26 มีนาคม 2550 12:20 น.

โศกรานในฤดี..มณี..ดวง..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song510.html
บทเพลงแผ่นดินของเรา


ก้มศิระกรานกราบพระพุทธโสธร
อธิษฐานขอพรพระมิ่งขวัญ
คู่บ้านคู่เมืองคนไทยมานานวัน
คือสวรรค์แห่งทิพย์นิรมิตจิตวิญญาณ

จงปกบ้านป้องเมืองอันเรืองรุ่ง
ใครหมายมุ่งทำลายมาล้างผลาญ
ให้มลายหายวับดับวิญญาณ
ให้ภัยพาลพินาศวิปลาสธุลี

ให้แผ่นดินร่มเย็นดั่งกาลก่อน
สัจจสงครามสอนไทยทุกถิ่นที่
รู้รักสมานฉันท์สามัคคี
รู้สร้างดีควรค่าคำว่าไท

ให้พระพ่อหลวงพลานามัยทรงแข็งแรง
ดั่งฉัตรแสงเพชรกล้าสว่างไสว
หยาดน้ำค้างพร่าง..หอมให้..จากห้วงพระหฤทัย
พรมทุกข์ดวงใจไทงามท่ามโลกแล้ง

ดั่งสายฝนจากสวรรค์ปันสู่หล้า
ทั่วทิศาเลิกแตกร้าวทุกข์ระแหง
ให้คิดดีคิดได้ถวายชีพพลีเลือดแดง
คือสีแสงแห่งรักชาติรักแผ่นดิน

หลอมรวมจิตวิญญาณอันหาญกล้า
ร่วมฟันฝ่าโพยภัยปราบให้สิ้น
ทุกเสี้ยนหนามหยามหมิ่นคุณผืนดิน
ให้มันสิ้นลาลับดับสู่นรกอเวจี..ชั่วกัป์ปกาล..!
............................



พุดพัดชา..
อยากเกิดมาเป็นนักรบ..เพื่อแผ่นดิน 

ที่ ณ..วันนี้ 
มี..อมนุษย์

ที่พสุธาไทพสุธาทองนี้
ให้ข้าวน้ำกิน
ให้ผืนดินได้หยัดยืนอย่างทรนง

ได้เติบใหญ่
มีลมหายใจ ..
มาคิดการร้ายหมายทำลายล้าง

ฆ่า..อย่างเหี้ยมโหดโฉดชั่ว
ไร้ความเมตตากรุณาใดใดด้วยหัวใจทมิฬมืดดำ

ฆ่าห้ำหั่น
กระทั่งพระสงฆ์องค์เจ้า
เด็ก ผู้หญิง ชีวิตผู้บริสุทธิ์
ผู้ไม่มีทางสู้อย่างอยุติธรรม


พุดพัดชาระรินร่ำหยาดน้ำตา
ด้วยความซาบซึ้งประทับใจ

ยามดูหนังสงคราม
สะท้อนความรักชาติสมัยก่อน
*พระนเรศวร* 
*พระเจ้าตากสิน*
ที่
ดวงจินต์แสนถวิลเทวษโศกสะเทือน

ที่ทุกดวงชีวียอมพลีจิตวิญญาณอันหาญกล้า

ใช้สนามรบ
หลั่งเลือดพลีเพื่อหมายปกบ้านป้องเมือง
อย่างลูกผู้ชายชาติทหาร
แล้ว..
ก็ได้แต่ก้มเศียรคารวะ
แด่ทุกวิญญาณบรรพชน
ผู้เกิดสมค่าคนที่รู้ค่าคำกตเวทิตา
ใช่..!
มีเพียงชีวิตในร่างที่จิตมืดดำ
ไม่รู้แม้กระทั่งบุญคุณแห่งแผ่นดินแม่
และ..
ขอให้พวกมัน 
ศัตรูหมู่ภัยพาล
จงพากันตาย
มลายหายไปสู่นรกหมกไหม้
ชดใช้กรรม..ตราบชั่วกัลปาวสาน..!
..............


และนี่คงเป็นครั้งแรก
จากความรู้สึกส่วนลึก
ของจิตวิญญาณนักอยากจะเขียน คนนี้
ที่...ณ..นาทีนี้
ขอใช้คำไม่ไสวใสสวยสักวัน
เพื่อเขียนเรื่องรจนารักชาติ

ที่ใครใครมักกระซิบกระซาบ
บอกว่า...
ปลายปากกาดั่งจุ่มด้วยหยาดน้ำผึ้ง.
หยาดน้ำอมฤต..
ที่วันนี้ขอเป็นน้ำผึ้งพิษ หวานผ่าซาก
ใช้ปลายปากกาแทนคมดาบ
เชือด..
หัวใจพวก*...ลอบกัด*ทาเกลือ..โยนให้กากิน

และ..
นี่คือการกระเทาะเปลือกใจ...
เปิดจิตวิญญาณดวงภายใน
ที่แสนวิปโยคโศกเศร้าสะเทือน

ร้าวราน.... ไปกับ..ภัยพาลของชนในชาติเดียวกัน

ที่นับวัน
จะสิ้นไร้ความรู้รักสมานฉันท์สามัคคี

จนบางที

อาจจะพบกับคำว่าสายเกิน..เมื่อ..สิ้นชาติ..!
............................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song510.html!
แผ่นดินของเรา สันติ ลุนเผ่ 

แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา ชาติไทย
ใกล้ไกล
ย่อมเป็น ของเรา ชาติไทย
เลือดไทยไหลโลม ลงดิน
ใครหมิ่น ศักดิ์ศรี คนไทย
ย่อมมีวัน สักวัน ให้ไทย
ล้างใจ อัปรีย์
แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา อยู่ดี
ที่ใด ย่อมเป็นของไทย อยู่ดี
หากเชือดเฉือนไป คราใด
ย่อมแสน หวั่นไหว ชีวี
ปฐพี แหลมทอง ช่วยกัน
คุ้มครองป้องกัน

แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา อยู่ดี
ที่ใด ย่อมเป็นของไทย อยู่ดี
หากเชือดเฉือนไป คราใด
ย่อมแสน หวั่นไหว ชีวี
ปฐพี แหลมทอง ช่วยกัน
คุ้มครองป้องกัน
สัก วันต้องคืนกลับมา
มั่นใจ เถิดหนา
ขอพลี ชีวารักษาชาติไทย
ชาติไทยคู่ฟ้า
เลือดทา แผ่นดิน... 
 



aishwarya_rai_3.jpg
จากเสี้ยวนึง
ในเรื่องรักชาติแผ่นดิน..ของพุดพัดชา
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem62004.html!

สไบนวลสไบนาง!



.............................
........................................
.............................................
ผู้ชายคนเดิมคนดีผิวสีทองแดง..กำลังเอนอิงในอ้อมตัก
ในห้องหับเรือนไทย
ที่ได้กลิ่นเกสรดอกไม้หอมเศร้า
เคล้าอวลมากับสายลมบางเบา..


เขาช้อนสายตาแห่งรัก
ราวพิมพ์พักตร์ผุดผ่องนวลเนื้อทอง
ที่ค่อยๆประคองหน้าลูบไล้อย่างแผ่วเบาอ่อนหวาน
น้ำตานัยน์เรียวตาเศร้าราน
ค่อยๆระรินหยดบนอกอุ่นแข็งแรง


เขาใช้มือสากไล้โลมเรียวแก้มหอมน้อมโน้มหน้านวล
ประคองจูบประทับรับขวัญซับหยาดน้ำตา


เสียงเขาราวลอยมาจากฟ้าแสนไกล
ปลอบประโลมใจหนักแน่น
นุ่มนวลอ่อนหวานอ่อนโยน..

*คนดีอย่าร้องไห้..
ข้าจำพรากไปพลีหยาดเลือดรัก
ทำหน้าที่ยิ่งใหญ่เพื่อผืนดิน
ให้เลือดละหลั่งรินจนหยาดสุดท้ายฝากไว้ทาแผ่นดิน*



ให้ลูกหลานไทยและโลกรู้ว่า
*กรุงศรีอยุธยาจะมิมีวันสิ้นคนดี*
ข้าขอพลีคำมั่นสัญญา
เอาหยาดเลือดชะโลมหล้าชะโลมดิน*ไม่รักตัวกลัวตาย*

*ให้รู้ว่า
ลูกผู้ชายชาติไทยหัวใจไท
หัวใจนั้นดั่งเหล็กกล้า
ให้ไอ้พวกข้าศึก..ได้สำนึกว่า..มันอย่าได้มาหยาม..
และ
ให้มันหลั่งน้ำตารดเท้าสังเวยข้า..ที่มันบังอาจ..นัก!*


*นวล..เจ้าเอย..
เจ้าผู้พิสุทธิ์ผ่องแผ้ว
จงถนอมแก้วถนอมขวัญถนอมใจ
รอวันที่ข้ากลับมา

กลักทองที่เจ้ามอบให้ข้านั้น..*



*ให้เจ้าจงรู้ว่า
คือที่รวมขวัญพลี
ที่รวมจิตวิญญาณข้ามิให้พรากไกล

ถึงร่างเราจำไกล 
แต่หัวใจเราสองดวงนั้น..
ได้พลีคำมั่นสัญญา
ยอมร่วงลงสู่ปวงพื้นพสุธาพร้อมกันแล้วมิใช่ดอกละหรือ.*


*และจะยึดถือคำสัตย์มั่นมิปันแยก
จะกี่ภพกี่ชาติ
ให้พิสวาสดั่งคู่บุญญา 

จะตามติดเป็นพุทธมามกะ
ขออธิษฐานจิต
สถิตทอดคู่กันตลอดไปชั่วกัลปาวสานต์นะนวล*


*เจ้า..ชวนข้าไปจุดเทียนมงคลบนบานในโบสถ์คร่ำ*

เจ้ารู้ไหมยามนั้น
ข้าเห็นเจ้างามตามแสงเทียนทองทอ

งามใดไหนเล่าเจ้าเอย
จะงามเท่าจิตไสว
ที่พร่างสว่างสงบอยู่ภายในกายเจ้านะแม่สไบนวล*


และ
*ข้าแสนรัญจวนใจ
เมื่อยามคิดว่าร่างเจ้านั้นงามเสียยิ่งกว่านางใดในปฐพีนี้*

ที่ข้าจะขอพลีเสน่หามิเสื่อมคลาย


*ใกล้สว่างแล้ว..ดุเหว่าแว่วเรไรร้อง
ไหนเจ้าบอก
จะเก็บดอกไม้หอมหอมมาให้ข้าห่อไว้ชายสไบ
ให้ข้านำติดตัวไปอย่างไรเล่า*


แต่
*ถึงไม่มีไม้หอม
กลิ่นนวลก็ราวพยอมหอมอวลในอกในใจข้าเสมอมา*


*จำเอาไว้นะนวล..
กลักทอง
คือกล่องเก็บนิรันดร์รักแห่งเรานะเจ้ายอดดวงใจ*
และ
*ยามสุดท้ายแห่งลมหายใจข้า
สไบนางของเจ้าผืนนี้
จะคู่ร่างคู่ชีวีคู่จิตวิญญาณข้าไปในทุกหน*


*ข้าจะใช้มันซับหยาดเลือดและน้ำตา.
ที่ข้าจะพลีจนหยาดสุดท้ายเพื่อปกบ้านป้องเมือง
.ที่ข้าจะไม่มีวันเสียดายเสียใจ*


หากทุกหยดเลือดนั้นจะหยาดรินแม้สิ้นสาย
เพื่อเกียรติภูมิแห่งผืนดิน
พื้นพสุธานี้ที่ข้าแสนรักเสียยิ่งนักแล้ว*


*ข้าขอสัญญานะนวล

เจ้าจงอย่าได้กำสรวลหวนไห้หาข้า
อย่าเหว่ว้าดายเดียว
หากดวงชีวิตข้าถูกปลิดปลงลงสังเวยมาตุภูมิแม่*


*ข้าผู้ไม่แพ้
จะรอเจ้า.บนฟากฟ้า
รอเวลาเราสองได้ครองคู่กัน
จะนานสักกี่กัป์ปกัลป์ข้าก็จะรอเจ้านะนวล*



ให้เจ้า..นวลละออจงไปวัดเพียรภาวนา
และอธิษฐานจิตทุกเวลา


*และเจ้ารู้..
ข้าจะสถิตทอดทุกที่
ในผืนดินนี้เพื่อปกป้องคุ้มครองเจ้า
............................
.......................................
.................................


http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_60930.php
สไบนาง    แสนย์  

เจียนหมากพลูสู่พี่ชายรออ้ายกลับ
ตั้งตำรับเตรียมข้าวปลากระยาหาร
มะลิน้อยลอยบนขันไว้ประทาน
หลังเสร็จงานออกศึกอ้ายจักคืน

.....................................

..ท้องฟ้าเหนือกรุงศรีอยุธยา..ยามนี้ดูมืดมิด ราวกับพายุลูกใหญ่กำลังจะพัดผ่านมาเยือน
เสียงกลองศึก ดังกระหึ่ม...สัญญาณ...เตรียมออกศึกเริ่มขึ้นแล้ว
อีกไม่นาน..เลือดจักหลั่งไหลนองอาบพื้นธราดล..สองเผ่าชนจักห้ำหั่น
ฝ่ายหนึ่ง...เพื่อครอบครองผืนแผ่นดิน
ฝ่ายหนึ่ง....ปกป้องแผ่นดินเกิดแลแผ่นดินตาย

สดับเสียงพละพลแล..กลองศึก
คะนองคึกตีฝ่าข้ามไพรศรี
หมายห้ำหั่นดัสกรหมู่ไพรี
ป้องกรุงศรี..แผ่นดิน..ถิ่นเรือนตาย

กำดาบสู้ใจหวนอยู่คู่นุชนาฏ
อ้ายนิราศใครจักป้องจากเหตุร้าย
แต่ดนัยมีศักดิ์แห่งชาติชาย
มิอาจหมายหนีทัพกลับมาแล

พลันยินเสียงอัสนีฟาดกึกก้อง
สะเทือนร้อง ดวงหทัย ใฝ่หาแม่
สังหรณ์เหตุอาเพศร้ายในดวงแด
เกรงนวลแขถูกลอบกล้ำช้ำเรือนกาย

ยามพะวงดาบหนึ่งถึงอุระ
ใจเจ็บแปลบคล้ายจะแหลกสลาย
สิ้นเรี่ยวแรงแห่งกำลังประคองกาย
เฮือกสุดท้ายน้ำเนตรหลั่งพลั่งสู่ดิน

ผะแผ่วปราณ..มานชิดเจ้าจอมใจ
เพียงสไบแนบทรวงก่อนลมสิ้น
ยกขึ้นดอมยังหอมหวนอวลระริน
ซับน้ำตาจิตโบยบินไปซบนวล

ร่ายโศลกโศกแจ้งแถลงเอื้อน
ชะตาเฟือนเลือนลบภพกำสรวล
สิ้นแล้วหรือวาสนากับเนื้อนวล
ไม่ทันหวน..ก็เลยลับ...ไป่กลับเรือน

ฤา...จุดจบของนักรบ..มิแผกกัน...  



http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_60693.php
กลักทอง แสนย์ 

ยามรุ่ง..ก่อนเสียกรุงศรีอโยธยา

เปิดกลักทองรอง ผ้าตาด นาฏมอบให้
กรุ่นละไมกรรณิการ์ มณฑาหอม
อ้าย..ยังจำวันรับกลักจากหัตถ์พะยอม
สร้อยถนอมบรรจงวางตรงกลางกร

ให้โหยหวนครวญหา..คราอดีต

แว่วจำเรียงเสียงไพเราะเสนาะกรรณ
ถ้อยจำนวรรจ์ฝากความจากสมร
สื่อลำนำเสน่หาก่อนอ้ายจร
ให้ภาดรเก็บไว้แทนใจนาง

สอดกลักน้อยกลอยใจไว้ใต้เกศ
ข่มเทวษโทมนัสก่อนสะสาง
ทวงหนี้เลือดเชือดพม่าแด่นวลนาง
อ้ายจักใช้เลือดมันล้างปฐพี

ก้มกำดาบอาบมนต์ไพรีพินาศ
ยามแกว่งวาดอริราชจุ่งถอยหนี
คม แกร่ง แข็งดั่ง วิเชียรมณี
ใช้สับร่างไพรีให้แหลกราญ

ท่ามพสุธ..อยุธยาธราภพ
เลือดนักรบจักหลั่งลงอย่างกล้าหาญ
จวบร่างแหลกกายดับลับวิญญาณ
อยู่บำราบอริมารผลาญแผ่นดิน

สิ้นแสงอรุโณทัย...เพลิงเผาไหม้ศรีเทพนคร..บัดนั้นอโยธเยศก็สิ้นลง...

กลักทองต้องพื้นพสุธา
พร้อมวิญญาชาตินักรบก็จบสิ้น
ชลนาหยาดสุดท้ายต้องแผ่นดิน
ไฟชีวินมอดมลาย..สลายลง......

..............


				
25 มีนาคม 2550 09:46 น.

ขวัญหล้า....เทวานฤมิต...!

พุด

manisha_koirala_15.jpg
สายวสันต์หลงฤดู..
กำลังพร่างพรมไปทั่วทั้งผืนน้ำทะเลสีเงินงาม
จนดูราวดวงดอกไม้เล็กๆกำลังบานพราวตระการตา
ระยิบระยับ..
งดงามจับตาจับใจ..



ฟ้า..สีเทาหม่นคลี่คลุมไปทุกทิศทาง
ให้เกิดความรู้สึกแสนอ้างว้างใจเสมือนตกอยู่ใน
*ทะเลแห่งความฝัน*

ทะเลอันแสนกว้างใหญ่ไพศาล
ที่..ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะได้พบผืนแผ่นดิน..รอ....

เรือเฟอรี่กำลังบ่ายหน้าไปสู่ฝั่งฝันพะงันงาม
อยู่ในท่ามม่านหมอก..
ค่อยๆแทรกลำไปในผืนน้ำที่แลลึกล้ำเงียบสงบ
หากร้างไร้เหว่ว้าเดียวดาย
เมื่อหมายมองไปไม่มีสิ่งใดนอกจาก
*น้ำจรดฟ้า*



คลื่นขาวนวลกำลังม้วนตัวปะทะ
พร้อมกับเกิดพรายฟองแตกกระจาย..รายรอบ

ตรงท้ายเรือ...
หญิงชายคู่หนึ่งกำลังยืนซึมซึ้ง
ทอดตานิ่งงันดูทะเลฝันในม่านฝน..ละออง

เขาโอบตระกองกอดเธอไว้อย่างแสนรักแสนภักดี
ราวสุภาพบุรุษที่พร้อมพลีไหล่กว้างแลอกอุ่น
ให้เธอพักพิงอิงแอบไปตราบชั่วนิจนิรันดร..


ใกล้ถึงชายฝั่งเข้าไปทุกขณะ
แลเห็นผืนน้ำที่กำลังแปรสี เป็นอ่อนจาง

นั่น..
นางนวลสีขาวกำลังถลาร่อนว่อนบินโฉบเหยื่อไปมา

โน่น...
ใกล้เส้นตัดขอบฟ้าเรือประมงของพรานทะเลลำน้อย
กำลังลอยลำทอดแห..ห่างฝั่ง..แลไกลละลิบ...
แล..
นั่น...ประภาคาร แสนสงบงาม
ที่ยืนยามรอทุกชีวิตให้คืนหลังกลับบ้าน 
ฤา..
ต้อนรับอาคันตุกะผู้มาจากแดนไกล
ทุกถิ่นที่ มาสู่แดนสุขาวดีบนดิน

สวรรค์วิมานหล้า 
*มนตราแห่งเกาะมหัศจรรย์..มนต์รักทะเลใต้..*


ให้..
ได้พบกับฝันดี..
ให้ได้ระรื่นรมณีย์
ไปกับช่วงชีวีที่ช่างแสนสุขสงบสว่างกระจ่างใส

ไปกับทุกสรรพสิ่งที่ธรรมชาติให้มา

*ดินน้ำฟ้าลมไฟ*
ที่พอเหมาะพอดีเพื่อเพิ่มสุนทรีย์อภิรมย์
ให้สมกับที่..
ได้ดั้นด้นฝ่าฟันทะเลโลกย์ทะเลโศกทะเลใจมา..
แล...
ให้สุขสมปรารถนาทุกถ้วนหน้ากัน...
ให้..
ทุกชีวัน
ได้เติมใจไฟฝันเพื่อกลับไปสรรสร้างผลงานพลี
แด่...
แผ่นดินแม่..แห่งเรานี้
แลผองชน...คนบนผืนดินเดียวกัน..
................



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song5535.html
ทะเลใจ

แม้ชีวิตได้ผ่านเลยวัยแห่งความฝัน
วันที่ผ่านมา ไร้จุดหมาย
ฉันเรียนรู้เพื่ออยู่ เพียงตัว และจิตใจ
เป็นมิตรแท้ที่ดี ต่อกัน

เหมือนชีวิตผันผ่าน คืนวันอันเปลี่ยวเหงา
ตัวเป็นของเรา ใจของใคร
มีชีวิตเพื่อสู้ คืน วันอันโหดร้าย
คืนนี้ตัวกับใจ ไม่ตรงกัน
คืน นั้น คืน ไหน ใจแพ้ตัว
คืนและวันอัน น่า กลัว ตัวแพ้ใจ
ท่ามกลางแสงสี ศิวิไลซ์
อาจหลงทางไปไม่ยาก เย็น
คืน นั้น คืน ไหน ใจเพ้อฝัน
คืนและวันฝันไป ไกลลิบโลก
ดังนกน้อย ลิ่วล่องลอย แรงลมโบก
พออับโชค ตกลงกลาง ทะเลใจ

ทุกชีวิตดิ้นรน ค้นหาแต่จุดหมาย
ใจในร่างกาย กลับไม่เจอ
ทุกข์ที่เกิดซ้ำ เพราะใจนำพร่ำเพ้อ
หาหัวใจให้เจอ ก็เป็นสุข

คืน นั้น คืน ไหน ใจแพ้ตัว
คืนและวัน อัน น่า กลัว ตัวแพ้ใจ
ท่ามกลางแสงสี ศิวิไลซ์
อาจหลงทางไปไม่ยาก เย็น
คืน นั้น คืน ไหน ใจเพ้อฝัน
คืนและวันฝันไป ไกลลับโลก
ดังนกน้อย ลิ่วล่องลอย แรงลมโบก
พออับโชค ตกลงกลาง ทะเลใจ

แม้ชีวิตได้ผ่าน เลยวัยแห่งความฝัน
วันที่ผ่านมา ไร้จุดหมาย
ฉันเรียนรู้เพื่ออยู่ เพียง ตัวและจิตใจ
เป็นมิตรแท้ที่ดี ต่อกัน
ฉันเรียนรู้เพื่ออยู่ เพียง ตัวและจิตใจ
เป็นมิตรแท้ที่ดี ตลอดกาล... 
...................




และ....ณ..นานี้
ท่ามฟ้ากระจ่างแจ่ม...
แตะแต้มด้วยมวลเมฆนวลนุ่มบางเบาราวขนนก

เขา..กับเธอ..
ค่อยๆขับ*เจ้าพยัคฆา*คันเก่งกล้าแกร่ง*
ไต่ระดับถนน..ขึ้นสู่ภูผา...

ที่ตั้งแห่ง...
*วิมานวนา*
*วิมานลอย*คอยภักดิ์

ลัดเลาะเลียบขนานไปตามลาดเนินผาหิน เหว
ท่ามเปลวแดดระยิบ..ระยับ
ทอจับน้ำทะเลสีมรกตเบื้องล่างพร่างพริบวิบวับ
กลายเป็นทะเลสีเงิน...งามจับตาจับใจ...เสียเหลือเกิน


สองข้างทาง....
คือ..
บ้านเรือนที่ยังคงมีเอกลักษณ์
เรือนไทยสไตล์ปักษ์ใต้ 
ที่มี..
กระเบื้องว่าวเป็นหลังคาลอน
มี..อรชรลายลูกไม้ฉลุรายรอบชายคา
อย่างอ่อนหวานอ่อนช้อย..
..................



เขา..
จอด*เจ้าพยัคฆาไว้..เบื้องล่าง
ก่อนที่จะค่อยๆชวนกันพาร่างป่ายปีนขึ้นไปเยือนแย้ม

*วิมานลอย สวรรค์หล้า*..ที่ฟ้าประทานให้มา

และ...
ไม่นานช้าในคลองตาของคนทั้งคู่
ที่..
กำลังพิงไหล่โอบตระกอง
พากันหันหน้าหน้าออกทอดทัศนาชมทัศนียภาพ
อันราว*ภาพวาด ภาพแห่งความฝัน*



ในท่ามทิวาวัน..
ที่ท้องนภา..ฟ้างามเข้ม..เต็มผืน....

กำลัง..
กระจ่าง...สว่างไสว

แลลงไป..
คือยอดเนินไล่ลดหลั่น..ละลิบ
เคลียทิวทิพย์เมฆ
ทอยทอด
โอบกอดทะเลไว้อย่างแสนรักใคร่

ให้เขาและเธอ
หันมาคลี่ยิ้ม..หวานหวาน
อย่าง..แสนอบอุ่นอ่อนโยนแก่กันและกัน
ใน..
ฝันพลี..ฝันดีนั้นอย่างแสนสุขเกษมเปรมปรีย์

แล้ว....
พลัน..
จูบดื่มด่ำ..ล้ำลึกก็ตามมา...

ราวสวรรค์ลอยเลื่อนอยู่ตรงหน้า ณ..กลางใจ......!

............................



aishwarya_rai_3.jpg				
24 มีนาคม 2550 09:54 น.

สายโลหิต...ลิขิตฟ้า..โศกสะเทือน....!

พุด


http://www.salathaila.com/kasailohid.html
สายโลหิต         

ข้าคือชายชาญ ชาติทหาร วิญญาณ แห่งนักรบไทย 
ศึกนี้ หรือศึกไหน หัวใจไม่เคยหวั่นเกรง
และความรักข้า ก็คือดวงใจ เจ้าดวงนี้เอง 
ใครหาญ มาข่มเหงข้าเอง จะหยุดมัน
ออกศึกข้านึกแต่รบ และรบจบศึกข้านึกแต่รักเจ้าเท่านั้น 
หากรอดชีวิตกลับมาหากัน
หวังให้เจ้านั้นดูแลหัวใจ ชีพพลีนี้เพื่อ แผ่นดิน ชีวา ต้องมามลาย
ยังขอ ปกป้องไว้ ด้วยสาย โลหิตของเรา
 
ออกศึกข้านึกแต่รบ และรบ จบศึกข้านึกแต่รักเจ้าเท่านั้น 
หากรอดชีวิตกลับมาหากัน
หวังให้เจ้านั้นดูแลหัวใจ ชีพพลีนี้เพื่อ แผ่นดิน ชีวา ต้องมามลาย
ยังขอ ปกป้องไว้ ด้วยสาย โลหิตของเรา.



คืนนี้....
จันทร์เสี้ยวเกรียวทองกำลังลอยคว้างทอดวง
กลางนภาที่ดารารายเรียงดวง..ดาระดาด
ต่างพากันกระพริบพราวพร่าง
ให้ฟ้า..
ดูราวกับว่าจะถูกอาบห่มด้วยประกายแสงเพชรวะวิบวับ

ริมรั้ว...กล้วยกอออกเครืองาม
ห้อยหวีไหวลูกดก..
นาน...นับเดือน
กว่าเจ้าของจะได้ลองลิ้มชิมรส
สุกงอมหวานหอม 

นาน...จนรู้ซึ้ง
ถึงสัจจธรรมสอนใจจากธรรมชาติกล้วยกอ
ให้บทเรียนธรรมดา..ธรรมดา..ชีวิต..


ทุกลิขิตจากเพลงพรหม..ชะตา
จำต้องผ่านการเพาะบ่มพัฒนา
จากกาลเวลา ไม่ว่าเรื่องราวร้ายดี
ที่มากมีมากมายมาทายท้าทดสอบ 
ความอดทนกล้าหาญอภัยเมตตากรุณา

ให้ทุกลีลาชีวิตแห่งเรา ได้ก้าวพ้นผ่าน ผ่านพ้น
ไปสู่ฝั่งฝันแห่งนิรันดร์เกษม ที่แสนกระจ่าง
สว่างสะอาดสงบ สยบทุกข์กิเลสโลกย์โศกสุข
ด้วยความปล่อยวาง..เปล่าดาย
มิหมายยึดมั่นถือมั่น ต่อสิ่งใด

เหลือเพียงความว่างเปล่าด้วยความเข้าใจ
แม้นจะไม่มีใคร สักคนเคียง ...ก็ตามที




หลับตา....
 ในม่านตาซึมซึ้งคะนึงเห็น..ภาพ*พระยาตาก*
ทอดตาเศร้าสะเทือน...
ยืนอยู่ที่ชานเรือนไทยริมน้ำ

มองเรือ..
ที่..กำลังพายพาเมียแลลูกสุดที่รักยิ่งกว่ายอดดวงหฤทัย
ให้ค่อยๆพรากลาจำจากไกล...จำตัดใจ..
ไปกับสายน้ำแห่งรักนิรันดร์..เจ้าพระยา...
ในวันที่..
ฟ้าแห่งกรุงศรี..แสนเศร้าหมองครองวิปโยค
ทุกธุลีหล้า
ด้วยภัยสงครามจากอริราชศัตรูพม่ามารานรุก...
บุกประชิด..ให้ไททุกชีวิตได้ถวาย
*สายโลหิต*ทุกหยาดหยดเพื่อปกบ้านป้องเมือง..



อันเคยเรืองรองไสว
ด้วยเรียวรวงข้าวกล้าสุกปลั่งในผืนนา
ราวกับอาบทาไปทั้งแผ่นดินด้วยทองคำ

ด้วยแสงสงฆ์ภายใต้ร่มธรรม
ร่มฉัตรอันแสนร่มเย็นเป็นสุขมาช้านาน

จนได้นามขนานว่า
คือ..
*แดนดินแห่งสุวรรณภูมิพุทธิ์ *พิสุทธิ์พราย

แผ่นดินแม่...

แผ่นดินที่...ให้ข้าวให้น้ำอุดม
ให้..
ลูกหลาน ทุกไททรนงยังคงได้หยัดยืนอย่างอิสรา
หากยังรู้ค่าคำความสมานฉันท์สามัคคี...



ราตรีนี้..
น้ำตา..ดวงจึงกำลังไหลพราย...
แข่งเป็นสายพราวพร่างพอกับน้ำตาดาว..

ด้วย..
ช่างหนาวเหน็บในดวงใจ

ดายเดียว
ไปกับ..หลายเรื่องราว...โศกสะเทือน..!

...................



bipasha_basu_5.jpg				
22 มีนาคม 2550 11:08 น.

วิมานลอย..คอยภักดิ์..

พุด

V263245.jpg
http://www.salathaila.com/kacykabtale.html
ทรายกับทะเล

แด่*นวลนุชนัยนา*


อรุณรุ่งแล้ว..

เสียงดุเหว่าแว่วมากับฟ้าในยามสาง

ขอบฟ้า...
เริ่มเรื่อรางด้วยรัศมีจากสายแสงตะวัน
อันอุ่นเอื้อโอบตระกองทั้งผืนหล้าแลป่าไพร

ขับสายหมอกสายไหมในยามเช้า
ที่กำลังเคลียเคล้าห่มภูผา..ผืนนา..ทุกธุลีหล้า
ให้..
สลายลา...ไปกับเรียวแดดละอออ่อน...


เธอ..ลืมตาอย่างช้าช้า..
ราวถูกปลุกด้วยพรายแสงจากตะวันดวงสีทอง
ที่ทอดไล้เข้ามาโลมร่างอย่างอ่อนหวานอ่อนโยน..
ให้รอรับอุษาวดีแห่งทิวาวัน..

ดวงตาดำใหญ่นิ่งงัน..เมื่อพลันเห็น..ดวงดอกลั่นทมพราวพร่าง
กำลังฟ้อนอ้อนอวดกิ่งอรชรอยู่ไหวไหว
ไปกับสายลมระรินในยามเช้า...
ไปกับฟ้าที่พราวด้วยมวลเมฆนวลนุ่ม..ลอยล่อง...


พาให้เรียวตาซึมซึ้ง..อึ้งอั้นด้วยหยาดน้ำตา
ที่มาคลอครองด้วยความรู้สึกแสนดี..แสนดื่มด่ำ

เธอ..เอื้อมมือเปิดบทเพลงแห่งรักนิรันดร์
ให้กล่อมฝันกล่อมใจเพื่อรับวันใหม่ที่ช่างสดใสแสนงาม


ค่อยๆพาร่างอรชรออกยืนอ้อนอิง
ณ..ริมระเบียงเชิงผา..
เพื่อ..
รับพลังจากฟ้าจากสายแสงสุริยา..อาทิตย์อุทัย
ที่จักหมุนวนมาใหม่ให้ทุกชีวีได้เริ่มต้น

แล..ลงไปเบื้องล่าง 
คือท้องทะเลสีเงินยวงกระจ่าง..สว่างสงบงาม

นกนางนวลสีขาว
กำลังถลากางปีกบินโฉบเหยื่อเหนือผืนน้ำจรดฟ้า

หมู่ปลากำลังกระโดดผึง ผึ่งเกล็ดสีเงินวะวาววับ..
สะท้อนแสงแดดวะวิบระยิบยับ...


เรือ..ประมงกำลังคืนฝั่ง 
หลัง..
*พรานทะเล*..พากัน
ไปลอยล่องท่องทำภาระกิจ เพื่อปากท้อง...

แลเห็น..
ฟองคลื่นสีขาวพราวนวลแตะแต้มไปทั่วผืนน้ำสีมรกต
ช่างแสนงดงาม ตรึงตรา ประทับใจ...


หัวใจดวงงามของเธอ คนดี..

กำลังติดปีกอิสรา

พาจิตวิญญาณ ลอยละลิ่ว..

ปลิวขึ้น...เหนือ..*วิมานลอย*แล้ว..ณ..นาที..นั้น..!

..................



http://www.salathaila.com/kacykabtale.html

ทรายกับทะเล..นันทิดา แก้วบัวสาย

ดนตรี 4 Bars..2..3..4.  

จะเหนื่อยเพียงไหน จะทุกข์เพียงใดโปรดรู้ 
ตรงนี้ยังมีฉันอยู่ พร้อมจะดูแลหัวใจ 
หากมรสุม จะทำเธอเหน็บหนาวใจ 
พายุจะแรงแค่ไหน จะคอยอยู่ข้างเคียงเธอ 

หากมีวันไหน ที่เธอไปไกลจากฉัน 
ในหัวใจไม่เคยหวั่น และจะคอยเธอย้อนมา 
ก็ใจมันรู้ คลื่นลมจะคอยพัดพา 
คอยซัดทะเลเข้าหา หาดทรายแห่งนี้ดังเดิม 

คือผืนทราย ที่โอบทะเลไว้ 
จะวันใด มั่นคงเหมือนดังที่เป็น 
อยู่เคียงข้างเธอ ใจไม่ไหวเอน 
และยังคงชัดเจน อย่างนั้น 
หาดทรายยังสวย รายล้อมทะเลด้วยรัก 
คงไว้ด้วยใจแน่นหนัก ไม่หวั่นยามพายุผ่าน 
จะมีเพียงฉัน และเธอตราบนานเท่านาน 
มีรักในใจผสาน ดั่งทรายอยู่คู่ทะเล 

ดนตรี 16 Bars..14..15..16..  

คือผืนทราย ที่โอบทะเลไว้ 
จะวันใด มั่นคงเหมือนดังที่เป็น 
อยู่เคียงข้างเธอ ใจไม่ไหวเอน 
และยังคงชัดเจน อย่างนั้น 

หาดทรายยังสวย รายล้อมทะเลด้วยรัก 
คงไว้ด้วยใจแน่นหนัก ไม่หวั่นยามพายุผ่าน 
จะมีเพียงฉัน และเธอตราบนานเท่านาน 
มีรักในใจผสาน ดั่งทรายอยู่คู่ทะเล 

(จะมีเพียงฉัน และเธอตราบนานเท่านาน) 
มีรักในใจผสาน ดั่งทรายอยู่คู่ทะเล. 



V263409.jpg				
21 มีนาคม 2550 19:20 น.

กันและกัน...!

พุด

V236486.jpg
การะเวกกำลังบานอย่างหวานหอม
ดอมดมดอมหอมหอมอวลนวลใจนี้
ลั่นทมปลิดปลิวลิ่วลอยคว้างร้างฤดี
จำปีจำพรากจากต้นรัก

โมกดอกนวลหอมอวลให้นึกถึง
จากมือหนึ่งมอบให้ด้วยใจภักดิ์
ดอกนิดน้อยแทนรัดร้อยแทนแน่นหนัก
แทนความรักผ่านคืนฝันวันของเรา

มากทรงจำล้ำค่าตราไว้ในดวงจิต
สร้อยลิขิตฝากน้ำคำลบเลือนเหงา
มีกันและกันลืมโลกแล้งไร้ตราบนานเนา
สัญญาเรารักมั่น...นิรันดร...
.................



หอมกลิ่นการะเวกมาในยามฟ้าโพล้เพล้
จากซุ้มเรือน
ที่..
ดวงดอกดกมากมายกำลังกำจายขจร

เลือก..
เด็ดมาดอมดอมดอม
หอมหอมนวล...
หอมนอน
ในยามค่ำคืนนี้..ให้รัญจวนอาลัย


หวังโลกในดวงใจ บ้านภายในคงงามใสสงบเย็น

คิดถึง เอย แสนคิดถึง ทุกโมงยามในคะนึง
ที่ใครคนหนึ่งเคยฝากตรึงใจให้ตราจำ
มือแข็งแรงอบอุ่นรู้กอบกำทะนุถนอมดวงดอกโมก
มามอบให้อย่างแสนรัก....

และอะไรเล่า
จะหอมหวานเท่าความพลีภักดิ์
ที่เพียรบอกด้วยการกระทำมานานเนิ่นเกินนับนึก



มากมายคุณงามความดี 
ที่จิตมากมีเมตตากรุณาเสียสละ

ให้... และ...ให้ ให้ ให้....
ทั้งน้ำคำน้ำใจ
ดั่ง..
หยาดน้ำฝนน้ำค้างไพร
มิให้คืนฝันวันแรม สิ้นไร้...

ฝ่าฟันทุกข์อุปสรรคมิหวั่นไหว

ก่อให้เกิดความรู้สึกแสนยิ่งใหญ่ล้ำค่า

ค่อยๆเพาะบ่มพัฒนา

กลายเป็น..

ปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์รอ...

อันหวัง...

จัก..ตราจำไว้ในดวงจิต..ตราบชั่วกาล......!

................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3387.html
หนทางสู่รัก ..แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ 

แม้หัวใจยังใฝ่สุขสม
อย่าระทม ถึงรักจะไม่ แลเหลียว
รักมอบไป เพียงข้างเดียว
ถึงไร้เสี้ยว รักตอบแทน อันใด
ใคร หากทำได้เช่นนี้
ดุจสวรรค์นั้นบ่งชี้ ทางยิ่งใหญ่
ทุกแห่งหน จรดลอย่างสดใส
เพราะจิตใจกว้างไกล
ใหญ่เหลือ เส้นทาง
แต่รักในใจ ใครจะแลเห็น
ทุกข์ยากลำเค็ญ
ก็ไม่แปรเปลี่ยน เจือจาง
รักลอยไปใจอ้างว้าง
อย่าหลงทาง สร้างความหวัง นำไป
ใคร ที่ใจหักเห
เพราะทุ่มเท ให้รักไป จนล้นใจ
คาดคะเน ผิดพลาดไป
ผลจึงครองหมองใหม้
ไป่ชั่วนิจนิรันดร์
เมื่อฉันรักเธอ เธอก็รักฉัน
เราบอกรักกัน ไม่มีวันจืดจาง
แล้วเราไย ต้องเหินห่าง
ปล่อยฉันหลงทาง เสาะหารัก หลายปี
ฉัน ต้องหม่นหมาง
หาหนทาง คืนกลับสู่รัก ไม่พบสักที
โปรดเถิดรัก โปรดบ่งชี้
หนทางที่ ครองชีพนี้ รื่นรมย์
โปรดเถิดรัก โปรดบ่งชี้
หนทางที่ ครองชีพนี้ รื่นรมย์... 
 


V263445_RCH22.jpg				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด