7 กรกฎาคม 2552 11:46 น.

พรรษาทองผ่องพราย...ทั้งแผ่นดิน...!

พุด

1241633559-Watperm-Ayuthya-052.jpgattachment.php?attachmentid=103839&stc=1Picture%20g.jpgcharkarn4.jpgcharkarn17.jpg
วันพรรษาสีทองผ่องแสงสงฆ์
หอมกมลสู่แดนฝันนิรันดร์เกษม
พุทธชนดั่งบัวบานแสนอิ่มเอม
ปลื้มเปรมปิติใจฟังธรรม

ตักบาตรถวายเทียนทองส่องนำทาง
ให้สว่างสงบสยบทุกข์ระรินร่ำ
อธิษฐานภาวนาเฝ้าน้อมนำ
เพียรพรมพรำด้วยหยาดน้ำทิพย์อมฤตมนต์

ทุกคืนค่ำย้ำจิตห่างทางสายโศก
ทางสายโลกย์ด้วยจิตดวงกุศล
กราบพระปฏิมาด้วยมาลัยมงคล
ละตัวตนวางว่างกระจ่างใจ

พลีเมตตาปรารถนาดีทุกชีวิต
พรหมลิขิตร่วมชะตาจากใจใส
บนแผ่นดินเดียวกันนะดวงใจ
ใต้ร่มไทไสวรัตน์ฉัตรจักรี...

เป็นบุญวาสนาแล้วเจ้าแก้วขวัญ
ดั่งสวรรค์พสุธาตราบชีพนี้
พบชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รู้ภักดี
รู้กตเวทิตาตราบฟ้าดิน...ตราบสิ้นใจ..

................................................

fuji071.jpg
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song420.html
(รางวัลชีวิต)

อาสาฬหบูชาน้อมดวงใจให้ใสเย็น...

พอบุหลันพรางพรายขึ้นฉายฟ้า
ดวงดาราหมื่นนั้นก็พลันหาย
เหลือเพียงแสงรัชนีกรพรรณราย
อาบโพยมเรียงรายคล้ายวิมาน

จุดเทียนทองส่องทางว่างวิเวก
ปลั่งเปลวเอกยอดเทียนเพียรอธิษฐาน
อาสาฬหบูชามาเวียนวาร
นมัสการพระพุทธพิสุทธิ์ใจ

หริ่งเรไรระงมชมแสงโสม
กล่อมบรรโลมน้ำค้างระวางไหว
เสียงสวดมนตร์แว่วดังกังวานไพร
จากโบสถ์คร่ำคร่าวัยในเวียงนั้น

แสงเทียนทองส่องวับจับดวงหน้า
ใต้ราวโบสถ์ปรางปราราวอาถรรพ์
ประภัสพุทธผ้าสงฆ์องค์วงศ์วรรณ
รายรอบหลั่นวิหารป่าพนาลัย

ขออัญเชิญเสียงมนตร์สู่บนพรหม
วโรดมลานธรรมสว่างไสว
พลีดวงจิตบูชาพระรัตนไตร
ณ วันโสมอาบไพรใต้อัมพร
................




พระจันทร์ วันอาสาฬหบูชาบานเต็มดวง 
เหลืองทอง สุกปลั่ง 
ค่อยๆลอยเรี่ยทายทักฟ้างาม 
ในยามค่ำ อย่างอ่อนโยน นุ่มนวล..... 

แสงจันทร์งามละออ หวานปานสายน้ำผึ้ง 
ราวจะหยาดลงมาประโลมใจทุกๆคนบนผืนโลก 
ให้เยือกเย็น งดงาม หวานฉ่ำพอกันกับจันทรเจ้า.... 


แสงเทียน ในมือ เสียงธรรม 
ก้องสองหู จากเสียงสวดของพระสงฆ์...
ขณะ ก้าวเดินอย่างช้าๆ.... ไปรอบโบสถ์งาม..... 
ตามกันไป ในเส้นทาง 
ของพระพุทธองค์ ผู้ทรงนำทาง ก่อนหน้า 
พาใจให้บานเบิก 
ราวบัวชูช่อรอรับ แสง อรุณรุ่ง...
แห่งชีวิตนี้ที่ค่อยๆสว่างไสว...
ไปกับตะวันเปล่งแสงเจิดจ้า 
จนกว่ายามสนธยา จะมาเยือน....และ 
จนกว่าแสงแห่งชีวีนี้ 
ที่จะเลือนหาย ไปกับสายลม ในยามค่ำ 


กลิ่นพิกุล หอมเศร้า
เคล้าแสงเทียน วับแวม 
พิกุลร่วงพรูพราว รอคนรู้ค่า
นำมาร้อยเป็นมาลัยหอมงาม ไว้ดอมดมชมชื่นใจ 

ประเพณีไทย ประเพณีงาม 
ในยามค่ำนี้ 
วันแสนดีของพุทธศาสนิกชน 
วันเพ็ญเดือนแปด
ที่มีปรากฏการณ์สำคัญ ๆ
ในวันนี้มีถึง 4 ประการ ด้วยกันคือ 

1. เป็นวันแรกที่พระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนา 
2. เป็นวันแรกที่พระพุทธองค์ทรงได้ปฐมสาวก 
3. เป็นวันแรกที่พระสงฆ์เกิดขึ้นในโลก 
4. เป็นวันแรกที่บังเกิดรัตนะครบสาม 
เป็นพระรัตนตรัย 
คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ 


เช้า..ตักบาตร ฟังธรรม 
น้อมนำใจ ให้ใสเย็น 
ตั้งจิตอธิษฐาน กราบกราน 
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 
ให้ได้พบแสงธรรมนำทางทุกๆชาติไป 
ถ้ายังไม่หลุดพ้น ต้องเวียนวนมาเกิดชดใช้กรรม 


ค่ำ..เวียนเทียน 
นำดอกไม้ ธูปเทียน 
เป็นมาลัยแทนใจ 
แทนความดี ที่ศรัทธา น้อมบูชา 
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า..
ผู้นำทาง สว่างไสว มาสู่ใจนี้ ที่ยังไม่มืดบอด.. 
อธิษฐานเพิ่ม เติมต่อ 
ขอให้สุขภาพดี มีคนดี 
ที่มีใจรักมั่นคง มาเคียงครอง คุ้มผองภัย 
หวังสิ่งใด ก็ขอให้สมหวัง ถ้าเป็นสิ่งดี ที่คิดปอง 


กลับบ้าน 
มานอนดูพระจันทร์ 
ด้วยฝันเห่กล่อม 
ในอ้อมแขนของดาวเดือนเพื่อนผู้รู้ใจ ให้ไม่ว้าเหว่....
นอนฟังเสียงลม เสียงจิ้งหรีดเรไร..ในความงามเงียบ 
แกล้มกลิ่นหวานเศร้า หอมร่ำรวยริน กลิ่นดอกลั่นทม 


จันทร์ดวงงาม ใจดวงดี 
ไม่มีอะไรสุขเท่า 
ขอเพียงคิดเป็น 
ให้ธรรมชาติร่มเย็น หยิบยื่น 
ขุมทรัพย์ล้ำค่ามาสู่สายใจ 
ในทุกวันเวลา ถ้าเพียงรู้คำว่า..เปิดใจ.. 


ฝากสายลมยามค่ำ ไปกอดเธอ 
ฝากมวลหมู่ดาว พราวพร่างฟ้า 
ยามราตรีนี้ 
กระซิบบอกว่า 


อย่าร้องไห้นะคนดี ที่คิดถึงฉัน 
ฝากแสงจันทร์ โลมไล้ ดวงใจให้ไม่สิ้นหวัง 
โลกและคืนวัน แสนดี ยังมีอีกยาวนานนัก.. 
และทุกสิ่งจัก..แพ้พ่ายใจ ดวงดีที่มั่นคง 
ไม่ว่าจะรอนานสักเท่าใด 
ขอเพียงอย่าหวั่นไหว ในรักนี้ของสองเรา ...!!!!
.............................

บัวบูชา


อย่างช้าช้าฟ้าแปรเป็นสีโศก
โลกทั้งโลกดูราวจะหยุดหมุน
ทุกก้าวย่างอ้างว้างวางวายวุ่น
แลละมุนรายรอบนาทีนั้น

นั่นป่ากกรกเรื้องามเหลือล้ำ
วิถีธรรมธรรมชาติดุจภาพฝัน
ทุกชีวีพึ่งพิงกันและกัน
รู้เท่าทันรู้รักษาฟ้าประทาน

หอมบัวบานตระการแย้มกลีบเกสร
ยั่วภมรร่อนภิรมย์น้ำผึ้งหวาน
บ้างชูช่อรอแสงทองเหนือสายธาร
มิยอมรานราโรยรับแสงธรรม

บัวสี่เหล่าพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้
ยังเวียนว่ายวิบากเฝ้าครวญคร่ำ
รับกิเลสเวทนาวนเพรงกรรม
จิตระกำย้ำทุกข์ท้อทรมาน

เลือกชูช่อรอแสงทองแสงธรรมนำชีวิต
ถูกฤาผิดแค่อดีตให้พ้นผ่าน
รักษาศีลสมาธิปัญญาญาณ
ให้จิตบานเหนือโลกย์เหนือโศกกรรม...!



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song420.html
รางวัลชีวิต   ชัชฎาพร ลักษณาเวช 

พระพุทธองค์ ท่านทรงสอนเรื่องเวรกรรม
คนไหนใครทำ กรรมเคยก่อเอาไว้อย่างไร
ก่อน นั้น เคยทำกรรมไว้ชาติใด
ชาตินี้ต้องได้ รับกรรมที่ทำก่อนนั้น
ตัวฉันคงทำ แต่กรรมซ้ำอยู่เสมอ
ชาตินี้จึงเจอ เวรกรรมเก่าเข้าย้อนผูกพัน
ปวด ร้าว ตรอมตรมขื่นขมอนันต์
ทำดี สารพันรางวัลที่ได้ก็คือเคราะห์กรรม
โธ่ เอ๋ย พระเจ้าไม่เคยปราณี
ในชาตินี้ ทำดีไม่เคยก่อกรรม
หวัง ให้ ผลบุญได้น้อมนำ
ล้างเวรที่เคยทำ แต่ชาติ ปาง ก่อน
สิบนิ้วประนม สวดมนต์พร่ำบ่นบูชา
กุศลนำมา จงนำข้าสิ้นเวรดั่งวรณ์
หากแม้ ชีวีสิ้นลับดับมรณ์
เวรกรรม ทุกชาติก่อน
บรรเทาผันผ่อน อย่าตามซ้ำเลย...


1156296426.jpg				
6 กรกฎาคม 2552 18:33 น.

สายฝนสายฝัน..สวรรค์รมณีย์..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song336.html
ปีศาจวสันต์ 

แสงเทียนวะวูบไหวท่ามเสียงฝน
ฟ้ามืดมนหม่นหมองราวร้องไห้
หยาดน้ำตานางฟ้าดับแล้งไร้
พลีฝากให้พสุธานี้รมณีย์วัน

กี่วสันต์ตกต้องครองดวงจิต
หนาวชีวิตหนาวชีวาล้าแรงขวัญ
ช่อไมตรีผลิบานรับแสงตะวัน
ต่อไฟฝันยอดสร้อยร้อยอักษรา

หวังดอกไม้แย้มช่อในกอใจ
สู่หวังใหม่สายรุ้งเสน่หา
ทิพย์เทวีสู่วิมานแห่งมนตรา
รอเวลาแสนดีเรามีกัน

วิมานดาวพราวพร่างในยามดึก
ณ ไพรพฤกษ์ดั่งแดนสวรรค์
พบเงียบงามนิยามปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์
เพื่อฝากฝันฝากใจไปตราบกาล......!


.........................
สายฝนสายฝันสวรรค์ลา!


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song336.html
ปีศาจวสันต์ 

ดวง..นั่งเดียวดายอยู่ในกระท่อมไม้สน
ในยามสนธยาพลบค่ำยามย่ำเย็น
สายฝนภายนอกยังกระหน่ำหนัก
ให้ต้นไม้ริมชายคาแห่งรัก
ที่ได้พักพิงอิงใจในทุกยามเย็น
ไหวเอนรับหยาดละอองฝนพรำ


ดวงดอกโมก สีขาวพร่างพราวพร้อย
ห้อยพลีดอกคว่ำหน้าลงสู่พื้นพสุธา
ราวสาวไพรผู้น่ารัก
รู้จักถ่อมตนถ่อมกมลฝันเสียนี่กระไร
เป็นดอกไม้ชนิดที่แผกพิศ
ที่แสนพิเศษพิสุทธิ์
ที่มิเคยแหงนเงย
เชยเชิดหน้าท้าทายสายฝนและแสงแดด


ก็น่าแปลกดี ที่จริงๆราวกุลสตรีชาวไพร 
ผู้รักดิน มิถวิลจะทะเยอทะยาน
ปานประมาณนั้น


ดวงนั่งรอ..
ให้สายพระพิรุณหยุดพร่างสายพรายพลิ้ว

ตรงหน้ามีแก้วน้ำผลไม้
ที่ดวงสั่งมารินร่ำดื่มให้รื่นรส
ให้หัวใจสลดดายเดียว
ได้รับหยดหยาดหวานชุ่มฉ่ำ 


ให้หัวใจดวงช่างฝันได้ตื่นเต้น..
เต้นถี่ถี่ ในยามเย็น
ดับโลกโศก
สลดไปกับหยดฝนและหยาดน้ำตา
แม้นจะไร้ใครมาสบตา พาให้หวามไหว
ในท่ามกลาง
แสงเทียนริบหรี่วูบไหววับแวมก็ตามที


หากทว่าใจดวงหอมงามนี้
ก็ตื่นพร่างก็สล้างราวดวงดอกไม้
ได้รับหยาดน้ำค้างอมฤต
เป็นความว่างร้างไร้ ที่งามเงียบใจ 
ที่ได้ปลดปล่อยดวงใจพ้นภาระพันธนา


ได้นั่งทอดตาดูแม่ดวงดอกกล้วยไม้ไพร 
ที่ชูช่องงามไสวงามสง่าเลื้อยพันไปกับลำต้น
ของพญาสัตตบรรณ
ที่คงมั่นยืนตรงเป็นช่อชั้นแผ่กางราวร่มยักษ์


ให้พันธุ์ไม้รักไม้เลื้อย
ได้พักอาศัยพันฝากใจเปลือยช่อดอก


นั่นกล้วยไม้หลากสีสัน
ม่วง เหลืองพรายพรรณราย  
ขาวสะอ้านที่แสนงามสง่า
ที่ทำให้ทุกดวงตาดวงใจไหวพบ
กับพลังงามงดแห่งความสดชื่นนี้ 
ที่แสนรื่นรมย์ใจ


สำหรับดวงใจ..ดวงนี้
ที่นั่งๆนึกๆคิดๆลึกๆนึกซึ้งไกล..
ไปกว่าใครใคร


ว่าโลกแสนยิ่งใหญ่นี้
ได้กำนัลฝันฟรีดั่งพลีของขวัญล้ำค่าที่สุด
ให้มวลมนุษย์เรา
ได้เชยชิดสนิทเนา
ในเงาเงื้อมงามธรรมชาติ
ที่ช่างอ่อนหวานอย่างที่สุดแล้วในโลกนี้


ที่ไม่ว่าดวงใจแสนดีจะหันไปในทิศทางไหน
ก็มีพลังงามแฝงยิ่งใหญ่
โอบเอื้อให้หัวใจไหวหวามละมุนรายรอบ
อย่างไม่เลือกถิ่นที่ 


บนภูไพร ป่าใหญ่รกร้าง
ท่ามโตรกธารธาราระรินหลั่งสะพรั่งสายระริกระริน
กลางห้วงหอมมิรู้สิ้นในกระท่อมใบไม้กระท่อมดง


ในดงดวงดอกไม้ป่า
ในดงดอกหญ้าพัดสะบัดไหว
รับพรายแสงตะวันอ่อนอุ่นยามอาทิตย์อุทัย


หรือยามทิวาหวาม
ยามตะวันดวงเศร้าดวงสวย
กำลังจะลาล่วงลาลับฟ้า


หรือกับเหว่ว้าริมทะเลที่เกลียวคลื่น
กำลังซัดสาดหาดทรายกระซิกระริกระรี้
ราวร้องร่ำพร่ำพ้อเพ้อฝากรัก
ว่ายังคงหนักแน่นมั่นคงตรงมั่นมิผันแปร


หรือยามที่...
สายแสงพระจันทร์หวาน ทอ ดวงสวยทุกผืนฟ้า
ไม่ว่าจะเป็นคืนจันทร์เสี้ยวเหว่ว้า
หรือ
คืนที่จันทร์เพ็ญเด่นดวงแจ่มจรัส
ที่หยาดสายหวานสะพัดพร่าง
ให้ห่มหอมงามทุกดวงใจ
ในผืนโลก ลบโศกสร้างสุขสร้างฝัน
ไปกับจันทร์ดวงแอร่มแต้มฟ้าหวานหวาน


หรือ
ยามที่อุทัยโลกหมุนหมุนตะวัน
คืนกลับมาคลี่ยิ้มอบอุ่นอ่อนโยนสาดส่องผืนฟ้า
ให้มวลหมู่นกกาได้เริงร่าผกโผผิน


ให้วัฎฎจักรแห่งทุกชีวิน
ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างเริงร่า
ให้สายธาราระรินไหล
พร้อมดวงดอกไม้ไพรแสนหวานหล่นละลาน
หว่านพรายแตะแต้มเต็มท้องน้ำ 
งามจนยากบรรยาย


หรือ
ในท่ามกลางผาหิน
ที่นอนเคียงคู่ขวัญอ้อนจันทร์อ้อนใจ
นอนนับดาวพราวไสวสุกเต็มอ้อมฟ้า
ราวทะเลดาวพราวพร่าง


ให้ได้อ้อนสุดที่รัก
ให้เด็ดดาวมาแตะแต้มประดับผม
ให้วะวิบวาวราวมงกุฎเพชร
ราวเพชรจากมือนางฟ้าโปรยปรายให้ชื่นให้ฉ่ำ
ให้สร้างฝันหวามไหว
ไปตามจินตนาการหวานหอมมิรู้สิ้นรู้จบ


หรือ
ในกระท่อมริมทะเลฝัน ในเกาะห่างไกลผู้คน
มีเพียงสองกมลขวัญ
นอนห่มผ้าผืนเดียวกันซุกอกอุ่นไอ
ดูสายฝนพรำ  ฟ้าฉ่ำริน


ดูดวงดอกฝนที่แตกดอกพร่าง
กลางเวิ้งน้ำทะเลเขียวมรกต
ที่แสนงดงามราวดวงดอกไม้เล็กๆ
เต็มแต้มแย้มงามพราวไปทั่ว..ผืน
ราวฝืมือจิตรกรเอกมาเสกสรร..วาด

หรือ
กับแสงเทียนวะวูบไหว
ระบัดพลิ้วไหวไปตามแรงลม
กับโนมเนื้อละมุนอุ่นอิ่ม
กับหอมกลิ่นกรุ่นกาแฟ
กับหนังสือดีดีในมือสักเล่ม
ให้....
กระท่อมฝันกลายเป็นกระท่อมสวรรค์หวาน
ในชั่วพริบตา ก็มิปาน


และแปลกดีนะ 
ที่หัวใจ คนเรานี้ต่างมีคนละดวง 
ต่างเก็บไว้คนละทรวง
และต่างจิตต่างใจต่างลิขิตคิดฝันไป
ได้หลายร้อยพันรูปแบบ
ในทิศทางธรรมทางใด


แต่ทว่า
หากสองดวงใจมิสิ้นสายใยสายใจรักถักทอ
ใจดวงแยกนั้น
พลันจะพร้อมพลี
หันกลับมาหลอมละลายรวมกันได้เป็นหนึ่งเดียว
จะเกี่ยวเกาะไว้อย่างแนบแน่น


ไม่ว่าจะห่างกันแค่ไหน
จะไกลสักครึ่งฟ้า
หรือว่าจะว้าเหว่เดียวดาย
พลัดพรายอยู่ไกลกันคนละซีกโลก
ก็จะมาบินมาสอดผสานผสม
ห่มหอมหวานในห้วงใจ
ราวเป็นหนึ่งเดียวมิเกี่ยวกับไกลกับกาลเวลา


ใจทุกดวง
เพียงเปิดใจรับสรรพสิ่งแสนงามไม่ว่ายามไหน
กับทุกสิ่งที่แสนยิ่งใหญ่
ที่ธรรมชาติหยิบยื่นให้มา


เพื่อให้มวลมนุษย์
ได้พาพบมาหลอมละลายสงบงามในนวลเนื้อใจ
ให้รู้รักกันแบ่งปันฝันพลีฝันฟรีนี้

ราวกับจะมาสอนบทเรียนแสนดี
ให้มวลมนุษย์ได้หยุดคิดทำลายกันและกัน
รวมทั้งธรรมชาติ
ที่มีแต่ฝากความงามความดี


ให้ดวงใจเรานี้เปิดรับพลังภายใน
เปิดบ้านแห่งจิตวิญญาณ
รับดวงดอกไม้บานรับสายฝน สายฝัน  
รับสายแสงทอง
หยาดละอองน้ำค้างในยามเช้า


เฝ้ารอสายน้ำผึ้งหวาน
จากพรายพระจันทร์ในยามค่ำ
รับหยาดน้ำค้างใสในยามดึก
มาดื่มรินราวดวงดอกไม้
ให้คลี่เพียงหัวใจถวิล
รับเพียงงามง่ายใกล้ตัว

และ
ให้ดวงใจมิหมองมัวมืดดำ
รู้คิดคืนงาม
ในนิยาม*ให้*แด่เพื่อนมนุษย์
ร่วมโลกโศกสุขทุกข์ร้อนเดียวกันนี้
ที่จำต้องหันมาพึ่งพาพึ่งพิง..


ไม่ใช่ทิ้งธรรมชาติงาม
แล้วมีแต่ตาต่อตารบราฆ่าฟัน
ให้..
เลือดหลั่งรินให้ใจโศกเศร้า
ราวอมนุษย์ก็มิปาน

ไยกันเล่าถึงต้องประหัตประหารเข่นฆ่ากัน
เจ้ามนุษย์ผู้โง่เขลาเบาปัญญา

สำหรับดวง..
มีความสุขเหลือล้ำ
เสมือนหัวใจมีรากแก้วรากขวัญ
ที่ฝังลึกผนึกเป็นหนึ่งเดียวกับทุกสรรพสิ่ง
ที่สอนให้รู้นิ่งมองงามในทุกยามเหงาว้าเหว่


เหมือนสายฝนสายฝัน
ที่ช่างแยกกันมิออกเลยนะ
เพราะฝนคือพลังมหัศจรรย์
ให้ทุกดวงใจได้พบหวานหวัง
พบพลังสร้างฝันแสนงาม


บางครั้งฟังเสียงสายฝนมาตอกย้ำ
ให้ชื่นฉ่ำชีวาชีวิต
และ
มาตรแม้นบางคราฟังราวปีศาจวสันต์
มากระหน่ำซ้ำเติมใจให้ยิ่งเจ็บช้ำ
ย้ำยิ่งตรมระทมทุกข์


มาร้องคร่ำครางครวญหวนไห้โหยหา
ยามดวงใจอ่อนล้า
สิ้นไร้รักร้างไร้ร่างใครมาเคียงข้างกาย
ที่ทำให้ยิ่งกระหาย
อยากผวาหาอ้อมอกอุ่นมาซุกซบ
ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน 


แล้วสบตาหวานฉ่ำ
กระซิบพร่ำคำรัก
แลกรสรักหวานหวานระร่ำระริน
มิสิ้นสายสวาทเสน่หา


โอ้..กระไรเลย..ใจดวงงาม
แค่นั่งมองสายฝน
ไยต่อสายฝันให้พลันลอยละลิ่วปลิดปลิวไปไกล
ได้ถึงเพียงนี้ละหนอละนี่


มองอีกที..เอ๊ะ!
หรือเพราะว่า
น้ำผลไม้สีเลือดรักสีทับทิมพลันพร่องแก้ว
แววหวานเลยวะวับจับจิตจับใจ
ให้ฝันไกลไปได้ถึงไหนไหนนะนี่นะ


จนต้องหันกลับมาหยุดฝัน
ก่อนที่น้ำตาขวัญฝันจะพลันพร่างร่วงริน
เมื่อตระหนักว่า....
ไม่ว่าจะวันนี้วันไหน
หัวใจดวงนี้ก็ยังดายเดียวเดียวดาย

ราวอยู่....

ท่ามกลางปลายโลกร้าง

 ลำพังและลำพังนิรันดร..!

............................................

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song336.html
ปีศาจวสันต์ 
 
เรา จากกันวันนั้นยังจำ
จากกันวันนั้นฝนพรำ
พรางม่านกรรม คล้ำครึ้มคลุมเวร
ลมครางฝนครวญ ไพรสั่นชวน รวนระเนน
ความกดดัน ขั้นเดน เหมือนจะเค้น ฆ่า กัน
เรา จากกันวันนั้นนานมา
แต่เมื่อวสันต์ลีลา ฤาสร่างซาฝนฟ้าฟูมฟาย
ฤดู ฤดี มันไม่มี วันคืนวาย
มันสาปใจ สาปกาย คล้ายมนต์ร้าย พรายผี
ผี วสันต์ มันหลอก มันหลอน
ปีศาจวสันต์วันก่อน ยังสังวรณ์ เวรนี้
ฟัง โถฟัง ฟังฝนตกซี เหมือนนรกตกตี
ย้ำ ขยี้ ใจ ตรม
ไป จากไป ไปแล้วไปเลย
อย่ามาชวนชิดชวนเชย
ปีศาจเอย ร้างเลยอารมณ์
ลมมา ฝนมา จงอย่ามา พาระทม
เพียงโศกทราม เศร้าซม ฉันจะล้ม ตายแล้ว...
.....................
				
4 กรกฎาคม 2552 14:40 น.

ดั่ง..แสงตะวัน...!

พุด


อาจจะเป็นนางใจนางในฝัน
เพื่อสร้างสรรโลกงามนิยามค่า
อาจจะเศร้าดายเดียวชั่วชีวา
อาจเหว่ว้าในเส้นทางอ้างว้างวน

หากปิติจิตกับชีพนี้ที่เมตตา
หอมปัญญาสะสมบุญสร้างกุศล
ใครพิพากษาเช่นไรไม่หลงตน
โอบกมลด้วยรักสลักใจ

บทกวีเรียบง่ายหมายฝากขวัญ
มหัศจรรย์ปลายปากกาสู่ยิ่งใหญ่
วิมานทิพย์วิมานทองคล้องหทัย
พาเธอไปพบแสงธรรมระร่ำริน

กี่ปีแล้วพิสูจน์ภักดิ์ด้วยศักดิ์ศรี
ที่เพียรพลีรจนามิรู้สิ้น
แม้นเหน็บหนาวเศร้าสร้อยรอยชีวิน
ใจดวงดินดวงดีมีผันแปร

รักแสนรักร่มเรือนไทยในดวงจิต
เฝ้าลิขิตสอนใจไม่ยอมแพ้
พรหมชะตาฟ้าดลงามดวงแด
จักแน่วแน่แม้ปิดทองหลังองค์พระปฏิมา

พันเรื่องราวยาวนานทั้งหวานโศก
สยบโลกย์พานพบดินกลบหน้า
สายธารดาวรับร่างรานกัปป์กาลเวลา
เพียงปรารถนาสถิตนิจนิรันดร์

ในแสงเทียนบูชาหน้าพระพุทธ
ให้มวลมนุษย์ข้ามพ้นสู่แดนขวัญ
แดนเงียบงามเกินใดมหัศจรรย์
เพื่อฝ่าดั้นพ้นลวงบ่วงติดตม

ปลดสายใจวันนี้ที่ร้อยรัด
สร้อยวงวัฏฏเสน่หามาห้อมห่ม
ไม่ติดสุขทิ้งทุกข์อดีตตรม
แม้นระทมเลิกวนภพลบด้วยลืม....!



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3816.html
ดวงตะวัน 

ดวงตะวัน
ที่เคยส่องแสงให้ความ สว่าง
กำลังจะจาง
กำลังจะเลือนหายไป
คนที่ดี ที่มีแก่ใจให้กัน มาก่อน
กำลังจะลืม กำลังจะเดินหนีไป
ท้องฟ้าก็คงมืดมน
และคงมีคนเสียใจ อา!!
แค่เพียง อยากรู้ว่าทำไม
ตอบได้ไหมเล่าดวงตะวัน
แม้แต่ดาว ที่พราวบนฟ้าก็ดู
เลือนลาง
และมันก็จาง ไม่พอจะแทนที่ใคร
คนใด
มีแต่เธอ เป็นเพียงตะวันไม่มี
คนอื่น
และเธอเท่านั้น
คือดวงตะวันที่หายไป
ท้องฟ้าก็คงมืดมน
และคงมีคนเสียใจ อา!!
แค่เพียง อยากรู้ว่าทำไม
ตอบได้ไหมเล่าดวงตะวัน

ท้องฟ้าก็คงมืดมน
และคงมีคนเสียใจ อา!!
แค่เพียง อยากรู้ว่าทำไม
ตอบได้ไหมเล่าดวงตะวัน
ตอบได้ไหมเล่าดวงตะวัน... 
 
				
3 กรกฎาคม 2552 09:34 น.

เสียงกระซิบ...จากขอบฟ้าฝัน..!

พุด

sea.jpgwhite-dress-jan-easters-cumber.jpgnew_courtyard_lrg_04.jpgnew_courtyard_lrg_01.jpg
ไกลกันสุดขอบฟ้า
เสมือนว่าแนบชิดสนิทใกล้
เนานิจในดวงใจ
ยอดหฤทัยสร้อยชีวิต

พรากลานานแค่ไหน
เพียงใดเหว่ว้าพรหมลิขิต
มหัศจรรย์เมตตานิรมิต
คืนทิพย์เทวีกลับมา

ยอดขวัญ...
กี่วันกี่คืนปรารถนา
ระหว่างเราในเงาตา
มิเคยร้างลาแรมไกล

เหมือนดวงดอกไม้ผลิแย้มกลีบ
ให้ชีพโชนช่วงไสว
ต่อหวังพลังยิ่งใหญ่
เกินใดงดงามเปรียบปาน....!



ดลบันดาลใจ จากภาพงาม
คิดถึง..เพชรเม็ดงามแห่งอันดามัน
หนึ่งนุชนวลมณีผู้เป็นที่รัก...

พะงันพ้อทะเลเพ้อรอเธอกลับ
เฝ้าคอยนับรับดวงใจคืนสู่ขวัญ
ลมระบัดฟ้ายังงามท่ามคืนวัน
เป็นนิรันดร์รักยิ่งใหญ่เหนือใดปาน

คือแดนดินถิ่นรักทะเลใต้
ดวงดอกไม้บานชูช่อหวานแสนหวาน
จันทร์ดวงโตลอยดวงให้เบิกบาน
ดั่งวิมานประดับหล้าใต้ฟ้าไทย

เรือมนุษย์มากมายหมายฝั่งฝัน
พากันดั้นด้นมาจากแดนไหน
มาวางวายก่อนถึงฝั่งสัจจใจ
ด้วยเหตุไม่ใช้เข็มทิศธรรมส่องนำทาง

ดั่งนาวานำชีวิตผิดเป้าหมาย
จึ่งเวียนว่ายทะเลโลกย์โศกอ้างว้าง
เรือลำน้อยค่อยค่อยจมอับปาง
ในระหว่างพายุกล้าน่าเศร้านัก...!

.............................................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song346.html
เสียงกระซิบจากเกลียวคลื่น 


พี่พุดครับ

ที่หนาวเหน็บเจ็บช้ำเกินรำพัน
คือคืนวันฝันสลายกลายเป็นตรม
รักเคยชื่นกลับกลายเป็นขื่นขม
เคยภิรมย์สมรักกลับพังภิณท์...

รำลึกถึงพี่สาวที่แสนรักครับ...

จากรอยหมึก...ทราบว่าพี่พุดกลับบ้าน

เป็นอย่างไรบ้างครับ 
กับการไปชาร์จแบตครั้งนี้ 
หาก..
ไม่เป็นการรบกวนพี่สาวที่แสนดี 
เล่าให้น้องชายที่ทุกข์ตรมคนนี้ฟังบ้างสิครับ

ผมรักมาลัยรักอักษราของพี่พุดครับ

................

น้องชายคนดีที่แสนน่ารัก

พี่พุดเพิ่งกลับจากพะงันค่ะ
และ..
เที่ยวนี้ดวงชีวีพี่พุดก็อิ่มเต็ม ค่ะ
มาตรแม้น..
ดวงจันทราที่นั่นยังไม่เต็มอิ่มพูนดวง
พาลอยล่วงพ้นผืนน้ำทะเล..ระยิบระยับ
ยามอาบด้วยพรายแสงจากสายธารน้ำผึ้งพระจันทร์ผ่องพรรณราย
เหนือฟากฟ้าทะเลฝัน
อันพร่างพราวด้วยมวลหมู่ดารารายดาระดาดแสนสุกใส
ดูใกล้แสนใกล้จนแทบเอื้อมมือคว้าไขว่ได้เลยค่ะคนดี


พี่พุด..เดินริมชายหาด
ที่ลมพัดแรงราวแกล้งให้หนาวเนื้อ...หนาวนวลค่ะ
แล..
โลกของพี่พุดที่ชอบสวนกระแสโศกสุข..
ก็...
กลับแสนสงบเงียบงาม ในท่ามปาร์ตี้ริมหาด
ที่กำลังอึกทึกครึกโครม ด้วยความเมามันส์ 
น่ากลัวเสียจนขวัญจะหาย

หาก..
นี่คือธรรมดาชีวิต ธรรมดาชีวี
แห่งวัยวันของการเสาะแสวงหาความสุขของคนรุ่นใหม่
ที่มาจากต่างแดนแสนไกล*เมืองศิวิไลซ์วัตถุ* คนละทิศคนละทาง
บ้าง....
อาจจะกำลังค้นหาเส้นทางแห่งประสบการณ์เพื่อสร้างตัวตน
ตราบจนกว่าจะค้นพบว่า
*สุขใดเกินกว่าความสงบเป็นไม่มี*

พี่พุดปูเสื่อเหนือเนินทรายสวยแล้วก็ปล่อยร่างระทวย
นอนดูดาววะวาววับ แสนสุกใสสกาว
เห็นดาวพระรัตนตรัย แสนไสวเกษมเลยค่ะ

พร้อมนั่งทานข้าวฝีมือน้องสาวคนดีที่มีครัวเคียงทะเล
แกล้มเสียงเกลียวคลื่นซัดฝั่ง
ดังเป็นระลอกระลอก...
ค่อยๆทะยอยทอยทอดเคลียเเคล้า
เล้าโลมปลอบปลุกผืนทราย
หมายมั่นสัญญาจะไม่มีวันทิ้งทอด
และจะ..
โอบกอดอย่างสัตย์ซื่อถื่อมั่น..
ไปตราบ...
จนอนันต์นิรันดร์โลกมลาย....


พี่พุด..ได้ปีนเขาขึ้นไปสู่*วิมานลอย*
ที่ดินพี่พุดที่ลอยละลิบ
ให้แลลอดทอดทัศนาเห็นเวิ้งอ่าวสามด้าน
ปานวิมานเมืองแมนแม่นแล้วค่ะ
...............

และ..
พี่พุด...
ได้ไปนั่งนิ่งนิ่ง..เหนือที่ดินอีกที่ของพี่พุดค่ะ
ชื่อ*วิมานวนา*ในท่ามฟ้าโพล้เพล้

แล้วก็
ตกอยู่ในภวังค์ฝัน ฝัน ฝัน แสนหวาน
ไปกับดวงตะวันสีแดงแช๊ด
ที่กำลังอ้อยอิ่งอ้อนอำลาผืนน้ำทะเลตรงหน้า
ระหว่างเกาะแตนอกกับแตใน

ในท่ามมนต์ม่านเมฆวิเวกสงบหากแสนงดงาม
ด้วยรัศมีสีรุ้งแสนจรุงจรัสใจ
ณ..ลานศิลาวัดเขาถ้ำ
ที่มีต้นลั่นทมโผล่อยู่ในแง่งหินงาม บานสล้าง
ระร่ำรินมาชั่วนาตาปี
เป็นดอกไม้รักอมตะนิรันดร์
ที่เปรียบประดุจดั่งตำนานฝันพะงันงามมานานช้าแล้วค่ะ


พาให้หยาดน้ำตามาคลอครองเต็มนัยน์ตา
เมื่อโหยหาหวนไห้
รำลึกนึกถึงอดีตยามวัยเยาว์
ที่..
เคยพาร่างมานั่งเงียบเหงาอย่างเหว่ว้า
เพื่อรอท่าดูดวงตะวันลา 
ดูทะเลกว้างใหญ่จรดขอบฟ้าแลละลิบ เบื้องล่าง
อย่างอ้างว้างดายเดียว..เดียวดายเป็นที่สุด

และ..
กับฉากสุดท้าย ท้ายสุด
ที่..
พี่พุดนั่งมองฟองคลื่นสีขาว
แตกพรายกระจายไปรายรอบลำเรือ
ที่..
ค่อยๆพาร่างพี่พุด ให้พรายพลัดพรากจำจากลา
มาไกลบ้านอีกคราและอีกครา

และ..
คงนานเนา..
ตราบจนกว่า...คำอธิษฐานภาวนาจะเป็นจริง.!



กระท่อมไพรบนเนินผาท้าสรวงสวรรค์
มีทะเลฝันตรงหน้าให้คว้าไขว่
มีดาวสวยทรายขาวหาดยาวไกล
มีน้ำใจมีความรักมีดวงตะวัน....

ยามเช้านอนดูดวงดอกไม้มาทายทัก
หวังยอดรักคืนอ้อมใจในอ้อมฝัน
ลมทะเลเห่ครวญรำพึงรำพัน
ดุจสวรรค์บนดินถิ่นรักเรา

รอเรือหาปลาลำน้อยค่อยคืนฝั่ง
ฝากใจหวังพรานทะเลคงไม่เหงา
ใครบางคนเฝ้ารอมานานเนา
คืนว่างเปล่าเขากลับมาหาเสียที

ใจดายเดียวดูตะวันผันเรี่ยน้ำ
ฟ้าสีครามงามดั่งทองอาบแสงสี
จุดตะเกียงเขียนกลอนฝันมอบวันดี
กระท่อมไพรนี้มีใจภักดิ์เฝ้ารักรอ

แสงพริบพราวราวไฟในทะเลกว้าง
แสนอ้างว้างห่างแค่ไหนใจไม่ท้อ
กี่คืนฝันกี่วันปีที่รักรอ
กระท่อมซอมซ่อผุพังฝังร่างนี้ที่รอรัก ..รอพรานทะเล!


ท่ามกลางจันทร์ลอยดวง ดึกดื่นดายเดียว..
นะกระท่อมน้อยเชิงผา
ในราตรีหนึ่งที่ระดะดาวพราวพร่างสุกใสแสนใกล้

ราวกับจะเอื้อมคว้าไขว่มาประดับใจได้
พุดพัดชานั่งฟังเสียงคลื่นสะท้อนจากก้อนหินริมฝั่งทะเล
ราวกับเหว่ว้าเสียเต็มประดากับการรอคอย..พรานทะเล..ที่พรากไกล..
ก้อนหินได้ยินได้ฟังก็เพียงแค่รับฟัง ดั่งเพื่อนใจปลอบประโลม..
...................



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song346.html
เสียงกระซิบจากเกลียวคลื่น 

เสียง คลื่น ซัด ฝั่ง
มัน คลุ้ม คลั่ง ฝัง รอย สวาท ใจ
มันซุก มันไซร้ มันซบทรวงทราย
แทรก ซึมไม่มีวันวาย
มันเคลิ้ม มันคลุก มันเคล้า มิคลาย
รสทรายรื่นรมย์
เสียง กระ ซิบ แผ่ว
ฟัง หวาน แว่ว พริ้ว ตามเกลียวคลื่น มา
เรารัก กันหนา มาหา มาชม
คลื่น คอยติดตามเกลียวลม
มาร้อย รอยรัก มาทัก คลื่นชม
ภิรมย์เพียงฝั่ง
ฟัง ซิคลื่น มันละ เมอ
ฝาก สวาท เหมือน เธอ ละเมอเพ้อให้ ฟัง
เห็น ใจฝั่งบ้างหรือ ยัง
ฝั่ง รัก จี รัง เหมือนคลื่น ยืนใจ
เสียง คลื่น ซัด ฝั่ง
กระ ซิบ สั่ง ฝัง รักตลอด ไป
มันซุบ มันซิบ กันชื่นใจ มันซบ มันหนุน จนอุ่นไอ
กระซิก กระซี้ กันเรื่อยไป
จะรัก กันไว้ ตลอด กาล
เสียง กระซิบ กระซิบ ตลอด กาล
กระซิบ ว่ารัก ตลอด กาล
กระซิบ ว่ารัก ตลอด กาล
กระซิบ ว่ารัก ตลอด กาล
กระซิบ ว่ารัก ตลอด กาล
เสียง กระซิบ กระซิบ ตลอด กาล
เสียง กระซิบ กระซิบ ตลอด กาล... 
 
  
Shahzad_Rose2.jpgV261682.jpgV263209.jpgbayview_lrg_06.jpgexecutive_lrg_05.jpg				
2 กรกฎาคม 2552 20:20 น.

จุดไฟรักรจนา....ฝากอาทร....!

พุด


ร่ายรจนาบทกวีแสนสวยงาม
ในนิยามหญิงหนึ่งซึ่งช่างฝัน
ในดวงใจวัยเยาว์นิจนิรันดร์
มหัศจรรย์ราวสายรุ้งสุนทรีย์

มีบทเพลงในฤดีที่หวานแว่ว
ระฆังแก้วแพรวพรายพิเศษศรี
กับงามเงียบเรียบง่ายในชีวี
กับวันที่ดายเดียวลำพัง

เหมือนดวงดอกไม้แย้มบานในดวงจิต
ชื่นชีวิตชุบชีวาต่อเติมหวัง
เหมือนนวลนางนกไพรพรากรวงรัง
ทิ้งความหลังบินสู้ฟ้าท้าฝันไกล

ตามดวงดาวประจำชีพซึ่งโชนช่วง
ชัดฉายดวงส่องสว่างช่างสุกใส
กับแก้มอิ่มยิ้มรอเลิกหนาวใจ
พร้อมจุดไฟรักรจนาฝากอาทร....
ฝากอาวรณ์จากใจดวงอรชรพุดพัดชา...!

.........................................



http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song48.html
ไม่รักไม่ว่า 

รู้รู้อยู่ มิควรคู่ กับจอมใจ 
วาสนาเราแสนไกล หนักหนา
แต่ความรัก หักฉันใดไม่เลือนลา
แค่เพียงไม่เห็นดวงหน้า เหมือนว่าจะบ้าตาย
สุดเหลือ จะบอกเขา ให้เข้าใจ
ว่าเรา รักเท่าใดจริงแค่ไหน ทั้งใจและกาย
ให้คิด เลิก รัก ไปเหมือนให้ตาย
มันโหดร้ายเกินไปแก้วตา
จอมใจไม่รัก ก็ไม่ต้องรัก ต้องฝืน
จอมใจไม่ชื่น ก็ไม่ต้องฝืน เวทนา
เพียงแต่ขอ ให้พี่รักภักดีสุดา
ก็สุขอุราเป็นวาสนา พี่นัก
ใจเธอนั้นจะรักชอบมอบผู้ใด
จะเป็นของใครเมื่อไหร่ ไม่ห่วงเลยที่รัก
ชาตินี้ พี่ น้อย บุญนัก เจียมตนสู้ข่มรัก
สร้างกุศล รอชาติใหม่มี

จอมใจไม่รัก ก็ไม่ต้องรัก ต้องฝืน
จอมใจไม่ชื่น ก็ไม่ต้องฝืน เวทนา
เพียงแต่ขอ ให้พี่รักภักดีสุดา
ก็สุขอุราเป็นวาสนา พี่นัก
ใจเธอนั้นจะรักชอบมอบผู้ใด
จะเป็นของใครเมื่อไหร่ ไม่ห่วงเลยที่รัก
ชาตินี้ พี่ น้อย บุญนัก เจียมตนสู้ข่มรัก
สร้างกุศล รอชาติใหม่มี... 
.................................................
 
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด