20 กันยายน 2546 22:26 น.

ดั่งนกไพรใจดายเดียว!

พุด

ดั่งนกไพรใจดายเดียว! พุดพัดชา 
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=3238


ฉันชอบความดายเดียวความเปลี่ยวเหงา
แค่มีเงาใครบางคนในใจฝัน
ฉันชอบความงามเงียบและนิ่งงัน
ฉันชอบวันเหว่ว้าค้นหาใจ..

ใครใครชอบท้องฟ้ามีดวงดาว
คนใจเศร้าชอบความมืดไร้เคลื่อนไหว
ชอบตะวันตกดินเหว่ว้าใจ
ชอบลำเนาไพรไกลห่างร้างไร้คน..

เมื่อมีรักฉันชอบห่างห่างบ้าง
ให้อ้างว้างเว้นช่องว่างในบางหน
ให้ค้นหาความหมายในใจตน
ให้เพาะบ่มความคิดถึงซึ้งใจกัน..

ฉันชอบเดินเดินเดินด้วยอ้างว้าง
สู่ทุ่งกว้างสู่ภูเขาพบเงาฝัน
ให้ดอกไม้สายลมอ้อมหวานจันทร์
โอบกอดฉันแทนเงาใจไม่มีจริง!


นกขมิ้น 
ดิอิมพอสซิเบิ้ล : : Key F 
ค่ำ คืน
ฉันยืนอยู่เดียวดาย
เหลียวมองรอบกาย
มิวายจะหวาดกลัว
มอง นภามืดมัว สลัวเย็นย่ำ
ค่ำคืน เอ๋ย ฮืม
ยามนภาคล้ำไป ใกล้ค่ำ
ยินเสียงร่ำ คำบอก
เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย
เจ้าดอก ขจร
นก ขมิ้น เหลืองอ่อน
ค่ำแล้ว จะนอน ไหน เอย
เอ๋ย เล่า นก เอย
อก ฉัน ทุกวันเฝ้าอาวรณ์
เหมือนคนพเนจร
ฉันนอนไม่หลับเลย
หนาว พระพายพัดเชย
อกเอ๋ยหนาวสั่น สุดบั่น ทอน
ฮืม
ยามนี้เราหลงทาง กลางค่ำ
ยินเสียงร่ำ คำบอก
เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย
เจ้าดอก ขจร
ฉันร่อนเร่ พเนจร
ไม่รู้จะนอน ไหน เอย
เอ๋ย โอ้ หัวอก เอย

บ้าน ใด
หรือใครจะเอ็นดู
รับรอง อุ้มชู เลี้ยงดูให้หลับนอน
นก ขมิ้น เหลืองอ่อน
ค่ำไหน นอนนั่น
อกฉัน หมอง ฮืม
ทนระกำช้ำใจ ยามค่ำ
ยินเสียงร่ำ น้ำตก
โอ้หัวอก เอ๋ย
โอ้อก อาวรณ์ ฉันไร้คู่ ร่วมคอน
ต้องฝืน นอน หนาว เอย
เอ๋ย โอ้ หัวอก เอย
เมื่อ มอง
หมายปองก็แลเห็น
หวิวในใจเต้น
เหมือนเป็นเพียงแต่มอง
เหมือน พบรัง จะครอง
แต่หมองเกรงที่
หวั่นจะมีเจ้าของ
ฮืม
ฟังสำเนียงเสียงเพลง
ครวญคร่ำ ใครหนอร่ำ คำบอก
เจ้าช่อไม้ดอก เอ๋ย
เจ้าดอก ขจร
นก ขมิ้น เหลืองอ่อน
ค่ำนี้ จะนอน ไหน เอย
เอ๋ย นอน ที่นี่ เอย... 

				
20 กันยายน 2546 21:09 น.

ใจกลีบดอกไม้!

พุด



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2247

หัวใจเธอหัวใจฉันหัวใจฝันใฝ่
หวานหรือไม่ใครเล่ารู้ใครเล่าเห็น
เพียงใจเราเพียงใจเขาคิดให้เป็น
ดวงตาเห็นดวงใจงามตามรู้ใจ...

หัวใจอ่อนโยนฤาอ่อนหวานปานน้ำผึ้ง
อยากให้ซึ้งอยากให้เศร้าใส่สิ่งไหน
อยู่ที่เราอยู่ที่เขาอยู่ที่ใจ
อยากได้ใจเช่นไรใส่เช่นนั้นฝันได้มา...

อยากมีไหมกลีบหัวใจเป็นดอกไม้
ค่อยค่อยให้ค่อยค่อยวางกลางเหว่ว้า
มีสติที่เงียบงามทุกเวลา
กระซิบค่ากระซิบคำเลิศล้ำใจ..

ใจดวงเดิมใจดวงดีมีแต่ให้
ดั่งกลีบดอกไม้ค่อยวางซ้อนอ้อนอ่อนไหว
ให้ความรักให้ภักดีให้น้ำใจ
กลีบดอกไม้หัวใจก็หวานก็บานพราว...

กี่ภพชาติดอกไม้ใจไหวกิ่งฝัน
ดลเธอฉันพานพบลบใจหนาว
ชั่วกัปป์กัลป์หัวใจขวัญชูช่อพราว
หัวใจราวกลีบดอกไม้ให้ความดีให้รักนี้กับทุกคน!ทุกดวงใจ!




จินตนาการ..ตามพุดพัดชานะคะ
ภาพ...กลีบดอกไม้รูปหัวใจ..สีชมพูโอด์ลโรส..ชมพูอมส้ม
วางซ้อนกันเป็นดวงดอกไม้..
กลางเกสรนั้น..คือสุภาพสตรีหรือสุภาพบุรุษในดวงใจของเราเอง...นะคะ
ที่คุณรักเขาและเธอดั่งดวงใจค่ะ
......



สวนดอกไม้...เราใช้สมองสองมือสร้างงาม
และมองงามเห็นได้ด้วยตาภายนอก..
ส่วนริมใจกลีบดอกไม้...
เราใช้ดวงตาที่สาม ดวงตาภายใน..
เพาะปลูก จะให้งามแค่ไหน 
อยู่ที่ดวงใจเรา...ต้องเพาะหว่านด้วยการให้รัก..
ให้น้ำใจ ให้อภัย กรุณา มากเมตตา

ด้วยดวงใจอันโอบเอื้อ อันอ่อนหวาน อันอ่อนโยน
ต่อเพื่อนมนุษย์ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น..

และยิ่งให้ได้มากเพียงใด
หัวใจเราก็จะนิ่มนวลดั่งกลีบดอกไม้ ที่ชูช่อฝัน ทีละกลีบละกลีบ
วางเรียงร้อยให้หวานหอมพราวพร่างริมใจเรา..
อย่างบางเบาอย่างอ่อนหวานอ่อนโยน..
ให้ใจกลีบดอกไม้...อิ่มฝัน สงบงาม
ตามผูกพันไปถึงจิตวิญญาณทุกภพทุกชาติไป..นะดวงใจนะคนดี!ที่แสนรัก! 


				
19 กันยายน 2546 14:54 น.

ต้นไม้แห่งรัก!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=3892

ไพล..เป็นนักอยากจะเขียน ที่เพียรขยันสร้างฝัน
เหมือนสายฝนสายฝันอันพร่างหลั่งริน มิขาดสาย
ที่พริ้งพราย ที่มากมีมากมาย.. ความรัก..ความในใจ..

ที่ซุกซุกสุขซ่อนซึ้งโศกโลก  ทั้งหวานทั้งเศร้า
ทั้งเข้าใจโลกเข้าใจคนเข้าใจธรรมชาติชีวิต...

จนบางครา..มือที่จับปากกานั้นแทบเขียนไม่ทันความรู้สึกของหัวใจ
ที่ไหลบ่าล้นทะลักยิ่งกว่าน้ำที่ถูกกักถูกปล่อยออกจากเขื่อนซะอีกค่ะ..

ไพล..คิดเร็วมาก เขียนเร็วมาก และพิมพ์ยิ่งรัวเร็วราวข้าวตอกแตก..
เคยบอกว่า..ชอบเด้งดึ่งกลางดึกดื่นมิใช่ฝึกยิมนาสติกออกกำลังกายในร่มกับใครนะคะ
หากเป็นเพราะ ค่ำคืนไหนที่ยังไม่ง่วงโงกหลับพับไปเสียก่อน
ยามคิดถึงคำงามๆได้หรือเรื่องที่เราคิดว่างามมันส์อยู่คนเดียว 
ที่ไม่สนว่าจะเกี่ยวใจใครได้บ้างหรือไม่ละหนอ
ไพลก็..จะเด้งร่างห่างง่วงขึ้นมาแบบน่างวยงงพิศวงเลยละ

และคิดดูก็น่าน้อยใจ
ที่ขะไหนขนาดนี้ก็ยังห่างไกล คำว่า..ดีไรท์เตอร์(มิใช่ซีไรท์นะคะ)
และอย่าว่าแต่อะไรเลย เขียนมาสามร้อยเรื่องเข้านี้แล้ว
 ยังห้อยยานมิเคยได้ขานชื่อขึ้นหน้าหนึ่งไทยรัฐ อ๋อ..เรือนไทยริมใจรึมบึง
ยังงี้ก็พอจะบอกได้แล้วละว่า ฝีมืออะฮั้นนั้นต้องฝึกปรือพัฒนา
ต้องดิ้นหาคุณครูด้านกานท์กลอน
เผื่อฝันจะรำไรใสสวยขึ้นมาบ้างท่าจะงามท่าจะดี

แต่อย่างว่านะคะ คนเราลงไม่รักความก้าวหน้า 
ก็อ้างเหตุผลมาร้อยแปดพันกว่าหมื่นประการ
ที่จะไม่ตั้งใจเรียนและเพียรพยายามฝึกฝนอดทนเอาดีให้ได้
จะเดินนอกรีตนอกรอยประจำตลอดเลยละค่ะ..เฮ้อ!
ให้อภัยกันเถอะนะคนไม่รักดี..ก็ยังงี้แหละ
 ทนๆอ่านไปละกันนะทุกดวงใจ....ไหนไหนก็ไหนไหนแล้ว..

ที่บ่นไปเขียนไปนี่อมยิ้มนะ 
มิได้เศร้าหรือว่าประชดประชันใคร เพราะใจพุดพัดชา
มีความสุขมากๆๆ
กับการที่ได้เขียนวกวนแบบเรามาสองคนวนเอ๋ยวนเวียนน่ะนะคะ
....
และนะวันนี้..ชื่อเรื่องวันนี้ ..ที่จะตั้งใจจะรจนา เป็นตอนๆ
ตามที่มีผู้หวังดีที่ขี้เกียจย้วยตามอ่าน
จนจะยานตามไปพอๆกันกับคนเขียนแล้วละค่ะ

และทำไมนะ ทำไมหนอ...นะเรือนไทยแห่งนี้
เหมือนหัวใจใครบางคนจะมีพลังจิต 
นั่งทางในมีกระแสจิต กระแสใจกระแสส่งงาน
คล้ายใจเราเสียก่อนหน้าไปซะทุกที..

เขา..เขียนเรื่องนก..เราก็ง้างจะเขียนเรื่องต้นไม้
น่าจะรอให้ต้นไม้โตก่อนค่อยมาสร้างรังนะพี่..นะ ช้าหน่อยก็ด้าย..ไม่ว่ากันนะพี่เนอะ

เอาเป็นว่าไพล..
ไพลขยับจะเขียนเรื่องต้นไม้มาหลายทีแล้ว
เพราะมีแรงฝันบันดาลใจ บันดาลกรรมให้ท่านผู้อ่านต้องติดตาม
แรงใจแรงฝันที่ว่าคือ..
เกิดมาก็มีดวงใจรัก ต้นไม้ สายลม แสงแดด
 ดาวสวย แถมกล้วยตาก (แบบชื่อพ๊อกเก๊ตบุ๊คพี่จุ้ยเลยนะ)
เพราะว่าเราสองล่องเรืออยู่เกาะใกล้ๆกันไงคะ

ไพล..อยากเขียน เกี่ยวกับต้นไม้ในดวงใจเป็นตอนๆสัก ร้อยตอนจบ ดีไหม
จริงๆต้นไม้ในดวงใจมีมากเกินกว่าร้อย
เพราะหากหยิบยกขึ้นมาเล่า 
และพรรณาให้เศร้าซึ้งใจสุขใจ...
เบิกบานใจไหวงาม....
คงมากนิยาม..มากคำงาม..มากค่าล้ำ..รำพันรำพึง
ที่อยากตรึงใจท่านผู้อ่านให้มิเพียงผ่านตา

 หากอยากให้ทุกดวงตาดวงใจได้กลับไปไขว่คว้า
ค้นหาต้นไม้ภายในดวงใจ  ที่ประทับใจที่เคยสร้างรอยสุข 
รอยสนุกให้หวานงามและตื่นเต้นท้าทายให้
ได้ปีนไต่ตามหาฝันในวัยวันวัยเยาว์ 
ที่โลกของเราแสนสวยใสพอบริสุทธิ์
ราวไม้ผลิใบเริ่มแทงหน่อต่อยอดออกรากจากดิน

จริงๆรักต้นไม้ทุกต้นนะ ไม่มีเลือกที่รักมักที่ชัง
เพราะต้นไม้..มิใช่คนค่ะ 
ที่ห้ามรักทีละโหลละหลาย..หากเราสามารถรักได้ตามใจเรา
ไม่มีจำนวนนับ 
รักแบบไม่ยั้ง รักทั้งราวไพร ทั้งผืนป่าทั้งหล้าโลกได้ยิ่งดียิ่งงามละมุน

และเราจะรักจะจูบจะกอดต้นไม้แบบปู้ยี่ปู้ยำแบบมันเขี้ยวแค่ไหนก็ได้
 เพียงอย่าให้ถึงตาย
ให้ใช้ใจรัก..รัก ดูแลทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเหมือนเลิ้ยงเมียเลี้ยงลูกยังไงยังงั้นค่ะ ยิ่งดี

ส่วนรักแบบที่ต้องเอาขวานไปฟันเอาเลื่อยไฟฟ้าไปหั่นไปตัดมาเป็นท่อนๆมานอนดู
มาเปลี่ยนเป็นกระดาษสีสีที่มีค่าแต่ไม่นานวันในกระเป๋า 

อย่าได้รักแบบทำลายยังงั้นเลยนะคนดี 
เพราะว่าบางทีรักแบบนั้นมันจะหมุนวนมาทำลายให้เรา
ต้องใช้ไม้มาเป็นเรือนอนเท้งเต้ง ไม่มีแผ่นดินอยู่ และไม่มีอะไรเลยนอกจากน้ำๆๆๆ
น่ากลัวไหมละ 

ไพล..เลยตั้งใจ จะเขียนให้ย้วยน้อยลงหน่อยนะคะ
แบบว่าอยากให้เป็นอนุสรณ์ความทรงจำ
 บันทึกรักจากสาวงามแห่งไพรพฤกษ์พรรณพฤกษ์
ที่คึกและนึกเรื่องต้นอะไรในดวงใจได้

ก็นำจะเขียนๆๆๆมาเรียงร้อยให้.สวยสล้างให้งามอร่ามใจอร่ามไพร
อร่ามเรือนไทยระบัดใบโบกโบยพลิ้วเลยละ

จริงๆไพลต้องวางพล๊อตจัดอันดับต้นไม้แห่งรักในดวงใจ นี้เสียก่อนน่าจะดีนะ
หากจะรจนาให้งามและไม่สับสน
แต่ไพล เป็นคนคิดอะไรได้ก็คล้ายดั่งจะบรรเลงสดค่ะ..
ออกมาจากใจไฟฝันอารมณ์ศิลปศิลปิน
แบบแรงร้อนสะท้อนสะเทือนเลยนะนาทีนั้น...

และไพล..บางคราก็อยากตั้งคำถาม 
ให้ทุกคนให้นิยามและเขียนแกล้มมากับงานไพล

ถึงต้นไม้ในดวงใจสักคนละต้น
ณ.เรือนไทยแห่งนี้ คงหอมกรุ่นกมลละมุนไปด้วยพันธุ์พฤกษ์ไพร 
หวานระบัดใบสวยใสในช่องามแห่งความทรงจำ
ที่คงงามงดหมดจดแสนดีแข่งกันชูช่อล้อลมพราวไสวเลยนะ

เอาเป็นว่า..
นะนาทีนี้
ไพล..เริ่มรักต้นไม้เริ่มเรื่องต้นไม้ในดวงใจไปก่อนละกันนะ

ที่ไพล..จะเขียนในบทต่อไปคือมะพร้าวค่ะ
แต่ว่าวันนี้จะลง..งามของต้นไม้ที่ไพลว่าแสนมหัศจรรย์ 
เพื่อเรียกดวงใจฝัน เรียกคนอ่านมาตามติด..ติดตามตอนต่อไปภาคต่อไปก่อน

คือไพลจะเขียนเกี่ยวกับ..
ต้นมะม่วงหิมพานต์..
ที่นามประเดิมก็แสนขลังและเป็นมงคลนาม

ต้นไม้แสนรักต้นนี้
ที่ไพลนำมาเขียนเป็นต้นแรก แทนต้นมะพร้าวที่น่าได้ลำดับแรกนั้น

ด้วยเหตุว่าต้นไม้ต้นนี้ คิดคราใดหัวใจก็อบอุ่นแสนหวาน
เพราะความน่ารักน่าชัง และมากมายหลายองค์ประกอบ
เช่นชอบกิน เม็ดมะม่วง  เป็นต้น

ไม้ฟอร์มสวย ใบเขียวพราย แตกกิ่งก้านสาขา
พาให้เราปีนป่ายได้ง่ายดาย ไต่ตามฝัน 

และไพลนั้นเห็นพัฒนาการของดอกใบผลมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกเลย
ไพลรัก..สีของผล สวยมากคล้ายผลชมพู่
และระทวยด้วยหลงเสน่ห์
ในงามไร้จริต ที่สวรรค์และธรรมชาติลิขิต 
ให้เม็ดโผล่ออกมาชนิดสิ้นสงสัยจากหว่างพูส้มสวย
แต่รสชาติฝาดลิ้น หากไม่กินกับเกลือหรือพริกกับเกลือ

นี่คือตัวอย่างแค่นิดเดียวนะ
ขอเวลาเขียนให้งามทุกต้นทุกดวงดอกใบเลยค่ะ

เพียงว่า อย่าลืมมาทายทักใจ มาพักใจ 
ไปกับร่มเงาไม้ ใกล้สายชล ในชายคาเรือนไทยรึมบึง

ที่หวานหวังรอคอย 
ให้ทุกดวงใจมาร่วมปลูกต้นไม้ในดวงใจไปด้วยกันนะ

เพื่อคืนโลกฝัน โลกจริงให้อวลหอมอบอุ่นไป
ทุกทิวาราตรี ที่เรายังมีฝันในดวงใจ
ที่ดั่งน้ำใสจะรินรดและแบ่งปันเกื้อโลกอันเร่าร้อนนั้น
ให้เยือกเย็นละมุนลงนะคะคนดี



หาภาพต้นมะม่วงหิมพานต์ที่เม็ดห้อยออกมาไม่ได้
เนื่องจาก..ขัดข้องทางเทคนิค 
เมาส์ไร้สายคล้ายได้เชื้อรวน..ไม่ทำงานเลยค่ะ 
เอานกไปดูแทนเม็ดมะม่วงก่อนละกันนะ คืนนี้
				
18 กันยายน 2546 15:19 น.

วสันต์ลีลา!

พุด


พายุฝนก่อตัวตั้งเค้าทะมึนมาในยามสนธยาฟ้าใกล้ค่ำ
ในขณะที่ไพลกำลังเต้นระบำ เริงร่ายกลางลานกว้าง
กับจังหวะรุมบ้าและบิกินอันแสนหวาน กระหึ่มใจ
กับบทเพลงริมฝั่งน้ำอันแสนซาบซ่านหวานซึ้งตรึงใจเสียไม่มี 
ตามมาด้วยชะชะช่า และเซิ้ง สะบัดรัดรึงใจ ยามทอดแขนตวัดวงซัดส่ายร่ายลีลา
กระแทกกระทั้นรุนแรงแฝงลีลาอันอ่อนช้อยยวนยั่วใจ ให้ไหวยวบละไมละมุน

หัวใจและร่างไพล ราวลอยละล่องราวล่องหนหายตัวไปในแดนสวรรค์สรวง
กับเสียงทิพยดนตรี คีตบรรเลงที่พากันโหมกระหน่ำ   

คิดถึงเมื่อยามได้ลีลาศกับบทเพลง
ที่มีมนต์ขลัง อย่างกับแทงโก้ ที่คงโดนใจแทงใจใครสักคนให้พิสวาทไม่คลาดคลา
ยามได้ทอดทัศนาลีลาการสลัดร่างและหมุนตัว 
ลอยละล่องละลิ่วปลิวลมคว้าง..พากระโปรงบานกว้างพลิ้วหวานบานแฉ่ง
ราวเต้นกลางมวลหมู่เมฆ แสนหวานนวลนิ่มอันพรายพริ้วพรมพร่าง
ด้วยความงามละเมียดในลีลา..ในศิลปน่าเสน่หา ในท่วงท่าที่ต้องได้รับการฝึกฝนนานปี
ที่ต้องใช้อารมณ์ใช้ดวงใจรักในการเต้น ให้อ่อนหวาน ให้พลิ้วไหว
ให้เป็นไปตามบทเพลงอันแสนรัญจวนหวนไห้ไหยหรือเริงร่า..




ไพล..คิดถึงหนังดี..ที่ดีจนต้องดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า   ด้วยซาบซึ้งเศร้าสุขใจเป็นที่สุดแล้ว
 และต้องซื้อหามาเก็บไว้..ดูยามดายเดียวเปลี่ยวเหงากับใจในโลกของผู้คนที่สับสนเสียยิ่งกว่า
เพื่อได้นำมาสอนใจ ให้งามงดหมดจดสู้โลกโศกสุขต่อไปแบบไม่ยึดติด..
หนังเรื่องนี้..
เป็นตำนานชีวิตจริงของนักบัลเล่ต์ ก้องโลกชื่อบิลลี่ เอลเลียต 
เริ่มจากวัยเด็กชายตัวน้อยๆ ที่ต้องคอยช่วยดูแลคุณย่า 
พร้อมกับจะเปิดเพลงและเต้นๆไปในทุกเวลาของชีวิต
เขาเติบโตกับความยากไร้ กับผู้คนในเมืองเล็กๆในชนบทในเหมืองถ่านหิน 
ที่หน้าตามอมแมมแทบไม่เห็นแสงอาทิตย์ เพราะเมืองนั้นมีแต่วันฝนโปรยกับม่านหมอก
พี่ชายและพ่อ เป็นนักต่อสู้สนใจการสไตร์คการประท้วง
เพื่อสิทธิของผู้ยากไร้ที่ฝากชีวีไว้กับเหมืองถ่านหินเพียงประการเดียว

ในขณะที่เด็กน้อยนั้นเฝ้าฝันใฝ่ในฝันอันสล้าง 
แอบไปเรียนการเต้นทางหน้าต่างกับครูสาว
ที่เธอยอมทิ้งเมือง...มาใช้ชีวิตเรียบง่ายสอนบัลเล่ต์ให้กับเด็กๆผู้หญิง
ในเมืองอันเหว่ว้า ไร้แสงสี

เธอคนดี..คือไฟฝัน คือพลังผลักดัน คือก้าวฝันให้เขาสู้ เรียนรู้
และแผ้วถางทางให้กล้าเอื้อมมือคว้าดาวพรายพร่างสว่างใสมาไว้ในอุ้งมือ
ไว้ประดับใจ ประดับหล้าโลกนี้...
ที่ทุกก้าวย่างของการเต้นคือพลังฝัน...
ที่ใช้หัวใจซาบซึ้งในความเป็นศิลปินศิลปะผ่านร่างงามที่ได้รับการฝึกฝน 
มาอย่างช่ำชองอย่างหนักนับแรมปี
ที่เขาและครอบครัวต้องทุ่มเทเสียสละฟันฝ่าความยากไร้
เพื่อก้าวไปเรียนในสถาบันบัลเล่ต์แห่งมหานครลอนดอน
อย่างผู้ไม่ยอมพ่ายต่อโชคชะตาฟ้าดิน

และภาพสุดท้ายที่ทิ้งทวนไว้ให้ตราตรึงในความทรงจำคือ
ภาพคืนฝันบนเวทีอันแสนตระการตาที่แสนจะยิ่งใหญ่อลังการ
ภาพงามของพญาหงส์ ที่กำลังเหินหาวทุกก้าวย่าง 
ในมลังเมลืองของม่านหมอกในแดนสรวง
ที่งดงามราวป่าพิมพานต์ 
ทิ้งให้คนดูปรบมือกราวด้วยน้ำตาที่หลั่งริน 
มิรู้สิ้น ด้วยความชื่นชม ด้วยความประทับใจ




...........
และ..นาทีนี้ไพล อยากฝากกระซิบถึงดวงใจถึงทุกดวงใจนะคะว่า
ยามไพลเหว่ว้า หาทางออกไม่พบเจอ..ไพลจะฟังเพลงของEnya 
ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเฉกเช่นกัน และสร้างพลังไฟฝันด้วยหนังแสนดีซ้ำซ้ำสักเรื่องนึง
บางครานอนดูหนังสลับกับในเรียวตามีระบัดใบของเขียวไพลจำปี
ที่แสนเงียบงาม สงบงาม ให้หลอมละลายดวงวิญญาณ ดวงใจให้นิ่งงัน
แม้นดวงตาจะแสนบอบช้ำ เพราะปล่อยให้สายวสันต์พร่างสายละหลั่งรินนะกลางใจ
ไร้ผู้ใดรับรู้และเหลียวแล..แลเหลียว..

ไพล..จึงได้คิด..เหตุใด เราถึงปล่อยให้ใครบางคน 
มาลิขิตชะตา มาพังทะลายความรักความฝัน ให้มอดมลายหายวับดับดวงใจ
ดับไฟฝัน จนมอดสิ้น ทั้งๆที่เขามิได้มีหัวใจถวิลมาแลเหลียวมอง

และ...ไยเล่า..เราต้องเฝ้าโศกตรมเพียงลำพังกับความหวังไร้สิ้น..สิ้นหวัง
ที่เขานั้นก้าวเดินเข้ามาฝากรอยแผลใจมาเหยียบย่ำเย้ยไยไพ แล้วพรากไป
ด้วยรอยยิ้มสาสะใจอย่างผู้กำชัยชนะ อย่างผู้ชนะ..

อย่าทรุดร่างลงตรงหน้า กราบไหว้วอนอ้อนขอความเมตตาปรานี 
เพราะหากหัวใจมีไว้เพียงเฉพาะให้คนจำเพาะพิเศษพิสุทธิ์ใจ 
ที่ดวงใจเขาสร้างบุญ สร้างกุสลให้หมุนวนมาได้พบได้รักกัน
 ใจใครก็ใจคนนั้น
ใครละ ที่เขาจะจ่ายแจก
แบ่งแหลก..แลกได้..ให้ให้ทานไป..
มันมิใช่! ของซื้อขาย..มันคือเนื้อใจ..มีหนึ่งเดียว!
ที่รอคนพร้อมเกี่ยวเหนี่ยวจิตวิญญาณที่พร้อมพลีที่ถึงกัน
และ..จำไว้..ใครคนนั้น..มิใช่เรา!


..............

ลุกขึ้นมาสิดวงใจ..อย่ามัวไหวอ่อนล้า
ค่อยๆหาหลักจับยึด 
นั่นไง..
ต้นไม้แห่งชีวิตต้นไม้แห่งชีวี แห่งดวงใจนี้ที่จะสถิตครอง
นั่นไง..แมกไม้ สายธาร สายลมหวานระริน ที่ยินดีมอบให้
มิใช่พายุร้ายที่หมายก้าวมาโบกโบยทำร้าย ให้ตายแตกดับดิ้นสิ้นดวงวิญญาณฝันวิญญาณรัก
หาฝั่งที่พักใจมิพบเจอไปชั่วกัปป์กัลป์
ให้โอกาส ตัวเองนะดวงใจ เลิกมองหาสิ่งแสนไกล เกินเอื้อม คว้าไขว่
 เหมือนเรียวรุ้ง เหมือนสายฝัน อันสิ้นไร้ไยพันผูกรัดร้อย
ได้แต่แหงนคอรอคอย  คอยแล้วคอยเล่า  คอยเศร้า 
วันแล้ววันเล่า อย่างเยียบเย็น อย่างปวดร้าวใจ


..................

สายฝน..เริ่มกระหน่ำหนัก
ไพลพักใจพักความคิด 
แหงนเงยหน้าเรียวละมุนให้รับซัดสาดจากสายฝนพลันให้ตื่นจากฝัน 
ให้หัวใจอันอ่อนไหว อ่อนหวาน ยอมรับความจริง...
ไพลก้าวช้าช้า....ผลักบานประตูกระท่อมไม้สนเข้าไป 
ภายใน ในความหวานสลัวของแสงไฟ 
ที่โต๊ะประจำใจของไพล..ริมหน้าต่างกระจกบานกว้าง ที่ไพลชอบทอดร่าง
ใช้ใจดวงนิ่งงัน มองแมกไม้ไทยรายรอบ
บัดนี้..มีร่างสูงเพรียว ผิวคล้ำของใครบางคนนั่งแทนที่..

เขา..มองไพล..เพียงแวบเดียวกับร่างเปียกโชกที่มีหยดฝนพราว
ใบหน้าซีดราวกระดาษด้วยหนาวเย็น
เสื้อยืดสีขาว รัดร่างแนบเนื้อยิ่งหนาวสั่น
แล้ว..เขาก็ก้มลงอ่านวารสารการเงินตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ
ที่ไพลพอมองผ่านแวบเดียวและสังเกตเห็น

ไพล..ขอโทษ..เจ้าของร้าน ที่กุลีกุจอชงชาเขียวอุ่นๆให้ 
ไพลรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนโตซับหยาดฝนด้วยเกรงใจจะเปียกพื้น..เปื้อนพื้น
แล้วทรุดตัวลงนั่งช้าช้า..
เหลียวแลหา โมกดอกพราวที่บานหวานเศร้าละออล้อดวงใจปลอบดวงใจในทุกยามเย็น
กล้วยไม้ยังชูช่อพวงชันฝันเคียงกันบนคาคบ  ให้ไพลแอบซุกซบใจยามอ่อนล้า และรจนา
งานฝันบรรเจิดใจ นะตรงนี้ นะที่นี่ สถานที่แสนสุขในดวงใจ ..


..........

ไพล..ดึงซีดี ออกจากเครื่องเล่นพกพา
ที่ชอบนำมาเสียบหูฟังลำพังยามเสียงภายนอกนั้นวายวุ่นใจจนไร้สมาธิ
ยามที่ต้องการพลังฝันพลังใจ ในงามเงียบดายเดียวให้เปลี่ยวเหงาล้ำลึก
สุขแบบไร้ผู้คน..รบกวน 
..
ในบรรยากาศยามค่ำ ที่สายฝนกำลังพรมสาย พร่างพรายภายนอก 
กับมวลหมู่ดอกไม้ไทยที่กำลังคลี่กลีบหวาน..บ้างราน..บ้างรับ..กับสายฝนเริงร่า

เสียงครวญคร่ำของบทเพลง จากแผ่นซีดีที่ชื่อ  Paint the Sky with Star ..The BEST OF  ENYA
หวานวิโยค..ให้โลกโศก..คนเศร้าได้หยุดฟัง..
กับเครื่องเล่นประจำร้าน ที่หวานเศร้าอวลไปทุกอณูกลบขมกาแฟ..

คิดถึงฟ้าเต็มผืนงามเข้ม  สีน้ำเงินสะท้อนแดดจากทะเลคาริบเบี่ยน..
บทเพลง.. Storms in Africa
คิดถึง
ภูเขาเสียดยอดทายทักฟ้า
เงาเมฆลอยมา แย้มยิ้ม..
 ใบไม้ร่วงกล่นควะคว้างลอยละลิ่วพัดปลิวไสวไปตามแรงลม



ดวงดอกไม้ป่าห่มหวานพร่างไพร
หยาดละอองฝนค้างใสอยู่กลางกลีบละออ
ของใบอ่อนเขียวไพลเพิ่งผลัดใบผลิดอก
คิดถึงป่าอวดดวงดอก ไม้ใบสีสัน แดง ส้ม เหลืองทองละออละอองน้ำตาล
คงงามสล้างไปทั้งราวป่าแบบไม่กลัวเปลืองทุกเฉดสีแสงแข่งแรงร้อน 
ภูเขาสูงตระหง่านแม้นเข็งแรงปานใด
ก็อดอ่อนไหวอ้อนคลอสายหมอกสายเหมยสายไหมเสียมิได้
เพื่อรอให้หยาดสายพระพิรุณพร่างพรม ให้ร้อนคลายให้ห่มใจ..

และในผืนทุ่งหญ้ากว้าง สัตว์ป่ามากมายคงหมายออกล่าเหยื่อ
เสือ สิงห์ กระทิง แรด   เก้งกวาง บ่างชะนีคงร้องโหยหวน.
ดงดอกหญ้าก็ไหวเอนระบัด สะบัดพลิ้วลิ่วเอนอ่อน ไปกับรอนรอนแสงสนธยา




เสียงหวานหวานของนางไพรยังไม่หยุด..ยั้ง
ฝากบทเพลง..
กำลังออดอ้อนซอนเซาะหวาน..
ผ่านขุนเขา เงา ดาว สายธาร ม่านเมฆ ดวงดอกไม้ พรายพระจันทร์
ผ่านกำแพงฝันทะลุทะลวงจักรวาล เวิ้งฟ้า เวิ้งฝัน 
ผ่านมหาสมุทร ทะเล ฝัน ฝ่าดวงตะวันสู่ป่าดงดิบ ในไพรกว้าง
 สู่ทุ่งหญ้าอันโอนไหวอ้างว้าง ดายเดียว ยามตะวันชิงพลบ 
หลบลับลา ในเงื้อมผา โตรกธาร ในเงื้อมเงางามสลับซับซ้อนอ้อนม่านเมฆ  
รอนรอนแสงตะวันลาลับเหลี่ยมโลก จับไพรโศก นภาพร่าง ห่างไกลโลกวุ่นวาย
ร่ำลา ดงไม้กระจายแสงสีทอง อาบหล้า ห่มป่า  ผืนไพร และสรรพสัตว์ ให้หยุดหากิน ผ่อนพัก..
โอ้ละหนอ ฤดูกาล เหมือนเมื่อวาน เหมือนวันนี้ เหมือนเดือนปี ที่หมุนวนที่หมุนเวียน
ที่เปลี่ยนผันมาแตะแต้มผืนหล้า โอบนภา ปลอบประโลมดวงใจ..
โฉนเลยใจจะท้อจะแท้จะยอมแพ้จะยอมพ่าย!


............


เพลง Paint the Sky With Star กำลังพาให้หัวใจอยากร้องไห้
ใครบางคน เคยกระซิบ บอกไพลยามเหงาใจคลอเคลียฟังเพลงนี้ด้วยกันว่า
ไพลนั้นหนาก็คงเหมือนภาพวาดในปกอัลบั้ม 
ที่เป็นภาพผู้หญิงเดียวดายในมือซ้ายถือกระป๋อง
ที่เลอะเลือนด้วยนวลพราวขาวสีหยาดย้อยลงมาข้างกระป๋อง
 และมือขวาเธอนี้..มีพู่กันที่ผ่านการแตะแต้มท้องฟ้ากำมะหยี่สีหม่นดำตรงหน้า
ให้ดวงดาราพรายพร่างระดะดวง เต็มผืนฟ้า 
ปลายพู่กันที่ถือค้างคานั้น สบัดพลันก็พริบพราวพร่างพรึบราวเพชรพร่าง..
...ไพลนะหรือหากคือสาวเหว่ว้านางนั้น 
ก็คงแค่ฝันๆจะแต้มดาวพรายให้ทุกดวงใจไทยโพเอม 
ได้มองฟ้าหาสิ่งอันงามตาอย่างดวงดารา
มาประดับอ้อมใจอ้อมฝันสถิตหวานหวังกลางใจไปนานเนานิรันดร์ 
เพื่อมีไฟฝันสร้างฝันเป็นดั่งพลังใจไม่รู้จบรู้สิ้นนะคะ



และแล้ว..On my way Home ..ก็นำพาจินตนาการ
เสียงล้อเกวียนเคลื่อนช้าช้า ผ่านเงาดาว เคล้าม่านหมอก 
ผ่านดงดอกไม้ป่าหวานหอมระริน..
ผ่านพรายพระจันทร์หยาดหวานที่ถวิลรินพร่างกลางร่างมลังเมลืองของ
หญิงสาวผู้นอนดายเดียวฝากใจฝากจันทร์อยู่บนลอมฟางกลางเกวียน
 ที่กำลังย่างเหยียบสู่ทุ่งหญ้า
ที่กำลังสุกปลั่งเมื่ออาบทาบทาด้วยสายน้ำผึ้งพระจันทร์กลางป่าใหญ่กลางไพรพฤกษ์
เสียงกระดิ่ง ผ่านละเมาะใส บึงบัวหลากสีสวยใส  บานพราว 
และราว ดวงตาสวรรค์รับรู้ ..
โปรยพรขวัญพร่างพรมห่มร่างงามของเธอในยามราตรีนี้
ให้หอมอวลหวานราวเกสรกลางกลีบบัวพร่างพิสุทธิ์ใสในอณูนึกลึกล้ำด่ำดื่ม

........

เสียงเพลงหวานล้ำลึก โหยหา พาใจ โศก สุข ซึ้งเศร้า ร้าวลึก และคึกคักในบางบท
กำลังค่อยๆทิ้งหวานผ่านม่านกาลเวลา
ลาเลือนหายไปกับสายลมยามค่ำ ที่สายวสันต์ยังพร่างสายพรายพรม
ภายนอกกระท่อมไม้สน...
ราววสันต์กำลังใกล้ร่ำลา วสันต์ลีลา 
ที่แค่ผ่านมาร่ายมนตรามากบทตอนเอื้ออ่อนหวานอ้อนใจ
ให้หัวใจไหวอ่อนได้ละไมละมุน
ในม่านหมอกเมฆฝนเทาทึมครึ้มพยับโพยมบน
ที่คงจะถึงที่ถึงครา  จะวกวน หมุนเวียนเปลี่ยนผันมิแน่มินอน
รอให้ฤดูร้อน พาพวงดวงดอกไม้มาเริงร่ารับลมร้อนอ้อนหวานบานเบิกใจ
ทิ้งให้หัวใจ คนรักสายวสันต์ พลันหมองหม่น 
ทนเฝ้ารอฤดูกาลใหม่ หากฤดีไม่แปรไปเป็นรักอื่นเสียก่อน น่ะนะ
เป็นบทเรียนธรรมชาติมาฝากฝังใจ
ให้ไหวคิดครวญ ว่าโลกนี้หนา หาใช่มีเพียงด้านเดียวฤดูเดียวไม่
เหมือนต้องข้องเกี่ยวพึ่งพิงพึ่งพากันไป
ตราบโลกยังสร้างสมดุลย์ หมุนวนมาให้เรารวมกัน
ในโลกนี้ที่แสนสวยงามยิ่งใหญ่
ให้ทุกดวงใจยังมีไฟรักมีไฟฝันให้หัวใจสรรสร้างฝันสรรสร้างงานงาม
ให้ได้พบรัก...
ให้สมหวัง..
 ให้อกหัก...
ให้ไม่ยักตายง่ายๆ ..
ก่อนจะได้ฝากสิ่งแสนดีไว้ในเบื้องบรรณพิภพนี้





เป็นธรรมชาติไพร ธรรมดาใจที่ต้องพึ่งพิง พึ่งพามีฟ้าดิน 
มีฝนให้ต้นไม้ผลิใบมีเขียวใสแตกช่อ
มีฤดูร้อนให้มีละออของดวงดอกไม้เริงร่าหวานบานแข่งแตะแต้มสีโลกให้คลายหมอง..
มิมีอะไรครองพสุธาและร่างใจนี้ได้ยาวยืน 
คงเหมือนกลางคืน
คงเหมือนกลางวัน
คงเหมือนฉันเธอ
ที่สวรรค์ส่งมาเพื่อพบเพื่อพรากเพื่อจากลา
จงทำใจอย่าคิดมากหากหวั่นไหวนะดวงใจนะดวงตานะคนดี 
จงรอท่าวันฟ้าใส ให้ดวงใจสวยสดพบยอดรักที่รอคอยมาแสนนานนะ จะขอเอาใจช่วย
..........



กลับมาที่ร้านนะ 

หนุ่มร่างเพรียว..เหลียวมาสบตาไพล นิ่งนาน
เลิกอ่านวารสารการเงิน ตั้งแต่เมื่อไรก็มิอาจรู้ได้ 
เพราะไพลมัวหลงอยู่ในภวังค์ฝัน  เพลงฝันอันบรรเจิดใจ
อันพรายพริ้ง อันพริ้งพราวใจ  จนไม่อยากสนใจไยดีใครเอาเสียเลย..

เขา..ก้าวมาช้าช้า และหยุดตรงหน้าก่อนจะขอคุยนั่งคุยด้วย
และบอกไพลว่าบทเพลงคืนนี้ไพเราะมาก
อยากหาฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า..

บทสนทนา ระหว่างเรานั้น พลันคงผ่านบันทึกฉบับนี้นะคะ
เขาคนนั้น..แค่จบลงด้วยความประทับใจและสัญญาว่า
จะพยายามเขียนถึงความงดงามในค่ำคืนนี้ที่ได้ผ่านมาพบและรู้จักกัน
และจะฝากงานนั้นให้ไพลในอีกสัปดาห์..ให้รอท่าอ่านงานนักการเงินผู้มีหัวใจละมุน

เขาฝากขอให้ไพลนั้นช่วยเขียนงานอันเป็นธรรมชาติ
ลงในวารสารประจำบริษัทเพื่อลดระดับ
ความหนัก ความเครียด ให้ผ่อนคลาย 
ให้โลกที่แล้งไร้ ที่มีแต่ใบไม้ดอกไม้แตกกอเป็นช่อเงิน...
ที่พวกเขาต้องใช้สายโลหิต ใช้สมอง แทบโป่งพอง แทนสายน้ำหวานระรินรินรด
ให้งามงดหมดจดสวยใสเหมือนโลกแห่งเรานี้..ที่มีเรือนไทยริมบึงบัวไว้พักใจไว้พักพิง พึ่งพา
ยามดวงใจอ่อนล้าจากโลกภายนอกที่เร่าร้อนแข่งขันกันไม่มีวันสิ้นสุดหยุดได้เลย
....
เป็นคืนค่ำที่เขาบอกว่า จะประทับในความทรงจำ ให้ชีวิตได้สร้างพลังสมดุลย์ใหม่
ให้ชีวีได้ฝันไกล ไปถึงดวงดาวบนฟากฟ้ากว้าง มองหวานของหยาดน้ำผึ้งพระจันทร์ในยามราตรี
ที่ลืมแหงนเงยมาช้านาน..
โอ้..ดวงชีวีคนกรุงกรงหลงเมือง..
ไพลสะเทือนสะท้อนสะท้านใจเสียไม่มี..ปนกับความปลื้มและยินดี 
ที่ได้ทำให้หัวใจใครคนหนึ่งหยุดกับที่ มีเวลาเงียบงามดิ่งด่ำ
กับบทเพลงกับอารมณ์ฝันอารมณ์ใจที่งามพิสุทธิ์ใสล้ำลึก เป็นยิ่งนัก



และ..

เขาจะรู้มั้ยนะว่า..บางเวลาฟ้าดินก็ส่งให้ใครพบใครแค่ชั่วครู่ชั่วครั้ง
แล้วก็หันหลังลามิพาพบกันอีกเลยแล้ว..
....................
ไพล..
เดินกลับบ้าน ในคืนค่ำกับลมหอมร่ำรำเพยหลังฝนตก
กลางสะพานริมลำประโดง 
ไพลยืนมองฟ้ากว้าง 
ใต้ฟ้าหม่น 
ใต้ต้นชมพูพันธ์ทิพย์ที่ดวงดอกดก
ชมพูพริ้งพราว ที่หวานเศร้า 
ที่กำลังปลิดปลิวละลิ่วร่วงควะคว้างลงกลางร่างไพล 
ที่บัดนี้..
น้ำตาในหัวใจก็ยังพร่างสายราวสายฝนพรำ
กับยามนี้ ที่สายวสันต์กำลังลาเลือนลาลับ ลาลืม!


				
14 กันยายน 2546 17:46 น.

ดอกไม้แห่งชีวิต

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=420

เก็บลั่นทมกลางลานผ่านรอยย่ำ
ยังงามล้ำดอกระทมยามพรมพื้น
ตาที่สามเห็นลึกล้ำกว่าคนอื่น
แม้นกับพื้นยังสวยพร่างกระจ่างใจ..

นั่งบนหินริมสระแหนแพเขียวห่ม
นิ่มพราวพรมเป็นสัจจะงามเขียวใส
ได้พักตากับเขียวพร่างกับเขียวไพล
ในดวงใจก็ใสสวยด้วยเงียบงาม..

เสียบลั่นทมกับปอยผมพรมพร่างหอม
เสียงธรรมก้องย้อมดวงใจให้ใสหวาน
เงียบจนนิ่งยิ่งดื่มด่ำน้ำคำงาม
ในเพลยามงามก็พรมก็ห่มใจ..

หลับตานิ่งทิ้งวุ่นวายไว้ภายนอก
พร่ำบ่มบอกงามดวงใจกระจ่างใส
สวดมนต์ตามก้มลงกราบดื่มด่ำใจ
น้ำตาไหลในปิติที่วอนเพียร...

ตามฉันมาสิดวงใจในความฝัน
ลืมคืนวันลืมโลกจริงสิ่งแปรเปลี่ยน
อธิษฐานผ่านความรักวกวนเวียน
สร้างกุศลเพียรเพาะใจบ่มในร่มธรรม

แล้วเหินบินพร้อมกันไปในเวิ้งฝัน
หวังคืนวันเพชรประดับใจใสค่าล้ำ
ลืมความจริงสิ่งที่เราชดใช้กรรม
หวัง..สวรรค์เมตตา..ชาติหน้ามี!


 
เขียนเรื่องนี้ ที่ลานหินแห่งสรวงสวรรค์บนดิน
ที่งามใจร่มใจเป็นยิ่งนัก..
ในเช้าวันอาทิตย์ที่ไพลเพียร..มาเยือนเตือนใจตนเนิ่นนานปี
หวังวาดชีวีให้พร่างใจให้สวยใสสงบงาม 
ในทุกยามแห่งชีวี...ให้ลูกนี้ลืมระทม!ลบระกำ!



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=420

รางวัลชีวิต   


พระพุทธองค์ ท่านทรงสอนเรื่องเวรกรรม
คนไหนใครทำ กรรมเคยก่อเอาไว้อย่างไร
ก่อน นั้น เคยทำกรรมไว้ชาติใด
ชาตินี้ต้องได้ รับกรรมที่ทำก่อนนั้น
ตัวฉันคงทำ แต่กรรมซ้ำอยู่เสมอ
ชาตินี้จึงเจอ เวรกรรมเก่าเข้าย้อนผูกพัน
ปวด ร้าว ตรอมตรมขื่นขมอนันต์
ทำดี สารพันรางวัลที่ได้ก็คือเคราะห์กรรม
โธ่ เอ๋ย พระเจ้าไม่เคยปราณี
ในชาตินี้ ทำดีไม่เคยก่อกรรม
หวัง ให้ ผลบุญได้น้อมนำ
ล้างเวรที่เคยทำ แต่ชาติ ปาง ก่อน
สิบนิ้วประนม สวดมนต์พร่ำบ่นบูชา
กุศลนำมา จงนำข้าสิ้นเวรดั่งวรณ์
หากแม้ ชีวีสิ้นลับดับมรณ์
เวรกรรม ทุกชาติก่อน
บรรเทาผันผ่อน อย่าตามซ้ำเลย... 

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพุด
Lovings  พุด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพุด