใจดับใจดำ


ใช้ความ*งามให้*
อันราวปิดทองหลังพระมาปลุกปลอบใจ
แม้นไม่มีผู้ใดรู้เห็น หากฟ้าดินจะเป็นพยาน
และหากแม้นท่านไร้สิ้น*ดวงตาสวรรค์*มิหันมามอง
ก็อย่าพักต้องเสียใจ


จิตใส จิตงาม จิตให้ จิตละมุนละเมียดนั้นจะยังเป็น
*ดั่งอัญมณีใจ*อยู่ภายในนะบ้านภายในของเราเอง
เป็นดั่งขุมทรัพย์นับเอนกอนันตกาล
ที่ใครจะพ้องพานมาทำร้ายมาขโมยไปไม่ได้


คนดี..ที่รัก
หลับตานิทรา แล้วอย่าฝันถึงฉันถึงใคร
ฝึกจิตใสเพียรวางใจให้พบว่างร้างไร้
ให้เนื้อใจนั้นได้พลันสุกสกาวเบาสบายราวปุยนุ่น
ให้กรุ่นหอมด้วยดวงดอกความดี 
ที่ดวงดอกพุดดอกนี้
เพียรคิดดีคิดได้คิดให้คิดทำ  

แม้นจะต้องใช้เวลา
ตราบชั่วกาล 
นานชั่วกัป์ปกัลป์รับรอยกรรมก็จะมิหวั่นเลย..นะดวงใจ

*********************************



ดวงตาสวรรค์ .....พุดพัดชา 

ดวงตาสวรรค์

พี่คนนี้ นั้นมีแต่ให้ 
เจ้าใช่ไหมไม่เคยให้พี่ 
อยากได้อะไร หาให้ทันที 
ให้เจ้ามากอย่างนี้ ไม่ดีอีกหรือแม่คุณ 

พี่คนนี้ นั้นมีแต่ให้ 
เจ้าไฉนเห็นพี่เป็นหุ่น 
เจ้าได้กำไร รู้ไหมใครขาดทุน 
ดอกเบี้ยความรักสิ้นสูญ ต้นทุนรักก็ไม่เห็น 

ทำเหมือนพี่ไม่มีหัวใจ 
ใครนะใครที่ช้ำไม่เป็น 
ให้เจ้าหมดแล้วพี่ไม่แคล้วต้องลำเค็ญ 
หรือเป็นกรรมของเราคอยเฝ้าราวี 

*พี่วันนี้พี่ก็ยังให้ 
เจ้าวันไหนเจ้าจะให้พี่ 
ให้ความจริงใจ ให้ความรักพี่บ้างซี 
ให้เจ้ามากอย่างนี้ ให้พี่ไม่ได้เชียวหรือ....... 

************


ฟังเพลงนี้ทีไร 
หัวใจของฉัน ก็อ่อนละมุนไปตามคำรำพันรำพึง 
คิดดูสิ..จะไม่ให้ คนที่วิ่งตามหาความรักอย่างฉัน 
ซาบซึ้งใจได้อย่างไรกันเล่า... 
ลูกผู้ชายคนหนึ่ง...
ซึ่งแสนเข้มแข็ง แสนเสียสละ มาดแมน 
มาเว้าวอน บอกรักล้นใจ กับผู้หญิงคนหนึ่ง 
ที่ตัวเขาคงแสนรัก แสนภักดี.... 


หลายคน...ค่อนแคะ ว่าดวง เขียนแต่เรื่องรักๆ 
แต่คิดดู ให้ดีนะ โลกเรานี้ ขาดรักได้เสียที่ไหนกัน... 
ที่มนุษย์ เราขยันทำงานกันแทบเป็นแทบตาย.


.ก็เพื่ออะไร..เพื่อใครกันล่ะ... 
มิใช่..เพื่อคำว่ารัก ดอกหรือ..... 
รัก...ที่จะให้ ครอบครัวนี้มีข้าวกิน มีที่หลับนอน.. 
เพื่อความอบอุ่นเป็นสุข 
กับ ผู้อันเป็นที่รักยิ่งของเรา และของใครของคนนั้น.... 
ซึ่งต่างมีหน้าที่ ที่เราจะต้องประคับประคองดูแล 
จนยามเฒ่าชะแร แก่ชรา... 
ไปด้วยกันจนตะบันน้ำกินทั้งคู่ 
หรือจนยามมรณานุสติ ที่ตัวใครก็คงตัวมันแล้ว นั่นแหละนะ 


หรือ..เพื่อพลเมืองน้อยๆ 
ที่เราร่วมผลิตกันออกมาตาดำๆ 
บ้างก็ฟ้า บ้างก็เขียว แล้วแต่สายพันธุ์ 
ของฉันของเธอ...ที่ก่อกำเนิดให้เกิดมา....

ให้พากันมาสร้างรังน้อยๆ แต่พอตัว สืบทอดไป 
ในภายภาคหน้า ตามที่เราวางแผน.....เพื่อ 
ให้มาเติมเต็ม คำว่า ความรักแบบครอบครัว 
ให้สมบูรณ์แบบ ให้ได้เรียนรู้รัก รู้ให้ รู้เสียสละ 
และรักอีกมากมาย หลายๆรูปแบบ 
ที่พึงจะมีพึงจะเป็น ในฐานะที่เป็นมนุษย์..... 


เรื่องที่ฉัน..จะเขียน วันนี้ 
ชื่อ.....ดวงตาสวรรค์.....
ก็คงเกี่ยวพัน กับเรื่องรัก อีกนั่นแหละ 
แต่บอกได้เลยว่า...
เป็นเรื่องรัก ที่ยิ่งใหญ่ กว่ารักใดใด ลองอ่านดูนะ.... 


ฉันชอบชื่อนี้....และคิดว่าน่าจะมี ...ดวงตาสวรรค์....
จริงๆ มิใช่เฉพาะคำในหนังจีนที่ชอบเอ่ย ออกมา.... 
และฉันเชื่อว่า มี...ดวงตาสวรรค์.
.ที่เฝ้าจ้องมองดู ผู้คน อยู่บนผืนโลก 
ไม่ใช่! บนวิมานฟากฟ้าที่ไหน...ที่ไกลแสน...... 


ดวงตาสวรรค์...
คู่นี้ จะร้องไห้ ในหลายๆโอกาส เพื่อเรา...ทั้งยามดีใจ เสียใจ 
อาจจะ ตั้งแต่ วันที่ ได้แต่งงาน 
กับเจ้าบ่าว คนดี ที่แสนรัก..ด้วยความซาบซึ้ง ตรึงใจ 
ในโชคชะตา ที่เกิดมา ได้พบคู่ 
ผู้ที่ตัวเอง ก็ยังไม่แน่ใจว่า... เขาหรือเรา ใครกันแน่ 
จะเป็นผู้โชคร้ายหรือโชคดี..... 


ดวงตาสวรรค์.......
จะสดใส สวยพราว 
ราวมีแสงเพชรหล่อเลี้ยง เมื่อสมหวังในรัก... 
และได้เป็น.... แม่คน....
ได้อุ้มคนอีกคน ไว้ในอุทร...นานเก้าเดือน แนบชิดสนิทเนา... 


ดวงตาสวรรค์........
จะร้องไห้ อีกแล้ว 
เมื่อได้กอด เจ้าตัวน้อยๆเล็กกระจ้อยร่อย ไว้ในอ้อมแขน 


ดวงตาสวรรค์..
ที่จ้องมองเจ้า ราวเพชรล้ำค่า บริสุทธิ์ใส 
หาใดมาเปรียบปาน ไม่มีเลยในปฐพี 



ดวงตาสวรรค์...
คู่นี้ จะไม่ยอมหลับนอน ผ่อนพัก 
ด้วยห่วงใย ที่จะคอยดูแล ทะนุถนอม 
มิให้..เหลือบ ยุง ริ้นไร ไต่ตอม ทำร้ายเจ้า...
จะคอยเฝ้าเห่กล่อม...ให้น้ำนม...เจ้าได้ดื่มกิน.. 
จนอิ่มอุ่น...หลับไป...แม้คนให้...
จะอกแห้งกลวง แต่ไม่เคยห่วงตัวเองยิ่งกว่า..... 


ดวงตาสวรรค์....
จะเฝ้าตาม ปกปักรักษา จนเจ้าเติบใหญ่.....และ 


ดวงตาสวรรค์..
จะมีน้ำตา อีกคราครั้ง 
เมื่อเห็นภาพ เจ้าห่วงหา ร้องห่มร้องไห้ ไม่อยากพราก 
จากอ้อมอกนี้ สู่....โลกใบเล็ก ที่โรงเรียน
 เพื่อให้เจ้าได้พากเพียร เรียนรู้ ที่จะอยู่ในโลกกว้าง 
อย่างผู้ที่มีสติปัญญา ถึงพร้อม...... 


ดวงตาสวรรค์.....
จะจ้องมอง คอยดูแล ไปเสียทุกสิ่ง ทุกอย่าง 
เพื่อให้เจ้า ได้พบกับความสบาย 
ทั้งกาย...ใจ ไม่ยอมให้สิ่งใดมากรายกล้ำ...
จะคอยขจัดปัดเป่า ให้มลายหายไป..ราวมีมนต์... 
เท่าที่จะทำได้ แม้ในฐานะที่ไม่เท่าเทียมกัน.....แต่.... 
ทุกดวงตาสวรรค์......ก็มีใจ หนึ่งดวง 
ที่เท่าเทียมกัน ด้วยรัก ในฐานะ...แม่...นี้ที่รักลูกยิ่งกว่าชีวิต.... 


ดวงตาสวรรค์......
ไม่มีวันหลีกลี้ หนีหาย 
ไม่ว่าในยามพายุร้ายแห่งชีวิตพัดมาผ่าน... 
แม้ในยามที่ เจ้ามี ดวงตาคู่อื่น....
มาทำหน้าที่ปกป้องแทน 
และหวงแหนเจ้า...ไว้ในฐานะ เมีย..
ผู้จะทำหน้าที่ สืบทอด ทายาท ...แห่ง ดวงตาสวรรค์.... 
สืบไป..ในฐานะ....มนุษย์..
ที่ยังมีกรรม ต้องจำว่ายวนไป...สู่บ่วงแห่งดวงใจรักนั้น... 
..

แม้ ดวงตาสวรรค์......
บางคู่จะมืดมิด....
แต่ด้วยจิตวิญญาณ ที่มิอาจจะทอดทิ้งเจ้า ให้ดายเดียว... 


ดวงตาสวรรค์....
จะมองเจ้าได้ ด้วย...ดวงตาภายใน...คู่พิเศษ..
ที่สวรรค์สรรสร้างมา ด้วยดวงจิต 
ดวงใจ ที่ใสเย็นฉ่ำ ..
ที่มิมีวัน..จะมืดบอด...สำหรับเจ้าตัวน้อยๆ จนนานนิรันดร์...... 


ดวงตาสวรรค์....
ยังทำหน้าที่ ช่วยเจ้าดูแล ทายาท ยามเจ้านั้น 
ต้องออกไป ใช้ดวงตา ผ่าฟัน 
สู้บากบั่น ทำมาหารับประทาน.... 


ดวงตาสวรรค์......
คู่นี้ ยังทำหน้าที่ หมุนวน 
จนกว่าจะหม่นมัว แทบมองไม่เห็น... 
และ


ตราบจนกว่า.....
วันสุดท้ายของดวงตะวันแห่งชีวา 
ใกล้จะลาลับ ดับไปจากโลกนี้...... 
และ


เมื่อถึงวันนั้น..... 
ดวงตาสวรรค์....
จะหลับสนิท ไปตราบนิจนิรันดร์
 เมื่อถึงวัน..สุดท้ายบนเชิงตะกอน..... 
เจ้าจะรู้ซึ้ง..ถึงคุณค่า ของดวงตาสวรรค์...
เมื่อถึงวันที่เจ้าได้ใช้ ดวงตาของเจ้า 
ทำหน้าที่ ดวงตาสวรรค์..... แทนอย่างครบถ้วน..... 


และ..
วันนั้น...
วันที่เจ้าจะต้อง คอยเอามือน้อยๆของเจ้า....
ทำหน้าที่ปิดเปลือกตาสวรรค์... 
ที่เคยทำหน้าที่ ให้รัก ปรารถนาดี แก่เจ้ามา 
อย่างมากล้น อย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย 


ดวงตาสวรรค์...ของเจ้านั้น
จะทำหน้าที่....ร้องไห้ ราวฟ้าร่ำ คร่ำครวญ... 
และรู้ซึ้งว่า...
โลกนี้หนา มีดวงตาสวรรค์ อยู่ในใจ ของเจ้าเอง.......ใช่อื่นไกล..... !

*******************
				
15 กันยายน 2547 13:39 น.

รับบทใหม่ไม่มีเธอ!

พุด


URLhttp://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2084
(รับบทใหม่ไม่มีเธอ)
********


อย่า..เข้าใกล้หมายเชยเลยที่รัก
อย่า..รู้จักรู้ใจไปกว่านี้
อย่า..เสแสร้งแกล้งลวงน้ำใจดี
อย่า..ลืมคืนที่ฉันทรุดร่างลงครางครวญ..

อย่า..เข้าใกล้หมายชิดสนิทมาก
อย่า..ลำบากวกวนลมพัดหวน
อย่า..ทำดีตีบทแตกอาลัยนวล
อย่า..พัดหวนพัดหาว่าซึ้งใจ...

เพราะ..หน้ากากเธอนั้นมันหลุดแล้ว
เพราะ..เห็นแววใจร้ายดำดับใส
เพราะ..ความจริงยิ่งกว่าจริงธุลีใจ
เพราะ..น้ำใสซ่อนโคลนดำน้ำคำคน...

ฉัน..เข้าใจในความกลัวจะมัวหมอง
ฉัน..แค่ลองใจเธอเพ้อสับสน
ฉัน..แค่หวังซับน้ำตาปลอบกมล
ฉัน..แค่คนวนมาสอน ละครรัก..

รู้..เถอะนะว่าแค่นั้นก็แค่นั้นฝันลวงโลกย์
รู้..สอนโศกสอนสุขฝึกแน่นหนัก
รู้..ดับใจดับไฟเสน่หาดับใจภักดิ์
รู้..ระทมทับดับดอกฝันอย่าหันมา...

ใจ..ของเธอใจของฉันฝันแตกต่าง
ใจ..เราห่างร่างเราแยกอย่าโหยหา
ใจ..ของเธอใจของฉันฝันเหว่ว้า
ใจ..แค่มา*ดวลใจ*ใครดับดวง..

แล้ว..คำลาอย่าเอ่ยเผยเลยนะ
แล้ว..จะจะแจ้งแจ้งอย่าห่วงหวง
แล้ว..ไปดีไปได้อย่าทุกข์ทรวง
แล้ว..ก็ล่วงก็ลามิวันหน้ามิวันนี้ ก็ดีแล้ว!

แล้ว..ก็ล่วงก็ลามิวันหน้ามิวันนี้ ไปเสียทีก็ดีแล้ว!

***************


มากระซิบฝากรัก
แบบธรรมดาคน
ธรรมดาใจธรรมชาติชีวิต
คั่นงานธรรมะค่ะ
แด่ทุกดวงใจที่ยังดับไฟรักมิมอด ..ดวง
และขอแถมแกมแกล้มใจ..

*********



ในอ้อมกอดแห่งรัก!

เราทุกคน..ต้องการอ้อมกอดแห่งรัก.. 
อยากอยู่ในอ้อมกอดและอยากกอดใครสักคน 


อ้อมกอดที่พอเหมาะพอดี 
แทนคำพูดที่มิต้องเพ้อพร่ำมากมาย 
เพื่ออธิบายความในใจมากมี.. อ้อมกอด..
ที่จะแสดงออกถึงสิ่งสวยงามแสนดี 
ที่ซ่อนซุกซ่อนซึ้งละมุนภายในใจของเรา 


เท่าแรงใจ แรงรัก ..ที่มีที่อยากโอบกระชับแค่ไหน 
ทำได้เท่าที่ใจดวงดีดวงนี้อยากจะทำ..  

แม้บางครั้ง..เราคนไทย จำใจต้องดายเดียว 
โหยหากันมากมาย เพราะไร้ร้างอ้อมกอดแห่งรัก 
เนื่องมาจากวัฒนธรรม ประเพณี 


ที่คิดว่าการแตะต้องเนื้อตัวกันนั้น 
โดยเฉพาะหนุ่มสาว ควรเก็บเพาะบ่ม
ให้ถึงคราคราวถึงวันที่รักสุกงอมหอมหวาน.. 


แม้จริงๆแล้วธรรมชาติหัวใจนั้น..
ทุกคนฝันและรอ ต้องการอ้อมอกอุ่น 
จากใครสักคน มาโอบขวัญ โอบเอื้อ เป็นที่พักพิงใจ 
ไม่ว่ายามสุขใจ
หรือยามที่รานร้าวกับชีวิตที่ผิดพลาดมา..ก็ตามที..  


ยามเมื่อเรานี้ยังเป็นเด็ก.ตัวเล็กๆ
เราต้องการแค่อ้อมอกของแม่..พ่อ
ที่อบอุ่นอ่อนโยนอ่อนหวานเพียงแค่นั้น  

พอถึงวันโตมาเป็นหนุ่มสาว 
หัวใจเรากลับโหยหาคว้าไขว่อยากได้รัก..
และหัวใจจะสดสล้างราวดอกไม้ 
รับหยาดน้ำค้างระริกไหวใจระรัว 
ยามได้อยู่ในอ้อมกอด คนดีที่พิเศษพิสุทธิ์ของชีวิตจิตใจเรา  


ฉันน้ำตาซึมซาบซึ้งใจ..ในคืนหนึ่งนี้
ที่ไม่นานผันผ่านมา.. 
ยามได้ดูรายการ ประกาศรางวัล ออสการ์.. 

นาทีแสนประทับใจ ยิ่งใหญ่แสนสวยงาม
ในหัวใจละมุนของผู้หญิงอย่างฉัน 


กับอ้อมกอดประทับรับขวัญ..เดนเซล..วอชิงตัน 
จากจูเลีย โรเบิร์ตส์ อย่างแนบแน่นมีชีวิตชีวา 
ด้วยความปลื้มปิติ ยินดี ภาคภูมิใจแทนคนผิวสี 


ที่ได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมทั้งหญิงชาย พร้อมกัน 
หลังจากห่างหายมา 74ครั้ง โดยมิได้เสนอชื่อเข้าท้าชิง..  
ที่เฝ้าเคียงประคองให้มองมา


และภาพ..รัสเซล โครว์ กอดปลอบโยน ฮัลลี่ เบอร์รี่ 
อย่างพี่ชายคนดีที่ให้กำลังใจน้องน้อย..ที่แสนดี 

เธอผู้นี้..สะกดคนดูทั่วโลกให้นิ่งงัน น้ำตาซึม 
ร่ำไห้ตาม ด้วยภาพของอาการละล่ำละลัก 
น้ำตาไหลพราก บนเวทีแห่งความยิ่งใหญ่ 
อย่างยินดี ตื้นตันใจ ไม่คาดฝัน
 เป็นอารมณ์ที่สวยงามบริสุทธิ์จาก ใจผู้ชนะ


ที่ฝ่าฟัน มาอย่างยาวนาน 
ที่เธอนั้นทำสำเร็จสามารถคว้ารางวัลสวยสีทองมากล้นคุณค่า 
มาอยู่ในอ้อมกอด แห่งภาคภูมิ..มหัศจรรย์ ราวฝันไป..  


เขียนถึงเรื่องนี้..อยากมอบให้คนดีทุกดวงใจ 
ที่รักและห่วงใย ได้มอบอ้อมกอด อ้อมใจ บริสุทธิ์ 
จากใจ ที่อบอุ่นอ่อนโยน อ่อนหวาน ให้แก่กันและกัน 
ฉันท์เพื่อน พี่น้อง น้องพี่..


และ
เมื่อวันนึงนี้ 
ที่เราต้องรับบทบาทเป็นแม่พ่อคน. .  
เป็นสุขสัมผัสแสนดี ที่ไม่ต้องซื้อหา
 แค่อ้าแขนออก มอบกอดแก่ผู้ควรค่า.. 
มีค่าควร จากใจถึงใจ..  


ฉันโชคดี..ที่มีอ้อมกอดแม่พ่อ และคุณย่า 
ให้ความรู้สึกเติมเต็ม อ่อนโยนพิสุทธิ์ใส 
ที่หยั่งรากลึกถึงใจ ให้..เกิดต้นกล้าแห่งรัก 
ถักสานเพาะบ่มงาม ขึ้นในใจดวงละมุน..มาจนถึงวันนี้.. 



ที่อยากมอบอ้อมกอด ถ่ายทอด สิ่งแสนดีวิเศษนี้ 
ที่เรามีติดตัว ให้กับผู้เป็นที่รักทุกคน.. 
ไว้แบ่งปัน..อุ่นเอื้อ โอบขวัญ ให้มีคืนวันอบอุ่น 
ไม่ดายเดียวเปลี่ยวร้าง เหงาใจ ราวอยู่ลำพัง..  


เมล็ดพันธุ์..แห่งรักนี้ จะดีจะงามหรือไม่นั้น 
ขึ้นอยู่กับเรา เมื่อวันนึงเรารับบทเป็นแม่พ่อ
 และต้องทำหน้าที่ถ่ายทอดสืบต่อ ถึงรุ่นต่อๆไป ให้รักยาวยืน   


ให้โลกนี้มี..อ้อมกอดแห่งรัก..เข้าใจ อภัยกรุณา 
เมตตาและให้ความรักกันและกัน..
เพื่อต่อโลกฝันสีรุ้งที่สวยงามชั่วนิจนิรันดร...


และ..
ท่ามกลาง..คืนค่ำที่สายฝนพรำฉ่ำฟ้า
 ฉันจุดเทียนวับแวมให้หวามไหว

กุหลาบหลากสี แซมมะลิซ้อน ซ่อนรัก ซ่อนใจ 
ซ่อนกลีบหอมละมุน 
ดวงดอกสดใสแซมด้วยใบเขียวละออตา.. 
กรุ่นกาแฟ ชวนจิบให้ละไมลิ้น ลอยอ้อยอิ่งเป็นสาย..
แกล้มไปกับสายฝน สายฝัน สายใยรัก


ที่พยายามถักทอรจนา
ร้อยเรียงเรื่องนี้มอบแด่ทุกดวงใจ...........  

เสียงโทรศัพท์..ดังก้องในความงามเงียบ... 
จากซีกโลกแสนไกล..จากใครบางคน..


 กระซิบเรียบๆแต่หนักแน่น..
ด้วยแรงรัก แรงคิดถึง และห่วงใย
ข้ามขอบฟ้าไกล
หวานแว่วมากับสายลมเย็น.. ..
ถนอมตัว ถนอมใจ 
ให้มั่นคงแข็งแรง 
รอวันชื่นคืนหวาน 
เพื่อกลับมาสู่อ้อมกอดแห่งรักของสองเรา! 

***************


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2084
รับบทใหม่ไม่มีเธอ   
ภัสสร บุญยเกียรติ : : Key Gm  
หากเปรียบชีวิตเรา คือละคร
ฉันก็อยาก จะข้ามตอน บทนี้ไป
ตอนความรักทำ หัวใจมันจวนมลาย
แล้วให้ใคร ช่วยช้ำใจ แทนฉันที
เพราะว่าความจริง ชีวิตคน ใช่ละคร
ฉันไม่อาจ หลีกความร้าวรอน ใจที่มี
เมื่อวันหนึ่ง ถึงคิว ไม่ว่ามัน จะร้าย หรือดี
มา ถึงบทนี้ ต้องแสดง
จะตีบทตอนผิดหวัง
ที่เธอหลอกลวงใจฉัน
จะเสีย น้ำตา ให้มัน ท่วมจอ
จะลงมือคร่ำครวญ คิดถึงเธอเสียให้พอ
แล้วจะรอ รับบทใหม่ ให้ลืมเธอ

เพราะว่าความจริงชีวิตคน ใช่ละคร
ฉันไม่อาจหลีกความร้าวรอน ใจที่มี
เมื่อวันหนึ่งถึงคิว ไม่ว่ามันจะร้าย หรือดี
มา ถึงบทนี้ ต้องแสดง
จะตีบทตอนผิดหวัง
ที่เธอ หลอกลวง ใจฉัน
จะเสีย น้ำตา ให้มันท่วม จอ
จะลงมือ คร่ำครวญ คิดถึงเธอ เสียให้พอ
แล้วจะรอ รับบทใหม่ ให้ลืม เธอ
จะตีบทตอนผิดหวัง
ที่เธอหลอกลวงใจฉัน
จะเสีย น้ำตา ให้มัน ท่วมจอ
จะลงมือ คร่ำครวญ คิดถึงเธอ เสียให้พอ
แล้วจะรอ รับบทใหม่ ไม่มีเธอ
แล้วจะรอ รับบทใหม่ ไม่มีเธอ...

 
  



				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด