17 กันยายน 2548 10:36 น.

เจ้าจันทร์แจ่มในดวงใจ..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song973.html
(ดวงใจในฝัน)
................................



ผม..ถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงกระซิบ
จากใครบางคนในภวังค์ฝัน
ด้วยเสียงอันแสนออดอ้อนอ่อนหวานปานหยาดน้ำผึ้งรวง

ที่คอยห่วงหวงห่วงหา
และ...
ตามติดติดตามผมเสมอมา
หลายปี..ไปในทุกที่ ทุกหนแห่ง....



*ทุกแห่งหน*

ฉันเห็นเธอในดอกไม้สายลมไหว
มวลนกไพร ในฝนพราย แมกไม้ฝัน
ในดวงดาว ในอุ่นแสง แห่งตะวัน
ในความฝัน ในยามตื่น ชื่นฉ่ำใจ..

ฉันเห็นเธอ ในดวงจันทร์ ฝันเคียงฟ้า
ในเมฆา ในเรียวรุ้ง กระจ่างใส
ในผีเสื้อ ในสายน้ำ ในขุนเขา ในเงาใจ
เธอสถิตอยู่กลางใจในเรียวตาในศรัทธาในรักนี้ มิมีวันจะลบเลือน



และ...
พร้อมกับหยาดธาราทอง
จาก...
พรายพระจันทร์ดวงผ่องเพ็ญพูนดวง
*สายน้ำผึ้งจันทร์...*

ที่กำลังหยาดสายหวานหว่านลงมาโลมไล้ร่างผม
ให้ฝันคว้าง คว้างขวัญ



ใน..
ยามย่ำราตรีดึกดื่นดายเดียวเดียวดายนี้..เพียงลำพัง
บทรถโดยสาร24ที่นั่งแสนสบาย

ที่กำลังพาผมไกลออกไปจากราวเมือง
ที่มิเรืองรุ่งในหอมห้วงหัวใจผมเลย
ด้วยราวนกผิดถิ่น บินไม่ถึงฟ้า
ราวปลาผิดน้ำ แบบคนดีชอบกระซิบบอกผม...



ผม..กำลัง..ไปอุบลราชธานี
เมืองที่มีสโลแกนว่า...

*เมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี 
มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน 
ถิ่นไทยนักปราชญ์ ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม 
งามล้ำเทียนพรรษา ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์ " 
" อุบลเมืองแก่งสุนทรีย์ รับสุรีย์แรกอรุณ คืนนักบุญเหล่าบัวบาน 
งานเทศกาลเทียนพรรษา แหล่งอารยาก่อนประวัติศาสตร์ ...*



เพื่อไปเกี่ยวเก็บไฟฝัน
ไปดูบัวพราวนับพันในบึงพร่าง
ไปนอนอ้างว้างเหว่ว้าดูผืนฟ้านากว้างเขียวขจี
ไปดูวัวควายที่ผมฝากเพื่อนเลี้ยงไว้
ไปดูสายน้ำสองสีที่ทอดคดเคี้ยวเลี้ยวลด
ไปในท่ามหมู่บ้าน



ที่ณ..บัดนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า
น้ำจะท่วมหลายพื้นที่
ที่กำลังรอโศกใต้น้ำอย่างห้ามธรรมชาติมิได้



ผม...คิดถึงเธอ..คนดี...
คนที่ผมอยากให้มายืนชี้ชมเคียงข้าง


ยาม...
ผมเห็นตาลเดี่ยวยืนต้นและโสนน้อย
เหลืองสะพรั่งในนา
ยามนัยน์เรียวตาซึ้งๆเห็นบัวในบึง
เห็นมวลหมู่ภู่ผึ้งไล้คลึงกลีบเกสรภุมรินทร์
ได้กลิ่นโคลนสาบควาย
ที่เราสองแสนเคยชิดใกล้ในอดีตมาเหมือนกัน


ไปพายเรือในบึงฝันเก็บบัวบูชา
มาถวายหน้าพระพักตร์พระพุทธพิสุทธ์งาม
ในโบสถ์คร่ำยามค่ำคืนเพ็ญ
และ
สวดมนต์อธิษฐานภาวนาด้วยน้ำตา
แห่งความศรัทธา
ให้หัวใจดวงทอง
ดวงผ่องผุดแห่งสองเรา
เลิกเหว่ว้าได้พากันท่องล่องไปสู่แดนดิน
แห่งความฝันนิรันดร์รัก..

ไปนอนฟังเสียงเรไรทายทัก
จิ้งหรีดกรีดกริ่งก้องทั่วท้องทุ่ง 

ไปหอมกรุ่นกลิ่นลอมฟาง
ไปดูดาวพราวพร่างพริบพราย
ราวคล้าย
แอบหลิ่วตาล้อ พ้อเพ้ออิจฉาเรา
ไม่เหงาใจต่อไปอีกแล้ว

ไม่ต้องฟังเสียงเพลงขลุ่ยแผ่วแว่วหวาน
*ขวัญเรียม*ลุยทุ่ง
ให้จิตเราซึ้งโศกราวโลกดายเดียว..ลำพัง




หากทว่า....
ในราตรีที่แสนงามเงียบนี้
กับจันทร์ดวงเดิม
จันทร์ใจดี
จันทร์พลีแสงสาดสวย

จันทร์ดวงที่มวลมนุษย์ทั้งโลกหล้า
ต่างพากันฝากฝัน
ยามต้องมนต์อันวาบหวาม
ยามพลัดร้างแรมไกลรัก
ยามอกหักไร้คู่
ยามยืนดูดายเดียวอย่างแสนให้อารมณ์เปลี่ยวเหงาพิไลพิลาส...


ผม....
ตื่นมากับฝัน..ที่ไร้เธอ......!
........................



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song973.html
ดวงใจในฝัน.... อรวรรณ เย็นพูนสุข

รำพึงรำพัน ฝันรัก รักเอยใฝ่หา
ยังจำติดตาชวนปลื้ม ฉันลืมไม่ลง
เป็นรอยพิศวาส ปักใจมั่นคง
ฝังใจพะวง หลงรอคอย
อาวรณ์ใจครวญ หวนคิด คิดจนพร่ำเพ้อ
พาใจละเมอหมองหม่น คิดจนเลื่อนลอย
ยามนอน ถอนสะอื้น ตื่นตาแลคอย
คิดจนดาวลอย คล้อยเมฆา
ฝันกอดเชยชม ภิรมย์รื่น พี่ชื่นตื่นผวา
จนใจ ไม่มีใครเมตตา
เพียงนิทรา นิจจานึกว่าสุขเอ๋ย
บางคืนมองจันทร์หรรษา นิจจาอกฉัน
บางคืนขาดจันทร์เยือนหล้า น้ำตาหลั่งเลย
ลมเอยพริ้วยังแผ่ว ไม่มีแววเลย
เหงาใจจริงเอย หลงเชยแต่เงา

บางคืนมองจันทร์หรรษา
นิจจาอกฉัน
บางคืนขาดจันทร์เยือนหล้า
น้ำตาหลั่งเลย
ลมเอยพริ้วยังแผ่ว
ไม่มีแววเลย
เหงาใจจริงเอย
หลงเชยแต่เงา...



				
15 กันยายน 2548 16:09 น.

เพดานดาว..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4258.html
(ณ..วันนี้)
..................


ดาราราย..ประคองขับรถอย่างช้าช้า
ฝ่าฝนพรำสายพรายพลิ้ว..ไปยัง..*อยุธยา*
เมืองเก่าของเราแต่ก่อน...

และ...
ก่อนหน้าที่จะมา...
ดารารายได้จองบ้านพักแบบโฮมสเตย์
เพื่อมาค้างคืน..นอนเหว่ว้าดายเดียว..ลำพัง
ริมสายน้ำเจ้าพระยาเอาไว้แล้ว
 

ดาราราย มีความสุขมาก
จนเผลอครวญเพลงพึมพัมหวานแว่ว
คลอเคล้าไปกับเครื่องเสียงในรถ
มาตลอดทาง
ที่กำลังบรรเลงบทเพลงโบราณ
ที่เธอแสนชื่นชอบ



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song225.html
จุฬาตรีคูณ จินตนา สุขสถิตย์

ข้า แต่ คง คา จุฬา-ตรีคูณ
ดวงใจข้าอาดูร หนักเอย
ความ งาม วิไล ข้ามิได้ ปรารถนา
ข้าชัง หนักหนา เจ้า เอย
เพราะช-นนี ข้าวิไล
จึงถูกสังเวยเสียในสายชล ด้วยรักเอย
จุ ฬา ตรี คูณ ชนนี ชีพ สูญ
ในสายจุฬาตรีคูณ นี่เอย
ดารารายเลิศโสภา
ข้าไม่นำพาเพราะกลัวว่าจะถูกสังเวย
โปรดสาปขอให้โฉม อันน่าเชย
สิ้นสวยเลย ไร้ค่า
ให้ ข้า น่า ชัง สิ้นหวังชื่นชม
ขอให้ไร้ผู้นิยม นำพา
ขอ ให้ สม ใจ ใน ปรารถ-นา
นะจุฬา-ตรี คูณ เจ้าเอย

ดารารายเลิศโสภา
ข้าไม่นำพาเพราะกลัวว่าจะถูกสังเวย
โปรดสาปขอให้โฉม อันน่าเชย
สิ้นสวยเลย ไร้ ค่า
ให้ ข้า น่า ชัง สิ้นหวังชื่นชม
ขอให้ไร้ผู้นิยม นำพา
ขอ ให้ สม ใจ ใน ปรารถ-นา
นะจุฬา-ตรี คูณ เจ้าเอย.
....................



ดารารายชอบฟังเพลงนี้
เพราะคือที่มาแห่งชื่อเธอ..จากบทละคร
และ
บทหนังอันแสนโด่งดังในอดีต

ดารารายรู้สึกสงบใจ
ในท่ามม่านฝนหม่นมัวสลัวรางรายรอบ
ราวล้อมกรอบให้เธอดูราวลูกนกหลงทาง
อย่างแสนอ้างว้างใจ..
ราวกับหลงอยู่ในอ้อมไพร..*เมืองในหมอก*


หยาดน้ำตานางฟ้า
กำลังพร่างพรมคลี่คลุมไปทั่วผืนนา
พาให้ราวแพรไหมพลิกพลิ้ว..
ยามต้องพายุพัดระบัดไหวไกวผ่าน



เครื่องปรับอากาศในรถ
กำลังผสานกับมวลอากาศหนาวภายนอก
บอกให้รู้ว่าร่างเธอ กำลังหนาวเยือก
เธอค่อยๆคลี่ผ้าคลุมไหล่
ด้วยพราวไหมใยยวงผืนนวลนุ่มงาม
 ที่ตามติดชีวิตเธอเสมอมา  ในทุกยามเดินทางไกล


เครื่องปัดน้ำฝน...ยังคงทำงานอย่างช้าช้า
ในขณะที่เธอต้องลดระดับความเร็วของรถลง
เพราะทัศนวิสัยข้างหน้าดูช่างพร่ามัว
ราวมีหมอกเมฆจนมองแทบไม่เห็นทาง


คำเตือนคำสอนของแม่พลันผุดพร่าง
ราวพระเบื้องบนรับรู้คอยช่วยปกป้องดูแล
*อย่าขับรถฝ่าพายุฝนนะลูกรัก
เพราะอันตรายนัก
ถ้าเป็นไปได้ หาที่หลบฝนก่อน
อย่ารีบร้อนจะไป


จำได้ไหม...
ญาติเราเสียชีวิตหมู่ที่ประจวบคีรีขันฑ์
เพราะพายุ 
ทั้งๆที่รถแสนมีประสิทธิภาพ ยังป้ายแดงอยู่แท้ๆ
แต่แพ้ถนนลื่นและทัศนวิสัยไม่กระจ่าง
จำคำแม่ไว้นะ..ลูกรัก..หาที่พักริมทางก็ยังดี..*



เธอ..คนดีจึงมีสติไหวทัน 
ราวสวรรค์คอยปรานีเสมอมา
ค่อยๆประคองขับช้าช้า..
เพื่อหาที่พักริมทาง
หาร้านกาแฟสักร้านหลบฝน.....



แล้ว..
นั่นไง..เธอเห็นแล้ว
ร้านกาแฟ ในฝัน..*บ้านไร่กาแฟ*

ที่เจ้าของคนขยัน
ชื่อแสนงามนามว่า*สายชล*

เป็นสถาปนิกลูกผู้ชาย..
ที่มีไอเดียบรรเจิดพริ้งพรายมาก
ได้เนรมิตใช้ความฝันพรสวรรค์พรแสวงเฉพาะตัว
บวกความมีวิสัยทัศน์กว้างไกล


 และ..
กับ..ไอเดียแสนงาม
ได้ออกแบบร้านกาแฟให้แลดูแสนแปลกตา
ในลีลาเอียงกระเท่เร่ แบบ เท่ห์ อย่าบอกใคร

ที่ในวงการสถาปนิก
ต่างยกนิ้วให้ ที่กล้าใช้ความคิดแปลกใหม่
มารับกับโลกาทันสมัย
โลกกาแฟให้แสนทันเหตุการณ์ทันยุค



แถมการออกแบบภายใน
ยังมีไอเดียให้สายน้ำค่อยๆพร่างริน
ผ่านกระจกเงา 
ราวกับให้เรานั่งทอดทัศนาฟ้าฝนในทุกฤดูกาล
ยามผ่านพบแวะมาพัก 
หลังจาก
ขับรถมาอย่างเมื่อยล้าเหนื่อยล้าเป็นระยะทางแสนไกล
ไม่ต้องหลับใน 
เสียชีวิตไปในอุบัติเหตุมากมีมากมายตามท้องถนนหลวง



ในร้านมีขนมอร่อยล้ำ...
ที่ดารารายติดใจคือเค้กส้มหอมอร่อยนุ่มลิ้น
และ...
แสนคุ้นคอกับกาแฟบางยี่ห้อ
ที่รสดี..แสนกลมกล่อมหอมอวลไปไกล 
ให้อารมณ์คนรักกาแฟ..กาแฟ..แสนละไมละมุนลิ้นยามลิ้มลอง



ดารายราย..ประคองรถจอดชิดขอบทาง 
ชิดใกล้ร้านอย่างที่สุด
ก่อนที่...
จะควานหา เสื้อกันฝนสีเหลืองมะนาวสด
แสนเปรี้ยวจิ๊ดตัวเจ็บ 
ที่กันน้ำฝนและเหน็บหนาวได้อย่างดี

เพราะ
ทำมาจากผ้าพลาสติกเนื้อหนา
ที่เย็บละเมียดมาจากเมืองนอก


เสื้อฝนแสนรักนี้
มีที่มาจากเพื่อนคนดี
ที่พลีชีวิตไปแต่งงานกับคนญี่ปุ่น
และ...
รักดารารายรู้จักดาราราย
มาตั้งแต่สมัยอยู่เมืองนอกด้วยกัน

คนที่...
บอกว่าเสื้อฝนตัวนี้นั้น
แสนเหมาะกับเธอเป็นที่สุด
ตรงที่
เธอคนดี คนนี้ ที่ชื่อดารารายไม่ชอบกางร่ม
ไม่ชอบใช้ร่ม 
เพราะกลัว..
ต้องมัวพะวงกับกระโปรง
จะเปิด..เปิ๊ดสก๊าดให้วาบหวามหวิวหวั่น
ให้ฝันหายให้อะร้าอร่ามงามแง่ ไปถึงไหนๆ

แบบภาพประวัติศาสตร์ของ
นางเอกหนัง มาริลีนมอนโรว์
ผู้แสนโชว์ความเซ๊กซี่..ที่หามีไม่แล้ว..


และ
เพราะมีหมวกแสนเท่
เก๋ตรงที่สาวไทยไม่นิยมใส่

เวลาเธอใส่ไปไหนๆในยามฝนตก
จึงมีแต่คนเหลียวมองแทบตกคลองคู
 คอยจ้องดูให้แน่ใจว่ามิใช่ตำรวจ
หรือช่างประปามาสำรวจดูอะไรข้างทาง



เธอ..ก้าวลงมาจากรถอย่างรวดเร็ว
เพราะ
กลัวพายุฝนที่กำลังกระหน่ำหนักขึ้นๆ
พาร่างในเสื้อฝนสีสดสว่าง
กระจ่างแจ่มไปทั่ว 
ลงมายืนให้ฝนหยดรั่วในร้านพราว
ในท่ามแขกน้อยคนที่เธอยังมิทันใส่ใจสังเกต



เด็กในร้าน...รีบเข้ามารับเสื้อไปแขวนให้
พร้อมกับ..
รีบยื่นผ้าเช็ดตัวผืนเล็กสีขาวให้.
อย่างว่องไวและมีน้ำใจไมตรี



เธอ..กล่าวคำขอโทษ
กับเรื่องน้ำฝนที่ทำให้พื้นร้านเปียก
หากทว่า...
 ด้วยรอยยิ้มไมตรี 

ใบหน้าที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี
ให้มีน้ำใจช่วยเหลือแขก...ของเด็กในร้าน...
ทำให้เธอรู้สึกดี
เธอ..จึงพลียิ้มหวานๆให้อย่างขอบคุณ


และ
นึกชื่นชม คุณสายชล
ที่ช่างอบรมพนักงานได้อย่างดี
และ
ยังมากมีสิ่งละอันพันละน้อยในหลายเรื่องราว
ที่เขาคนนี้ พลีฝากไว้
อย่างคำสอนใจที่แก้วกาแฟ

และ..
คือราวเรื่องแสนงามนิยามแสนดี
ที่เป็นนิมิตรหมายแห่งเชิงชั้นธุรกิจ
ที่ยังยอมอุทิศคืนประโยชน์กลับให้สังคมบ้าง



เธอ..สั่งกาแฟ รสประจำ แม้แพงแสน
เพราะคิดว่านานๆครั้ง
และ..
แสนคุ้มค่ากับบรรยากาศกับการบริการ
กับที่พักยามเดินทาง
ยามเมื่อยล้าเพื่อพาตัวเอง
ให้กลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
ของนักท่องเที่ยวทั่วไทย 
อย่างแสนน่าประทับใจ
อย่างไม่ต้องไปเสียงภัยภยันตราย



และ
ในคลองตาช่างงามแปลกดีจัง..
ยามเมื่อเธอแหงนเงย
เห็นต้นปีบ ใบระยิบ...

ที่กำลัง..
ปลิดปลิวลิ่วลอยควะคว้างพร่างพร้อยพวงดวงดอก
ค่อยๆร่วงพราวลงมา
ยังพื้นหญ้าริมชายคากระท่อมกาแฟ
ที่ยังสดฉ่ำ...
จากกระจกบานกว้างที่กางกั้น
กลิ่นกลีบกลางเกสร มิให้อวลหอมงามมาถึงนี่



ที่ที่เธอทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้สตูล..
ที่หมุนไปมาได้
และ..
อยากไปเคลียไคล้เชยชิด ไปหยิบมาเสียบแซมผม
ให้กมลกรุ่นละเมียดละมุน..


ดาราราย.. ค่อยๆคลี่ปอยผมเปีย
ที่มีหยาดน้ำฟ้าเคลียแก้มออก
ด้วยกลัวเปียกชื้น..จะเป็นหวัด

แล้ว..
ค่อยๆใช้ผ้าขนหนูสีขาว
คอยซับพราวหยดน้ำ ก่อนที่จะไม่สบาย
แล้ว...ปล่อยให้สยายรุ่ยร่ายรุงรังไปทางเบื้องหลัง



เธอ..
หันหลังหมุนตัวไปตามเก้าอี้..
และ..
นาทีนั้น..
พลัน...สายตาสะดุดหยุดลงที่ร่างๆหนึ่ง

สุภาพบุรุษ ผิวคร้ามแดด
 ในชุดกางเกงลำลองสีขี้ม้า เสื้อยืดสีขาว
ผมตัดเกรียนสั้น เผยให้เห็นต้นคอที่คล้ำแดด 


เขากำลังจ้องมองดูเธออย่างนิ่งงัน..
และ...!
อย่างช้าช้า
เธอเบือนหน้ากลับมา..ด้วยความรู้สึกแสนแปลก

*สบตากันชั่วแวบ*
หากราวมีกระแสพลัง..
เสมือนราวเคยอธิษฐานจิตภาวนามาแสนนาน
ให้ได้มาพานพบกัน

ให้ใจเธอดวงเหว่ว้า แปลบปลาบ
ราวมี  แสงไฟแวบไหลผ่านร่าง
ราวใจเธอจะวูบวับ อย่างมิอยู่กับเนื้อกับตัว



ดวงตา..สีสนิมเศร้า...แสนโศก 
ดูนิ่งงันเงียบงาม
ราวท้องทะเลสีอำพันแสนลึกล้ำ 
ที่ซ่อนบางสิ่งอยู่ณ..ภายใน
ยากเย็น หากฟ้ามิเป็นใจ ที่ผู้ใดจะหยั่งถึง 


เขายิ้ม..นิดนิด 
และ..ก้มศรีษะทายทักเธออย่างมีมารยาท
ตรงหน้ามีถ้วยกาแฟสีสวย
ควันหอมกรุ่นหมุนวงลอยคว้าง


และ...
ด้วยความฉลาด...พอที่จะรู้ว่า
เธอคนดี กำลังเขินอาย
กับผมอันเปียกลู่ดูรกร่ายรุงรังราวนางไม้
นางพรายตานี....
 
เขาจึงค่อยๆเบือนหน้ากลับไป
ไม่ยอมให้ผู้หญิงในชุดดำ
ที่เผยไหล่ล้ำให้เห็นผิวพรรณผ่องผุดดั่งหยาดน้ำผึ้งรวง
รู้สึกอึดอัด..



เธอ...พยายามรวบผมให้เข้าที่เข้าทาง
และ...
กับแสงเรื่อรางในร้านกับพรายฝนพรำ
ทำให้แก้มอิ่มนั้นเริ่มมีสีสันราวส้มสุก

เธอ..จิบกาแฟช้าช้า 
อย่างละเมียด..
ให้ความอุ่นลิ้น
กลิ่นหอมกาแฟค่อยๆซึมซาบ ปลุกให้มีพลังชีวิตชีวา
กับนาทีแห่งการรอ..รอ และรอฝนหยุด


เขา...คงไม่อยากให้บรรยากาศอึดอัด
กับการนั่งนิ่งเงียบ...
จึง...เริ่มบทสนทนาอย่างงดงามอ่อนโยน
น้ำเสียงที่แสนนุ่มนวลชวนฝันสำหรับสาวๆ
ในโลกปัจจุบันที่ช่างแสนหายากยิ่ง

ที่สุภาพบุรุษทุกวันนี้
มักลืม  ทิ้งกิริยาและการอบรมที่ดี
ไม่มีการเจรจาพาที
ด้วยความอบอุ่นเอ็นดูกับเพศแม่อีกเลยแล้ว



*ฝนคงตกนานนะครับ
ไม่ทราบว่าคุณจะต้องเดินทางไปอีกไกลไหม..
ผมกำลังจะไปอยุธยาครับ แต่ไม่อยากฝ่าพายุแรง

ตั้งใจจะไปที่วัดมเหยงค์ครับ
ผมสัญญากับหลวงพี่ไว้ว่าจะไปถวายร่มในพรรษาครับ..*



เธอ..
เลิกคิ้วประหลาดใจ..

*ค่ะ..เช่นกัน..ฉันก็จะไปอยุธยาค่ะ
ฝนแรงก็เลยหยุดพักก่อนค่ะ
กลัวต้นไม้กิ่งไม้ล้มลงมาด้วยค่ะ*

*ส่วนมากทุกวันหยุดวันว่าง
ฉันชอบขับรถเพลินๆมาตามเส้นทางสายข้าว
มาดูสายน้ำเจ้าพระยาและโบราณสถานค่ะ

ฉันผูกพันกับที่นี่ กับวัดวา ปรางค์ปราเจดีย์
มาทีไร ก็น้ำตาไหลทีนั้นค่ะ
ฝันเศร้าเลยละค่ะ
แต่ก็ยังเวียนวนมาบ่อย
ด้วยแรงรักมังคะ...*



เขา..ยิ้มเอ็นดูกับคำพูดเธอ
ผมชอบ..อยุธยาเหมือนกันครับ
หาเหตุผลไม่ได้ 
ราวกับว่ามีพลังเร้นลับคอยเรียกร้อง
สงสัยชีวิตผม...
คงต้องเคยเกิดมาเป็นคนโบราณผ่านภพแน่ๆเลย



และ..
ที่สำคัญคงเป็นชายเชื้อชาติทหาร
เพราะทั้งตระกูลผม 
พลีชีพรับใช้แผ่นดินมาแสนยาวนานมากแล้วครับ
สายเลือดไม่ทิ้งแถวแนวรบเลย*
ว่าแล้วเขาหัวเราะตลกกับคำตัวเอง...


*คุณ..รู้จัก..วัดมเหยงค์มั้ยละครับ
พิกุลงามมาก และมากมีพันธุ์ไม้เลยครับ

ผมชอบพิกุล
เพราะเป็นดวงดอกไม้โบราณและหวานหอมมาก
ผมเห็นพิกุลร่วงทีไร 
คิดนึกย้อนไปในหนหลังสมัยราชธานี
ยังสะพรั่งด้วยยอดเจดีย์ระดะทองเลยครับ



คิดถึงภาพนางในวัง 
ห่มสไบตาด..สไบทอง..คงงามมาก
และ..
คงงามมลังเมลือง
แค่มีสักนางเสียบแซม..แตะแต้มผมให้หอมพราวด้วย
ดาวดวงดอกพิกุลพราย ลายแฉกพราวพร้อยร้อยรัด นะครับ...*



เธอ..เริ่มทึ่ง พึงใจในบทสนทนา ที่แสนแปลกนี้
ผู้ชายอะไร ...
เธอพิศเธอคิด
 *ภายนอกดูแสนแข็งแรงและราวเงียบงัน 

หากทว่า...
ภายในจิตนั้นแสนไสวพร่าง
ด้วยความอ่อนหวานละมุนละม่อม
รู้คิดถึง..
ดวงดอกพะยอมหอมพลีไกล
แบบพิกุลไพรพิกุลแกมเกศแก้วกุดั่นดวง


ค่ะ..ฉันรู้จักมเหยงค์ดีค่ะ
ฉันเคยไปบวชชีพราหมณ์ที่นั่นค่ะ
และ..
แสนรู้สึกดีมาก..ประทับใจมาก
ฉันรักดอกพิกุลเช่นกันค่ะ
และ
รักต้นสาละที่ดอกหอมพราวเลยค่ะ
ริมชายคาสถานปฎิบัติธรรม
ที่เราไปสวดมนต์ทุกเช้าค่ำหน้าพระพุทธองค์ใหญ่ค่ะ
บรรยากาศสุขสงบมากค่ะ*


*และ...
ทุกเช้าและพลบค่ำ
ฉันจะนำพวงดอกไม้..มาลัย..บัวบูชา
ไปกราบกราน ณ..เบื้องหน้าพระประธานในโบสถ์คร่ำค่ะ
และ
เดินจงกรม ในนั้นลำพังอย่างเงียบงามค่ะ..*

*ฉันคงไม่จำเป็นต้องอธิบาย
ความงามสุดบรรยายที่นั่นดอกนะคะ
ว่างามมลังเมลืองอย่างไร
 ในท่ามกลางซากปรักหักพังร้างไร้*


โบสถ์..
ที่มีเพดานดาวพราวพรายระยิบในยามค่ำ
โบสถ์ที่มีเสาหินใหญ่มาก
และราวทายท้าพลังอำนาจแห่งความเร้นลับ
มานานนับเนื่องหลายร้อยปี*


โบสถ์ที่ทุกคราที่มีศึก
* พระนเรศวรมหาราช *
จะพาทหารมาสวดพระคาถาพาหุงพลีบูชา
เทพยดาฟ้าดิน
 และ
สักการะบูชาเซ่นสรวงแด่ดวงวิญญาณบรรพชน
ทหารทุกคนต้องมาดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ณ..ที่นี่
มาน้อมพลีเลือดเพื่อยอมหลั่งรินมิสิ้นสาย 
ยามต้องพรายพลัดพรากจากบ้านจากเมืองไปกรำศึก


ไปรำลึกถึงความดี
ความรักแผ่นดิน
ที่มิเคยสิ้นสายธารวีรกรรม
แห่งวิญญาณอันแสนกตัญญุตา 
ที่ยอมเทิดหล้า แลกเลือดเนื้อ
เพื่อพลีปกบ้านป้องเมือง
ไว้ให้มาถึงเราลูกหลานเหลนโหลนไทยในภายหน้า
ให้ได้แสนภาคภูมิ ปิติใจ และได้หยัดยืนอย่างทรนง
คงค่าคำว่าไท ไทย มาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ*



*ขอโทษ..นะคะฉันเล่าเสียยาวค่ะ
เพราะรักและผูกพันมากับผืนดินนี้ค่ะ
และ
ที่ฉันรู้สึกแสนดีคือนานๆที
จะพบเจอคน
ที่ราวมีดวงจิตวิญญาณราวผ่านภพมาด้วยกันค่ะ*



*คุณทราบมั้ยค่ะ
ในคืนค่ำวันราตรีมาฆดวง..ที่ผ่านมา..
คืนนั้นเป็นคืนในหอมห้วงแห่งดวงชีวิต
ที่จักสถิตแนบแน่นเป็นความทรงจำ
ไปกับดวงวิญญาญ์ฉันตราบวันตายค่ะ..*


คืนที่ฟ้าพรายพราวส่องแสงระยิบระยับ
จันทร์จรัสทอทองรัศมีทรงกลด
เหนือฟ้ามเหยงค์เหนือโบสถ์คร่ำ

ที่มีพระสงฆ์ใในจีวรเหลืองอร่าม
นั่งอยู่ในท่ามแสงเทียนทองทอพราว


ที่มีเรา  สี่แม่ชี..พลีจิต
กำลังอุทิศบทสวดมนต์อธิษฐานภาวนา
ด้วยเสียงหวานเศร้าสะเทือนหล้าก้องฟ้าอยุธยา
ราวพลีน้ำตาหลั่งริน
สังเวยมิสิ้นวิญญาณบุญบรรพชนคนหาญกล้า
ให้มาร่วมรับรู้ 
ทั้งหมู่ทวยเทพไท้ เทวดาและ
หมู่คนธรรพ์มากมี 


เราได้พร้อมพลีจิตสักการแล้ว...
ให้ใจดวงแก้วดวงทองของเรา
ได้หลุดพ้นพันธนากรรม
ราวบัวบูชา
ได้พ้นโคลนตมหล่มรัก

ได้หอมห่มธรรมมาน้อมนำพาชีวิตลอยล่อง
ท่องไปสู่แดนดินสุขาวดี 
และแดนที่ครองสุขว่าง ไปตราบชั่วนิจนิรันดร์ค่ะ*


เขา..นิ่งงันกับคำงาม
ในร่างผู้หญิง
ที่ดูแสนอ่อนหวานบอบบางอย่างคาดไม่ถึง
โลกหนอโลก..โชคหนอโชค..


แล้ว..
วันหนึ่งก็มาถึงจนได้
ให้หัวใจลูกผู้ชายชาติทหารอย่างเขา
แสนอ่อนไหวอ่อนหวานยามได้พบเธอ..
ผู้หญิงแปลกหน้า..


ที่ราวกับว่าได้รู้จักกันมาแสนนาน
และกับ
นาทีนี้ทั้งพาแปลกใจ
แปลกคิดแสนพิเศษพิสุทธิ์ 
จนเขาอยากจะหยุดโลกชะลอ
ให้นานนาที ไม่ให้คนดีพรากลาเร็วเกินไป...



คุณ..ครับ...
ผม..ดีใจนะที่ได้รู้จักและพบคุณ
ได้แลกเปลี่ยนทัศนะกัน
ผม...ฝันมานานแล้วที่จะได้พบใครสักคน
ที่มีดวงกมลคิดแบบเดียวกับผม

ผมคิดว่า..วันนี้นาทีนี้ ผมพบแล้วครับ


คนที่..
ผมรอคอยมาแสนนานราวชั่วกาลกัปป์กัลป์เลยทีเดียว
หากคุณไม่รังเกียจ..นี่ครับนามบัตรผม..

หวังเราจะเป็นมิ่งมิตรกันได้ยาวยืน
ในโลกโลกาภิวัฒน์นี้
ที่มากล้นไปด้วยกระแสแห่งความคลั่งวัตถุนิยม
หากแล้ว
หัวใจทุกคน
ก็มักพบแต่ความระทมตรอมตรมมิมีที่สิ้นสุด

เพราะ...
แท้จริงแล้วไซร้
ความสุขนั้น..อยู่ในนี้ครับที่จิตใสใจเราเอง...



ฝนหยุดตกแล้ว
สักพักเราคงต้องไปต่อ...
ผมจะขอโอกาสคุณรอพบคุณที่วัดนะครับ

เราถือโอกาสเป็นกัลยาณมิตรธรรม
ไปสวดมนต์ภาวนาอธิษฐานจิตน้อมนำ
ไปไหว้พระด้วยกันที่วัดไชยวัฒนารามก่อนก็ได้
ไปดูสายน้ำเจ้าพระยากัน

และ..
ผมจะพาคุณเดินผ่านลานลั่นทม 
ที่เชื่อว่าคงรอพบคนงามอย่างคุณอยู่เป็นแน่


แล้ว...
ไปถวายมาลัยบูชา
กราบพระพุทธที่โบสถ์คร่ำที่วัดมเหยงค์กันนะครับ
ไปรำลึกถึงความหลังแสนงามในยามค่ำของคุณ


ผม...จะคอยเคียงข้างเป็นเพื่อนคุณ
เป็นองครักษ์พิทักษ์คุณ
ให้คุณได้ใช้เวลา
กับ
จิตใสใจดั่งดวงดอกแก้วหอมกรุ่นของคุณนานๆณ..ที่นั่น


แล้ว..
เราจะรอดูพระจันทร์ดวงกลม
ที่ทรงกลดสดสีทอรัศมีดาวพรายพร่างพราว
ราวเพดานดาราราย 
คล้ายราตรีก่อนเก่า
ให้คุณได้รำลึกนึกย้อนรอย
คงงดงามมากนะครับ...



แล้ว
ผมจะขับรถไปส่งคุณให้ถึงที่พักแรม
อย่างมิให้เหลือบยุงริ้นไรไต่ตอมเลยละครับ
นี่คือคำสัญญาของมิ่งมิตรหน้าใหม่  
ของลูกผู้ชายชาติทหารครับ
หวังคุณจะรับคำและเมตตา...*



เธอ..ยิ้มขำในทุกคำพูด
ที่แสนดี ที่เขาพลีให้
อย่างแสนน่าภาคภูมิใจ
 ในน้ำใจ ในไมตรี ในงามดีงามใจ
ในระหว่างคนสองคน
 
ที่คือ การเริ่มต้นอันแสนงดงาม ในท่ามโลกแล้งไร้
สิ้นความศรัทธาไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน
มิยอมปันพลีเผื่อแผ่แด่ผู้ใด


*ค่ะ..ตกลง
นี่ค่ะเบอร์มือถือค่ะ หากหลงทางกัน
นะคะ..แล้วพบกันค่ะ 
ที่นัดหมายค่ะวัดไชยก่อนนะคะ*

ว่าแล้วเธอก็เดินนำหน้า..
พาร่างขึ้นรถเคลื่อนออกช้าๆ


ก่อนที่..
จำต้องหยุดรถอีกครา
เมื่อ..
 เขาคนดีมาโบกมือ..ขวางหน้ารถไว้ให้..ชะลอ
พร้อมกับ..
ที่เธอไขกระจก...และ...พบบางสิ่งในมือเขา



*ช่อดอกปีบแสนหอมพราว
รวมรัดร้อย*อยู่ในมืออันอบอุ่นแข็งแรงของเขา

ที่กำลังค่อยๆยื่นส่งให้อย่างช้าช้า
และ
ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน...




ตาสบตา..นิ่งนาน....!
ฟ้าและดินเป็นพยาน...
โลกหยุดหมุน......
ในท่ามหอมละมุนของดวงดอกปีบ
และ..
ในหอมห้วงแห่งสองดวงใจ...
รอพลีพร้อมเป็นหนึ่งเดียว..!!

..........................................






http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4258.html

ญ ...ดังมี สิ่งใดมาดลใจฉัน
ดังใจ โอ้เอยเฝ้าคอยเธอนั้น
นานแสนนาน ฮืม
จึงมาเจอกัน
คล้ายบางสิ่งผูกพัน
ร้อยใจเราร่วมกัน
ช ...ดังมี สิ่งใดมาดลใจฉัน
ดวงใจ โอ้เอย มีเพียงเธอนั้น
นับวัน ฮืมจนแรกเจอกัน
ใจฉันเพียงต้องการ แต่เธอตลอดมา
ช ...ฝากคำสัญญา ฝากวาจา
รักเธอไม่เสื่อมคลาย
ญ ...หมื่นพันสัญญา
ร้อยวาจา หนึ่งเดียวที่เข้าใจ
ช ...รอคอย ผ่านวันเนิ่นนานเพียงไหน
ญ ...คืนวัน ผ่านไปไม่มีความหมาย
พร้อม นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป

ช ...ฝากคำสัญญา ฝากวาจา
รักเธอไม่เสื่อมคลาย
ญ... หมื่นพันสัญญา
ร้อยวาจา หนึ่งเดียวที่เข้าใจ
ช ...รอคอย ผ่านวันเนิ่นนานเพียงไหน
ญ.... คืนวัน ผ่านไปไม่มีความหมาย

พร้อม... นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป
นับวันนี้เธออยู่ภายในใจ
และหวังเพียงได้ครอง
รักจนตราบนานตลอดไป.
				
14 กันยายน 2548 11:00 น.

ปลายปากกาปลายใจจุ่มน้ำผึ้งฝัน..พลีวันหวาน..

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4689.html
(ร้อยบุปผา)
..............



ปลายปากกาของขวัญจุ่มน้ำอมฤต
ใสสนิทน้ำพระธรรมย้ำให้จิบ
หยาดลงมาจากแดนฟ้าทิพยนิรมิต
ฝากว่างวิบวับแววดั่งแก้วดวง

ปลายปากกาของขวัญจุ่มน้ำผึ้ง
หยาดสายซึ้งสายเศร้าน้ำค้างสรวง
ฝากความจริงน้ำผึ้งพิษสถิตลวง
ฝากความห่วงให้หอมหยาดจากบึงใจ

ปลายปากกาของขวัญจุ่มน้ำค้างกลางกลีบเกสร
อรชรดวงดอกไม้ร่ายมนต์วาบหวามไหว
ให้รู้รักธรรมชาติป่าดงและพงไพร
ราวอัญมณีใจใสงามนิยามภักดิ์

ปลายปากกาของขวัญจุ่มหวังหวาน
ร้อยบุปผาบานแจ่มฝันวันแห่งรัก
รวมสายใยร้อยสายใจด้วยรักนัก
ในร่มรักพลีนักฝันพบวันงาม...

ปลายปากกาของขวัญรอวันจบ
แล้วก็ลบแล้วก็เลือนทุกวาบหวาม
พลีด้วยใจให้รักไพรรักธรรมในทุกยาม
และ...
ในนามแห่งรักจักจุ่มปลายปากกานี้..พลีเพื่อดี..เพื่อผองชน...!
...................






http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4689.html
(ร้อยบุปผา)
*********

อุษานี้ฝนตกนะคะ
ราวพรำพรมรินรดหวานฉ่ำชื่นใจ
ให้แมกไม้ไพรและ
แมกไม้กรุงบานไสวรับเย็นงาม
คลี่ดวงดอกละออละอองเกสรพร่าง   
อวลสายระรินรัก


ให้ทุกดวงกมลรัก
ในร่มรักเรือนไทยเรือนใจเรือนสามัคคี
ดั่งน้องพี่บนถนนสายฝันสายสวรรค์สายดอกไม้งาม

เอนหลังนอนฟังเสียงฝน
ดอมดมดวงดอกไม้สยายกลีบพร่าง
ให้ใจดวงงามดวงใสไสวหวาน
บานหอมธรรมชาติหอมความดี


ที่ใจดวงงามเงียบเฉียบเย็นฉ่ำใสเพียงนั้น
จะรับรินรสหมดจดใจได้

ให้สายพระพิรุณสอนใจ
จะให้น้ำใจรักให้น้ำใจใคร
ก็ให้เย็นใสค่ะ..ดั่งเฉกเช่นหยาดฝนพรำ
อย่าเป็นดังฝนกรดรดราดรินใจ
แก่กันและกันเลยนะคะ

เพราะว่า
เราคือ
เพื่อนผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นค่ะคนดี


จงระรินสายหวาน..บานดวงดอกเมตตาปรานีอภัย
ค่อยๆให้ค่อยค่อยประคองใจประคองรัก
ทิ้งอัตตาทิ้งตัวตนทิ้งความหลง

และทิ้งความเข้าใจไปตามความคิดตัวเอง
จงคิดว่าทุกผู้ที่เกิดมาล้วนมีกรรม
ล้วนต้องอบร่ำบ่มใจตัวด้วยตัวเองทั้งสิ้นทั้งนั้นค่ะ
และมาตรแม้นฝันไกล..
ใจก็รู้หยุดนิ่งรู้คิดเป็นเห็นงาม

หากเราควรเคารพสิทธิมิพาดพิงใจ
ไม่ล่วงล้ำก้ำเกินใครหากมิรู้ใจมิรู้จริง
รู้นิ่งรู้ให้รู้รำงับ
ดับด้วยดวงดอกความดี
ที่ควรค่อยๆพลี..หยาดเย็นให้
นะคะ
ทุกคนดี..ทุกดวงใจ..
และสำหรับ


พุดมีโลกไพร
โลกน้ำใจใสงามเงียบรอรับ
โลกแสนสุขอันสงบงาม
กับเรือนหลังเล็กของพุด
มีแต่น้ำใจใสเย็นค่ะ

ใครร้อนเข็ญ
มานอนเล่นนับดาวพร่างพราวนับพัน
ดูหวานจันทร์ดูหวานดาว
เฝ้าฟังดุเหว่าพร่ำหวานแว่ว
แผ่วแผ่วฟังบทเพลงขลุ่ยเพลงพิณระรินฝัน
ยามสายแสงจันทร์พ้อพลิ้วลอดทิวไผ่งาม

ดูบึงบัวพร่างกลางพรายจันทร์อันงาม
เรืองรองผ่องผุดสร้างพิสุทธิ์ในเงาใจเงาฝนเงาฝัน
พลันบรรเจิด
ราวสวรรค์ไพรสวรรค์ใจ.นะคะ
และสัมผัส

ทุ่งนาที่สาวนาหว่านกล้าดำไว้
ให้รวงเรียวไสวชูช่อรอทุกรักมาเกี่ยว
ด้วยเคียวรักรัดร้อย
วิถีไพรวิถีงามเดิมดิบติดดิน


ให้ได้สัมผัสวิถีชีวินงาม
ให้ธรรมชาติบ่มหอม
และหวานล้อมด้วยดวงดอกไม้
ให้มีพลังใจมีไฟฝันร่ายรจนามนตราเสน่หา

ให้
มองโลกนี้แสนสวยแสนงามแสนดีค่ะ
ด้วยดวงตาที่สาม
มาตรแม้นชีวีจะผ่านชื่นรื่นเรียวเศร้าดายเดียว
ด้วยนวลเนื้อใจละมุนละเมียดนะคะ
และ


จงเป็นน้ำใสดับร้อน
จงค่อยค่อยสอนค่อยค่อยสร้างทางงาม
อย่างตรงไปตรงมา
และมิล่วงล้ำพิพากษาชีวิตใคร

ตราบใดที่เรายังมิเคยได้สัมผัสเหตุผลและปัจจัย
ในชีวีชีวิตของเขาอย่างแจ่มแจ้งนะคะ
พุด..
เพียรสร้างเรือนภาวนา
หวังหมดทุกดวงชีวา

ได้พักพิงเอนอิงไหล่
เกื้อใจเกื้อขวัญฝันฝัน
ด้วยพลังจิตดี..
พลีพากันสร้างสมาธิ..สู่สติ..มีปัญญา
และพาพบฝั่งฝันนิรันดร์รักไปด้วยกัน
และ

ด้วยหวัง..ด้วยรักล้นใจ
ทุกน้องพี่เพื่อนรัก
มาพักเรือนน้อยกลางบึงของพุดนะคะ
เราจะพายเรือไปเด็ดดอกบัวมาถวายพระด้วยกัน

มาแบ่งฝันปันใจ
มาตั้งใจอธิษฐานจิต
มาลิขิตถ้อยหอมค่า
มาหาความงามเย็นใส
มาร่วมกันสร้างสรรดี



นะที่แห่งนี้..ร่มรักนิรันดร์
อย่างคนที่มีหัวใจราวดวงเดียวกัน
ดั่งบทเพลงร้อยบุปผา
ที่พุดฝากกระชิบมานะบัดนี้ค่ะ
ด้วยรักจริงใจล้นใจใสงามในทุกยามทุกคราค่ะ

**********
พุดหวังใจ
ให้อ่านคลอแกล้มเรื่องนี้นะคะ
*คืนเรือนรับขวัญค่ะ*

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem47468.html


ที่เคยฝากฝังรักฝากฝังใจดับร้อนให้งามเย็นร่ำระรินรัก
แด่ทุกดวงใจรักเรือนไทยเรือนใจเรือนในฝันชั่วนิจนิรันดรค่ะ






http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4689.html

ร้อยบุปผา   

สุนารี ราชสีมา : : Key F#m  

ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก
ร้อยสำนัก ประชันแข่งใจ
มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน
ร้อยดอกงาม เด่นตระการ
แย้มบานในดวง ใจ
ชู่ ช่อ ธรรม สง่า งาม ในนาม ศิลปิน

มาสร้าง งาน ศิลป์ ชุบชีวิน มนุษย์ชาติ
สะอาดสดสวย ด้วยบทเพลง แห่งสวรรค์
ให้มาลัย ฝากรัก มอบใจภักดิ์ ร่วมกัน
จุดไฟ ความฝัน พร่างพลัน ประกาย เพลิง

มาเถิด พี่น้อง ร่วม ร้อง เพลงเพื่อ
กลั่นจาก เลือด เนื้อ หยาดเหงื่อ เร่าร้อน
เราจะเร่ง แนวรบ ไม่สยบ อ้อนวอน
เริงระบำ รำฟ้อน ร้อยกรอง กวี กานต์

มาร่วม ใจรัก พร้อม พรักพลีชีวาตม์
ผงาด อาจ หาญ สร้างตำนานตระการฟ้า
แต่งเติม โลกศิลป์ ให้ผ่องพิณ โสภา
ด้วยวิญ ญานท้า ทรนงเทิดคง ธรรม

ร้อยบุปผา บานพร้อมพรัก
ร้อยสำนักประชันแข่งใจ
มวล ดอก ไม้ พร่างพรายมา พ้อง พาน
ร้อยดอกงาม เด่นตระการ
แย้มบานในดวง ใจ
ชู่ ช่อ ธรรม สง่างาม ในนาม ศิลปิน 





				
13 กันยายน 2548 19:05 น.

หอมกลิ่นปาริชาติ...

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song100.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html
(คำมั่นสัญญา)
......................



แสงสูรย์ก่ำดวงแดงด้วยแสงสีมณีฉาย
ส่องกระจายพรายพร่างในท่ามไม้ไทย

เรือนไทย..ริมโขงแบบลาวโซ่ง



หญิงสาว...
เรียวหน้าซูบ นวลนิ่ง...
นอนราวรูปสลัก

เธอหลับตา...ราวกับว่า..
ได้ตกอยู่ในหอมห้วงแห่งภวังค์ฝัน...

ฟัง...
เสียงสวนและดวงดอกไม้คุยกัน

*เธอมาที่นี่แล้วนะ ลีลาวดี*
มาถึง...ที่ที่เธอฝันมาแสนนาน..
*ราตรีริมชานเรือน กระซิบบอก*

*น่าเสียดายนะ ลำดวนดงหลงเพ้อคราง*
เขา..พรากไป...ไกลแสน....แสนไกล....
........



น้ำตาเธอไหล ย้อน ลงเข้าไปในห้องหัวใจ
อย่างช้าช้า
ทว่าราวได้ยินเสียงอบอุ่นละมุนปลอบมากับฟ้ากว้าง
....


*สไบ...นวล...

อย่า..ร้องไห้...

ข้ายังอยู่ใกล้ๆเจ้าเสมอมา... ดั่งคำมั่น..
อ้อมแขนข้า....กำลังตระกองประคองกอดร่างเจ้า

ที่กำลังหนาวเหน็บ..ในใจ

ข้ารู้..
คนที่ข้าฝากเจ้าไว้ในมือเขา
คนที่เจ้ารักปราถนาดี กำลังทำบางสิ่งที่
เชือดเฉือนนวลเนื้อใจเจ้าให้ร้าวลึก

ทำให้เจ้ารู้สึกปวดร้าวหนาวเยือกแสนสะเทือนใจ..*



*อย่าเสียใจ..สไบนวล
เจ้าทำดีที่สุดแล้ว
ใจดวงแก้วของเจ้ายังแสนงามนัก

หากแค่คำ..
เขาจักไม่อภัยไม่เข้าใจไม่ทะนุถนอมใจเจ้า
ที่คอยเฝ้าเป็นห่วงเป็นใย
ก็...
จงให้มันผ่านไป
อย่าเสียขวัญ... เสียใจ*


*ข้ารู้..ข้าเห็น
ไหนจะ
ฟ้าดินอินทร์พรหม ยมพญา ที่เป็นพยาน

เจ้าปิดทองหลังพระ
เจ้า..อย่าโศกาพิไรร่ำ
ร้องหาความรักความเข้าใจ
จากคนที่ไม่มีน้ำใจให้เจ้า
จงหัดเฉยรู้วาง ..พาตัวห่างออกมา
เพราะ..
มิฉะนั้น
ใจดวงงามของเจ้า
จะครองรานร้าวเศร้าหมองนานแสน...นาน
ไปตราบชั่วกาลกัป์ปกัลป์เลยทีเดียว*...



*เจ้า
ได้กลิ่นดวงดอกปาริชาติริมเรือนไหม
แม่สไบคนดี ... 

ลองดอมดมสิแม่ยอดเสน่หาแห่งข้า
แล้ว...
บางที...เจ้าอาจจะเห็นข้า..
รำลึกนึกถึงข้าได้

ราวในเรื่องกามนิตวาสิฎฐี
ย้อนรอยทวิภพ
ราวนิทราฝัน..ไป

ได้พบกับ*ลูกผู้ชายชาตินักรบ*
ผู้ที่รอพบเจ้ามาทุกภพชาติ..พิสวาทมิคลาดคลา

ยอมถวายแม้นจิตวิญญาญ์...
เพียงเพื่อ...รอรอและรอรักเจ้า*

ราวกับ....
*วันที่ดวงจิตกามนิตลาล่วง
ไปสู่ห้วงแห่งหอมงามในท่ามสวรรค์สรวง
ในท่ามสระปวงปทุมทิพย์..แดนดินแห่งสุขาวดี..*



*เจ้า..สไบคนดี
ข้ารู้...
จิตเจ้าดั่งมณีรุ้งใส..ไสวชัชวาลย์แจ่มกระจ่าง
ดั่งรัตนมณีแก้ววะแวววับ

ที่พร้อมแล้ว
ข้าจักพาเจ้าไปสัมผัส..มหัศจรรย์รัก..ปาฏิหารย์รอ
ที่เจ้าอาจจะเคยขอคิดแค่ว่า..คือความฝันอันแสนงาม
หากทว่า..
น้อยผู้นัก..จักมีบุญญาบารมี
มาท่องแดนสุขาวดีนี้ตั้งแต่ดวงชีวีมิทันดับดวง...!*


*ตามข้ามาสิ...!

แม่สไบยอดรัก
เจ้ายิ้มทายทักข้าแล้ว...
เจ้าเห็นข้าแล้วใช่ไหม...
ลูกผู้ชายในดวงใจเจ้า 
ผู้เฝ้าจงรักรอ..และรอ

แต่...!
ทำไมเจ้า....
จึงโผผวามาโอบกอดข้าราวทารกน้อย
พร้อม
หยาดน้ำเต็มนัยน์ตาเจ้าราวหยาดเพชร
เกร็ดแก้วร่วงพราว

ราวเหล่าดวงตาสุธาสินี กำลังหลั่งน้ำตา
ราวเกร็ดมณีร่วงรุ้งดุสิตาขจรกระจาย
ลงอาบหล้าล่ะ*แม่สไบนวลคนดี*..



อย่าร้องไห้...นะ..
แม้น...ข้าจักรับรู้ว่าเป็นน้ำตาแห่งปิติ
แต่...
เจ้ารู้ไหม ..!
หัวใจข้ากำลังจะสลาย.....!

ในชีวิตข้า ...
ไม่เคยเลย...
ที่จะทำให้เจ้าระรินหลั่งน้ำตาด้วยอาดูร..

มีเพียงวันที่ข้าสิ้นใจ...
ที่...
หยาดเลือดข้าไหลหลั่งท่วมปฐพี
แห่งแผ่นดินแม่มาตุภูมินี้
ที่ข้าแสนรักแสนหวงยิ่งกว่า
ดวงชีวิตข้าแลเจ้า
เพื่อพลีปกบ้านป้องเมือง
จนหยาดสุดท้าย....

เจ้าแอบร้องไห้ โดยไร้ร่างข้า..
มีเพียงวิญาณ์นี้ที่แสนหนาวเหน็บ

เมื่อมิอาจโอบประคองตระกองกอดปลอบประโลม
เจ้าไว้ในอ้อมแขน..
 และ...
พลีใช้มือที่กำดาบหยาบกร้านนี้ไล้ละมุน  เช็ดน้ำตาให้เจ้าได้...*



*จริงสินะ...
มีหลายคราที่ข้ารู้ว่าเจ้าพลีน้ำตาให้ข้า
แต่หาใช่แบบนี้ไม่ ...

เพราะ..
คือน้ำตา...ที่มาจากใจเจ้า 
ที่คละเคล้า
ด้วยความภาคภูมิปนปิติใจและแสนห่วงใย
ยามข้าต้องพรากลาไปเพื่อการศึก
หาก ทว่า...
มิใช่แบบมาจากผู้ใด ที่ทำร้ายใจเจ้า มิเฝ้ารู้รักรู้ถนอม

ทั้งๆที่เจ้า..ยอม..เจ็บ ยอมเหน็บหนาว
เพราะเพียงเจ้า..ปรารถนา
อยากรังสรรค์โลก
ผ่านคนที่โชคชะตาส่งมาให้พานพบเจ้า

หากเขาไม่ซึ้งค่าซึ้งน้ำใจ
ไม่รู้กระทั่งความเมตตาอภัยที่แท้จริง...*



*แม่สไบ...
เจ้าจำได้ไหม...
ที่เราสองเคยปองใจ...
เคยอ่านในเรื่องกามนิตวาสิฎฐี
ยามที่
เรานี้หวังจักได้พานพบจบพรากกัน

*ที่แดนดินสุขาวดีแห่งนี้...*
อย่างที่เราให้คำมั่นสัญญาแด่กัน
ในฉากฝันที่พลันบัดนี้มีจริง...*

แดนดินที่
ท่านเสฐียรโกเศศและท่านนาคะประทีปได้แปลไว้
อย่างงามงดแสนหมดจดใจ

มามะข้าจะเล่าให้ฟังนะยอดดวงใจ...

********************************






*กามนิตชายอาคันตุกะผู้จาริกแสวงบุณย์ดับจิต
แล้วไปตื่นขึ้น ณ สวรรค์สุขาวดี

อันว่าสุคติภูมิที่สำคัญยิ่งนัก 
คือมหาสระปทุมทิพยสถาน เป็นอุบัติภพสำหรับรองรับวิญญาณ
แห่งบรรดาสาธุชนผู้ประกอบกุศลจรรยา มีใจผ่องแผ้วสุจริต 
ให้ถือเอาซึ่งปฏิสนธิจิตเป็นอุปปาติกชาติย์โดยธรรมนิยม 
แล้วและเสวยสุขารมณ์เกษมศานต์โสมนัส 
เป็นศุภผลสนองกัลยาณสมบัติที่ประพฤติไว้ในไตรทวาร


จึ่งกามนิตผู้ตื่นขึ้น ณ สระมโหฬารรุจิราลัยนี้ 
บังเกิดมีสรีราพยพห่อหุ้มด้วยรัตกัมพลวิภูษิต 
มีเชิงชายระบายวิจิตรรุ่งเรืองระยับตา 
ห้อยย้อยเป็นระย้าระยาบอยู่รอบตัว
สีสดชื่นเฉกกลีบบัวบาน
และอ่อนละมุนเป็นอันดี 

ส่วนอาการวิธีมีผิดแผกจากครรภไศยกสัตว์ 
กล่าวคือ กำลังนั่งขัดสมาธิบัลลังก์อยู่บนดอกบัว
อันส่งสีรับกับผ้ากัมพลนั้น 
ชูก้านลอยเด่นเป็นสำคัญกลางสระใหญ่กว้างขวาง 


ก็และดอกบัวอย่างที่กามนิตสถิตนิสีทนาการ
ย่อมมีอยู่ไสวในสระไพศาลเหลือคณนา 
ทรงสีสัณฐานต่างกัน ตามเวลาช้าหรือเร็ว
ที่บังเกิดเพราะเป็นผลบุณย์อันประเสริฐแห่งกัลยาณชน 
ขึ้นไปอุบัติคอยท่าเจ้าของ


เมื่อถึงคราวบ้างแดง บ้างเขียว บ้างขาว 
ที่เพิ่งผลิแต่ยังตูมอยู่ก็มากมี ชนิดขยายกลีบเต็มที่แล้ว
เหมือนอย่างดอกซึ่งกามนิตนั่งอยู่ ก็นับไม่ถ้วน 
แต่ละดอกล้วนมีสุขุมสรีระทรงพัสตราภรณ์งดงามอร่ามตา 
ปรากฏอินทรีย์โผล่ออกมาจากกลีบบัวบาน


ณ พื้นชานตลิ่งอันลาดเอนขึ้นไป 
เป็นลานหญ้าผืนใหญ่ราบรื่นขจีเขียว 
ระดาดาษด้วยไม้ดอกบ้างกอบ้างชะลูดเรียวสารพัดพรรณ 
ชูช่อบุปผชาติเป็นชั้นๆ สลับสีสดชดช้อยอรชร 
เสมือนรัตนากรกองแก้วมณี 
บรรดาสีหลากประหลาดในมนุษย์โลกทั้งใหญ่น้อย
และมาลอยขึ้นไปรวมสลอน ณ ลานนั้นแลสล้าง 
แต่ทว่าความเข้มแข็งกระด้างแห่งดอกไม้
ดุจลักษณะที่มนุษย์รู้อยู่เดิมที มาเป็นของอ่อนละมุน


แม้นสำลีนุ่มนิ่มน่าสัมผัส 
ส่งกลิ่นอบอวลหวนหอมจัดยิ่งกว่าความหอมแห่งน้ำหอมวิเศษ 
ที่บรรจุไว้ในภาชนะแก้วเจียระไน 
และ
ทรงความหอมตามธรรมชาติดอกไม้อันสดชื่นบริบูรณ์ทุกประการ

ถัดชายตลิ่งปานว่านิรมิตไว้นี้ 
และมองแลขึ้นไปก็ทวีความเพลิดเพลินมิรู้เบื่อ 


มีป่าไม้เป็นขนัดไปทางเหนือสะพรึบพรั่ง
ด้วยพฤกษชาติดาษดา มียอดเยี่ยมฟ้า 
บ้างใบหน้าเป็นพุ่มใหญ่ บ้างสูงเรียว 
มีใบเขียวอย่างมรกตสดสะอาดเย็นนัยน์ตา 
บ้างแตกดอกออกช่อตามสาขาดูดั่งดวงมณี เชิดเด่นเป็นช่อๆ 
บางทีก็โน้มเข้ารวมกันเป็นกลุ่มใหญ่
 แล้วก็แหวกเป็นช่องเป็นแนวทางในกลางวนันดร 
แลเห็นโล่งโปร่งตลอดตอนไป
กระทั่งถึงภูเขาอันงามยวนตายวนใจเหลือพรรณนา 


กอปรด้วยแก้วมณีศิลาอ่อนขาวสะอาด 
มีพรรณไม้ต้นเตี้ยๆ ขึ้นเป็นพืด
เพียงว่าอากาศเป็นผืนผ้าม่านเนื้อบาง 
มีบุปผชาติเป็นดอกดวงปกคลุมอยู่ 
แต่ในที่ตอนหนึ่ง อันเว้นว่างจากสุมทุมพุ่มไม้
และหินผาปานว่าจะแหวกทางไว้ให้แก่กัน 

ที่ตอนนั้นคือแม่น้ำมีกระแสไหลเอื่อยๆ 
เป็นทางไป คล้ายแสงดาวเดียรดาษ
ในท้องฟ้าทอดลำลงไปสู่สระมหามณฑล


เบื้องบนแดนอันตระการ 
เป็นท้องฟ้าโค้งคล้ายครอบไว้ด้วยเพดานสีน้ำเงิน 
ซึ่งค่อยจัดเข้าเมื่อถึงตอนขอบฟ้า 
และ
ภายใต้ขอบฟ้าครอบนี้ 
มีก้อนเมฆสีขาวสะอาดเป็นเงินยวงก้อนน้อยๆ
 ห้อยย้อยเป็นกลุ่มๆ เกลื่อนคัคนัมพร 

แต่ละก้อนมีอัปสรทรงโฉมวิลาสสถิตเอนอิง
ขับสังคีตทิพยดนตรี เสียงไพเราะเสนาะมี่ 
หวานซ่านคะครึ้มไปทั่วแดนนั้น


อันบนท้องฟ้า หามีดวงสูรย์ส่องแสงไม่ 
อันที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องมี 
เพราะ
ที่ก้อนเมฆที่เทพอัปสร 
ที่ภูเขาและดอกไม้ ที่น้ำและสระบัว 
ที่พัสตราภรณ์ของผู้อยู่ในแดนนั้น
 ตลอดจนดวงหน้าเทพบุคคล 
ล้วนมีรัศมีฉายแสงสว่างรุ่งเรืองยิ่งกว่าแสงสูรย์ 


แต่ว่า..
ไม่บาดตาทั้งอากาศที่อบอุ่น 
ก็มีละอองน้ำอันหอมชื่นมาปรุงโปรย 
โชยให้สดชื่นรื่นเริงสำราญใจ
ซึ่งในมนุษยพิภพหาที่เปรียบไม่ได้


เมื่อกามนิตค่อยรู้สึกคุ้น
กับอารมณ์ในสุคติภูมิอันสง่างามนี้ 
สร่างความพิศวงงงงวยมีความรู้สึกเป็นปกติแล้ว 
มองดูเหล่าผู้อื่นอันมีลักษณะคล้ายกับตน 
ซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก็ในดอกบัวที่ลอยอยู่ 
ก็สังเกตเห็นว่าผู้ที่มีเครื่องนุ่งห่มแดงเป็นเทพบุตร 
ส่วนที่นุ่งห่มขาวเป็นเทพธิดา พวกที่นุ่งห่มสีน้ำเงินก็มีบ้าง 

แต่ว่าเป็นชายก็มีหญิงก็มาก 
ทิพยบุคคลเหล่านี้ล้วนอยู่ในวัยหนุ่มสาวทั้งนั้น และดูเป็นผู้มีใจดีทั่วไป


ผู้อยู่ใกล้กามนิตผู้หนึ่งสวมเครื่องสีน้ำเงิน 
มีกิริยาอาการแสดงว่าน่าจะปราศรัยเป็นมิตรกันได้ 
กามนิตก็เกิดความกระหายที่จะสนทนาด้วย 
จึ่งคิดว่า นี่เราควรจะไต่ถามผู้มีสุขคนนั้นดีหรือไม่หนอ? 
เพราะอยากจะรู้เหลือเกินว่าเวลานี้เราอยู่ที่ไหน

ทันใดนั้น กามนิต เกิดความประหลาดใจเป็นที่สุด 
เพราะมีคำตอบ ซึ่งไม่ปรากฏเสียงหรืออาการเคลื่อนไห
วแห่งริมฝีปากของผู้สวมเครื่องสีน้ำเงิน ว่า

ดูก่อนผู้นฤทุกข์ ท่านนั้นอยู่ในสวรรค์สุขาวดีแดนบรมสุข


กามนิต เผลอตัวนึกถามต่อไปว่า 
ดูก่อนท่านผู้ทรงบริสุทธิ์ยิ่ง
 เมื่อข้าพเจ้าลืมตาก็ได้เห็นท่านทันทีอยู่ในที่นี้แล้ว 
ท่านลืมตาตื่นในคราวเดียวกับข้าพเจ้า หรือว่าอยู่ที่นี่มานานแล้ว?

ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่มานานจนจำไม่ได้
 ถ้าไม่ได้เห็นดอกบัวบานและมีผู้เกิดมาใหม่อยู่เนืองๆ 
และถ้าไม่ได้กลิ่นหอมแห่งดอกปาริชาต 
ข้าพเจ้าก็คงเชื่อว่าได้มาอยู่นับเวลาเป็นอนันตกาลแล้ว


กลิ่นหอมอะไรนะ ที่ท่านกล่าว?

ท่านจะพบและทราบเองในไม่ช้า 
ปาริชาต เป็นต้นไม้น่าพิศวงยิ่งใหญ่ มีอยู่ในสวรรค์นี้

เสียงดนตรีทิพย์แห่งนางเทพอัปสร 
ซึ่งฟังเหมาะเจาะเข้ากับการสนทนา
ที่ปราศจากปากพูดนี้จริงๆ 

เป็นเสียงที่คอยผสานรับ
ไห้เข้ากับจังหวะสนทนาทุกประโยค 
กระทำให้การไต่ถามและตอบมีความหมายเข้าใจได้ลึกซึ้ง 
อันวาจาสามัญมิสามารถจะทำได้ 
เป็นเหตุให้กามนิตนึกสาวถึงความหลังได้เงาๆ
 แต่ก็ไม่สามารถจะระลึกได้ตลอดอยู่ที่ 


ได้หยุดนึกไปครู่หนึ่งแล้วก็นึกพูดว่า 
สิ่งที่น่าพิศวงยิ่งใหญ่คือสิ่งไหน? 
ข้าพเจ้าคิดว่าบรรดาสิ่งน่าพิศวงทั้งหมด
ซึ่งมีอยู่ที่นี่ 
อะไรน่าพิศวงที่สุดเท่ากระแสลำธารอันงามที่ไหลลงสู่สระของเรานี้

เทพบุตรเครื่องน้ำเงิน คงคาสวรรค์

กามนิต นึกพูดคล้อยตาม คล้ายความฝันว่า 
คงคาสวรรค์ แล้วเหมือนจะนึกถึงความหลังขึ้นได้ 
แต่แล้วเค้าเงื่อนก็กลับหายไปหมด 
นึกไม่ออก เสียงดนตรี
ทำให้ซาบซึ้งคล้ายๆ จะนึกได้ แต่แล้วก็เลือนๆ ไป*

................................................





สไบนวล..คนดีแม่ยอดชีวีแห่งข้า

*เจ้าเชื่อหรือยังล่ะว่า
แดนแห่งฝันนิรันดร์รักนิรันดร์สุข..มีจริง....

และ...
จงแน่แน่วเพียรตามรอยพระบาทพระบรมศาสดา
และ
จงอย่าหลงรอยทางธรรมทางทอง..
ทางที่สาดส่องประกายเจิดจรัสแผ่รัศมีไพศาล


ให้เพียง..ผู้เพียรพยายาม
รักษาศีล ฝึกสมาธิ 
ได้มีปัญญา
ได้ตามรอยมาอย่างมิเสียชาติเกิด
นะคนดี ...*

*ยอดดวงใจแห่งข้า
ถึงเวลาที่..
ข้าจำต้องลาจากเจ้าอีกคราคราวแล้วสินะแม่ยอดรัก*
ขอข้า..พลีจูบ..ซับหยาดน้ำตาเจ้านะแม่จอมใจ
และ..


*จำคำข้าไว้...นะแม่ยอดรักยอดดวงหฤทัย...

อย่าร้องไห้...
อย่าให้คำคนคำใคร
มาทำให้จิตใสเจ้าหมองไหม้
เจ้าตั้งใจใช้เวลาอธิษฐานภาวนานะ..


และ
อย่าลืม*รักของข้า...ที่แสนยิ่งใหญ่กว่าใดทั้งปวง*

*ที่หวงแสนหวงรักแสนรักเจ้าแน่นหนักนัก
และจักมั่นคงดั่งหินผาตราบชั่วฟ้าดิน..

เหนืออนันต์ค่าอนันต์กาลผ่านภพ
เหนือดวงวิญญาณใดใด
ทั้งในสามภพภูมินี้แล้ว...
นะเจ้าดวงแก้วเจ้าจอมใจแม่สไบนวล...*..!!!!!

..................................................





ลีลาวดีมณีรุ้ง
สไบนวลสไบนาง
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem62004.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem71714.html


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song480.html
คำมั่นสัญญา พิ้งค์ แพนเตอร์

ถึง ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร
ไม่ สิ้นสุด ความรัก สมัครสมาน
แม้ อยู่ใน ใต้หล้า สุธาธาร
ขอ พบพาน พิศวาส ไม่คลาดครา
แม้น เนื้อเย็น เป็นห้วง
มหรรณพ
พี่ ขอพบ ศรีสวัสดิ์ เป็นมัจฉา
แม้ เป็นบัว ตัวพี่ เป็นภุมรา
เชย ผกา โกสุม ปทุมทอง
แม้ เป็นถ้ำ อำไพ
ใคร่เป็นหงษ์
จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง
ขอ ติดตาม ทรามสงวน
นวลละออง
เป็น คู่ครอง พิศวาส ทุกชาติไป

แม้ เป็นถ้ำ อำไพ
ใคร่เป็นหงษ์
จะ ร่อนลง สิงสู่ เป็นคู่สอง
ขอ ติดตาม ทรามสงวน
นวลละออง
เป็น คู่ครอง พิศวาส
ทุกชาติไป...








				
12 กันยายน 2548 09:06 น.

สายน้ำปรารถนา..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song222.html
(ฉันรักเธอเสมอ หากตราบใดสายนทียังรี่ไหล)
............


เช้าวันที่...
ดวงดอกฝนพรมพรำไปทั้งท้องทะเล
ในกระท่อม..หอมดอกไม้ริมทะเลฝัน


ดวง..นอนนิ่งนิ่ง
ฟังเสียงสายฝนดนตรีวสันต์ดนตรีสวรรค์
กับ..
เสียงคลื่นฝันรัญจวนหวนไห้
คลอทรายซัดฝั่งพากันผสาน


เสียงที่ดวงได้ยิน
ราวบทเพลงโบราณ
มาหวานซึ้งในคำนึงมาคลอใจ..มาเคียงใจ..
............



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song346.html

เสียงกระซิบจากเกลียวคลื่น... 

เสียง คลื่น ซัด ฝั่ง
มัน คลุ้ม คลั่ง ฝัง รอย สวาท ใจ
มันซุก มันไซร้ มันซบทรวงทราย
แทรก ซึมไม่มีวันวาย
มันเคลิ้ม มันคลุก มันเคล้า มิคลาย
รสทรายรื่นรมย์
เสียง กระ ซิบ แผ่ว
ฟัง หวาน แว่ว พริ้ว ตามเกลียวคลื่น มา
เรารัก กันหนา มาหา มาชม
คลื่น คอยติดตามเกลียวลม
มาร้อย รอยรัก มาทัก คลื่นชม
ภิรมย์เพียงฝั่ง
ฟัง ซิคลื่น มันละ เมอ
ฝาก สวาท เหมือน เธอ ละเมอเพ้อให้ ฟัง
เห็น ใจฝั่งบ้างหรือ ยัง
ฝั่ง รัก จี รัง เหมือนคลื่น ยืนใจ
เสียง คลื่น ซัด ฝั่ง
กระ ซิบ สั่ง ฝัง รักตลอด ไป
มันซุบ มันซิบ กันชื่นใจ มันซบ มันหนุน จนอุ่นไอ
กระซิก กระซี้ กันเรื่อยไป
จะรัก กันไว้ ตลอด กาล
เสียง กระซิบ กระซิบ ตลอด กาล
กระซิบ ว่ารัก ตลอด กาล
กระซิบ ว่ารัก ตลอด กาล
กระซิบ ว่ารัก ตลอด กาล
กระซิบ ว่ารัก ตลอด กาล
เสียง กระซิบ กระซิบ ตลอด กาล
เสียง กระซิบ กระซิบ ตลอด กาล...



ดวง...
ปล่อยให้ในมโนใสว่าง

ให้งามหอม
ไปกับมวลพะยอมรายรอบเรือนไม้เรียบง่าย
ชิดชายชลชายทะเล  

ซบหน้ากับหมอนนวลนุ่ม 
ที่หอมกรุ่นด้วยกลิ่นลั่นทม
ดอกดวงแสนน่าอภิรมย์
ที่ปลิดปลิว...
ด้วยพายุฝนมาแอบเชยชมเคียงเขนยให้นิทราฝันดี

และ...
กับสายลมพัดพร่างอวลหวาน
ของพวงตระการดวงดอกกล้วยไม้ป่าริมเรือน...


ก่อนนอน
จอห์นนี่  คนดี..
ที่ดวงแสนรักและแอบหวังจักเป็นน้องเขย
ได้มานั่งคุยถึงปรัชญาใจ...

มาพักใจ จุดเทียนให้หอมไสว วะวิบวะวับแวม
แกมแสงดาวรำไร 
แกมไหวหวามแห่งบุหลันราตรี 
ที่แฝงตัวในม่านเมฆ
เสกสายแสนหวาน
หว่านหยาดน้ำผึ้งลงมาณบึ้งใจ ผู้ที่รักเดือนดาว..



และ....
เฝ้าแลชำเลืองหวังปันแบ่ง 
แม้นจะอยู่กันแสนไกลคนละซีกโลก

หากหวัง
ดับโศก..ดับคิดถึง..คะนึงหา..
เมื่อต่างตรึงใจพากันคิดว่า
ยังอยู่ ณ ใต้ฟ้าเดียวกัน จันทร์ดวงเดิม..

เพียงรอเพิ่มรัก   รอพบ...
จบ  ด้วยมิจำต้องพรายพลัดพราก
ต้องจำจากไกลกันอีกเลยแล้ว

..........




ใจดวง  ดวงสะออนและร่างเหนื่อยล้า
กับการปีนเนินผาไม่รู้สักกี่รอบ
และ...กับ
ความคิดมากมายที่ต้องใช้สมอง
กับ..
หลากเรื่องราวมากมาย
ที่มารุกเร้ากรายกล้ำ
หากดวงเพียงทำตามหน้าที่ให้ดีที่สุด

หน้าที่แห่งชีวาชีวิต
ที่สวรรค์ลิขิต
มาให้ต้องรับผิดชอบประกอบวิบากกรรมวิบากเกิด

ดวง..
ลุกขึ้นสวดมนต์อย่างช้าช้า
และนั่งสมาธิภาวนาสักพัก



ก่อนที่..จะ
เดินไปกับผู้พิทักษ์...เจ้าอารีเพื่อนยาก
ไปตาม...
หาดเวิ้งว้างที่แสนสงบงามไร้ร้างผู้คน

หนาวลมทะเล...
ระบัดพัดพลิ้วให้ปอยผมปลิวลิ่วลู่ไปเบื้องหลัง
มองเห็น....
ทะเลสีเงินงามราวท้องทะเลแห่งความฝันที่ไร้ผู้ใดมาเยือน



นั่น..เรือสีน้ำเงิน..กำลังลอยลำอย่างดายเดียว

คิดไป
ก็เหมือนดั่งชีวิต
ที่เปลี่ยวเหงา ของเราและทุกผู้คน
ที่ต้องจำผจญชะตาบนผืนโลกนี้
ที่เวียนว่ายในทะเลโลกย์ทะเลโศกทะเลน้ำตา

ที่ต้องทนฝ่าฟันพายุทุกข์ สุข 
เพียรบุกบั่นให้ไปถึงฝั่งฝันอย่างปลอดภัย

ฝั่งไหนก็สุดแล้ว *แต่ใจจะไขว่คว้า*




บ้างก็พาร่างจิตไปสนิทกับฝั่งแห่งสราญ

บ้างก็เพียรพยายาม 
ไปสู่ฝั่งแห่งความว่างนิรันดร์ สุขนิรันดร์

แม้นจะพายไม่ถึงฝั่งแลละลิบ 
ก็หาได้คิดหยุดพายไม่
เมื่อจิตดวงใสดวงงามมิยอมพ่าย

มิยอมให้ มิอยากให้..ต้องกลายกลับมา พายพาวนซ้ำ
ดั่งเรือกรรมเรือเก่า...
ในท่ามเงาน้ำแห่งกิเลส..ตัณหา..
อันแสนกว้างใหญ่ไพศาล 



ที่ในยามนี้..
ก็มากมีมากมายผู้คนที่สับสน
มิค้นพบทางออกทางจิต

พากันหลงชีวิต ลงไปตะเกียกตะกายลอยคอ
รอเวลา....รอ


ให้...
 พายุ..ฟ้าแลดินพิโรธ..! กวาดล้างให้สิ้นซาก 
ราวคำทำนาย ที่ว่า
สักวัน ไม่นานช้า
*น้ำจะท่วมฟ้าปลาจะกินดาว*

ผู้คนจะพากันหนาวเยือกไปทั่วทั้งพื้นพิภพ 
สยบกิเลสตัณหา
ที่ลากพาโลกให้ทุกข์โศก...
จนยากเยียวยาแก้ไข...จนจะสายเกินแล้ว



นาทีนี้...
ใจดวง...ที่แสนเดียวดายดายเดียวลำพัง
ในท่ามปลายโลกร้าง 
กับฟ้ากว้าง กับหาดทรายสุดตา
กับเวิ้งน้ำจรดฟ้า..
ทำได้เพียง...
ก้มหน้าสู้ชะตากรรม



มีเพียงหวังให้ใจดวงเหว่ว้า
ได้พลีรจนา..บทกวีให้จบ

ที่ชื่อว่า*ชลอโลก*

เป็นบทโศลกเทวษถวิลถึงดินฟ้า
ด้วย..
น้ำตาแห่งภักดีในฤดีตรม..

ให้สมกับความรู้สึกระทมทับ
ไปกับว่ายเวิ้งอนันตกาล
แห่ง 
*การเกิดดับของทุกข์ทุกสรรพสิ่ง...*



ให้ฟ้าดิน อินทร์ พรหม ยมพญา ...
ได้รับรู้ในอธิษฐานปาวารณา

ที่จะรอ ...
*สายน้ำแห่งปรารถนา*
พาไปสู่ฝั่งฝัน
อันคือนิรันดร์สุข...นิรันดร์รัก..ไปตราบชั่วกาล..!
***************




สายน้ำเอยสายน้ำปรารถนา
จากคงคาเนรัญชราสายน้ำใส
ทอดธารทองธารธรรมธารน้ำใจ
ธารนิพพานไสวสว่างพร่างสู่แดนพุทธภูมิ

ธารน้ำรักนิรันดร์ขวัญแห่งหล้า
ลบน้ำตาการอยโศกดับเศร้าสูญ
สิ้นทุกข์ผองครองเมืองธรรมเพิ่มพูน
ก่อนอสูรผีร้ายกลายกลับมา

*สายน้ำใจ*ไทยไทคือรอยยิ้ม
มิรู้สิ้นฝากไว้กำนัลหล้า
เป็นของขวัญพระเบื้องบนประทานมา
พร้อมคำว่ารู้รักสามัคคี

วัฒนธรรมประเพณีที่งามงด
ประเพณีหมดจดจากมือที่กร้านล้า
จากสมองของชนชั้นชื่อ*ชาวนา*
ภูมิปัญญามากมายกลายเป็นศิลปไทย

ทั้งผ้าทอผ้าทิพย์ราวนิรมิตจากแดนสรวง
ทั้งหอมห้วงงานมือถักจากใจใส
ราวดาวดวงประดับหล้างามฟ้าไทย
ด้วยธารใจธารธรรมพระแม่ฟ้า

หยาดเป็นสายพรายพรมห่มยากไร้
ให้ดวงใจสิ้นไร้ได้ฝากค่า
คืนค่าคนให้สมค่าที่เกิดมา
พบสายน้ำปรารถนาก่อนลาไกล

ใช้ชีวีเรียบง่ายรายรอบธรรมชาติ
มิพิลาสหวังไกลถึงไหนไหน
ปาริชาติแดนหิมพานต์งามกลางใจ
หากตราบใดชีพนี้มีธรรมครอง

มีบ่อบุญการุณย์รักมิรู้สิ้น
ณ..กลางจินต์กลางจิตดั่งแดนสรวง
บัวบูชาคือคืนค่าความดีสิ้นทั้งปวง
ให้ผองชนล้วนพบธารธรรมสุขนี้ที่นิรันดร์

เมขลาล่อแก้วอยู่บนฟ้า
รามสูรอ่อนล้าตำนานฝัน
อย่าสิ้นหวังตราบยังมีวสันต์พร่างทิวาวัน
ราตรีฝันยังมีจันทร์อันอำไพ

ถือเป็นโชคได้เกิดมาใต้ฟ้านี้
ฟ้าปรานีดินแดนทองผ่องไสว
เจ้าพระยายังล้นท้นถั่งมากน้ำใจ
มีพงไพรมีสัตว์ป่ารู้ค่าทัน

อย่าหวังไกลทำจิตใสด้วยรู้รักษ์
ชีพสั้นนักแค่ลมหายใจขวัญ
หายใจออกแล้วไม่เข้าก็เท่านั้น
ทำปัจจุบันรู้คุณค่าทุกนาที

แล้วพลังเกษมปิติจะพลันพร่าง
พบสว่างกระจ่างบุญงามวิถี
พบงามเงียบแสนว่างกลางจิตนี้
อย่ารอวันเดือนปีเพียรทำความดี
(ฝึกสมาธิมีปัญญารู้ค่าคำตายก่อนตายได้นิพพาน..!)

.............



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song222.html
ฉันรักเธอเสมอ ....ทิพย์วรรณ ปิ่นภิบาล 

หากตราบใด สายนที ยังรี่ไหล
สู่มหา ชลาลัย กระแสสินธุ์
เกลียวคลื่นยัง กระทบฝั่ง เป็นอาจินต์
เป็นนิจสิน ตราบนั้น ฉันรักเธอ
เช่นตะวัน นั้นยังคง ตรงต่อเวลา
แน่นอนนัก รักท้องฟ้า สม่ำเสมอ
เช่นกับฉัน มั่นคง ตรงต่อเธอ
ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ
ชั่วนิจนิรันดร์

เช่นตะวัน นั้นยังคง ตรงต่อเวลา
แน่นอนนัก รักท้องฟ้า สม่ำเสมอ
เช่นกับฉัน มั่นคง ตรงต่อเธอ
ฉันรักเธอเสมอ ฉันรักเธอเสมอ
ชั่วนิจนิรันดร์...

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด